xs
xsm
sm
md
lg

(ชมคลิป) “โก๋นักบิน” แฟรนไชส์สุดเจ๋ง! เพราะพิษโควิดจึงต้องหยุดอาชีพ “นักบิน” ชั่วคราว หันทำธุรกิจ “ปาท่องโก๋” ยอดขายเดือนละแสน!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์





แฟรนไชส์น้องใหม่มาแรงแซงทะลุฟ้า เพราะอร่อยฟินเหมือนบินได้ “โก๋นักบิน” ธุรกิจปาท่องโก๋สุดเจ๋งที่ดึงเอาเอกลักษณ์การเป็นนักบินมาเติมแต่งลงบนธุรกิจให้น่าสนใจ เพราะพิษโควิดเล่นงานจึงทำให้หาช่องทางเพิ่มรายได้ โดยเริ่มจากความชอบส่วนตัวและมองเห็นโอกาสในการเติบโตของธุรกิจ จึงลงมือทำและประสบผลสำเร็จในที่สุด


นายณัฐธร และขวัญ เจ้าของธุรกิจแฟรนไชส์ โก๋นักบิน เล่าว่า จุดเริ่มต้นการทำแฟรนไชส์โก๋นักบินนั้นเริ่มจากสถานการณ์โควิด-19 ทำพิษ เดิมทีตนประกอบอาชีพเป็นนักบินในสายการบินชื่อดังอย่าง การบินไทย เมื่อโควิด-19 เริ่มรุนแรงและต่อเนื่อง ทางบริษัทจึงมีมาตรการให้นักบินหยุดบินตั้งแต่ต้นปี 2563 ซึ่งการหยุดบินในครั้งนั้นส่งผลกระทบต่อรายได้เป็นอย่างมาก และในระยะเวลาที่หยุดบินตนก็ได้มีการวางแผนเรื่องค่าใช้จ่ายภายในครอบครัวรอเวลาได้กลับไปทำงานอีกครั้ง ต่อมาในช่วงปลายเดือนตุลาคมปีเดียวกันนั้นมีข่าวออกมาว่าสายการบินดังกล่าวจะมีการปลดประจำการนักบิน ซึ่งมี 2 รูปแบบคือ โบอิ้งและแอร์บัส โดยทางสายการบินจะปลดสายโบอิ้ง 787 dreamliner ที่ตนรับผิดชอบ เมื่อรู้อย่างนั้นตนจึงได้หาช่องทางการหารายได้เพิ่มโดยการทำธุรกิจเพิ่ม เนื่องจากคิดว่าตนเองอาจจะไม่ได้เป็นนักบินอีกแล้ว


ในช่วงนั้นปาท่องโก๋ของสายการบินมีชื่อเสียงอยู่พอสมควร ลูกค้าต่อคิวจำนวนมาก และตนก็กินปาท่องโก๋ดังกล่าวตั้งแต่เริ่มเป็นนักบินและลองกินมาจากทั่วโลก ตนจึงเกิดแนวคิดที่ว่าถ้าหากลองทำเป็นของตัวเองก็คงจะดีอยู่ไม่น้อย เมื่อคิดได้ดังนั้นตนก็เริ่มศึกษาการทำปาท่องโก๋ ลองผิดลองถูกมาอย่างต่อเนื่อง และได้ไปขอสูตรการทำปาท่องโก๋จากคนรู้จักมา ซึ่งเป็นสูตรที่อร่อย เมื่อได้สูตรมาตนก็นำมาปรับเปลี่ยนสูตรใหม่ โดยใส่ความชอบของตัวเองเข้าไปจนเกิดเป็นปาท่องโก๋สูตรใหม่ที่มีชื่อว่า “โก๋นักบิน”


จุดเริ่มต้นในการทำขายนั้น เริ่มแรกลองทำและให้คนในบ้านลองกินดู เมื่อผลออกมาดีก็เริ่มคิดที่จะทำขาย โดยเริ่มขายผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น การโพสต์ลงหน้าเฟซบุ๊กส่วนตัวของตัวเอง และเริ่มมีลูกค้าสนใจและเข้ามาสั่งจองอย่างต่อเนื่อง เจ้าของร้านเริ่มขายออนไลน์ได้ประมาณ 2 เดือน ยอดจองปาท่องโก๋มีเพิ่มขึ้นจำนวนมาก เจ้าของร้านจึงตัดสินใจเปิดหน้าร้านตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 2564 ซึ่งในช่วงแรกที่เปิดร้านมีคนที่รู้จักมาบอกว่า “หนุ่ม ปาท่องโก๋ของหนุ่มสามารถเปิดแฟรนไชส์ได้ และพี่จะเป็นคนแรกที่ซื้อแฟรนไชส์ของหนุ่ม” ทำให้ในตอนนั้นมีทั้งหน้าร้านและมีแฟรนไชส์ 1 สาขา เกิดขึ้นพร้อมกัน


ทั้งนี้ ความพิเศษและจุดเด่นของโก๋นักบินนั้นจะอยู่ตรงที่เนื้อสัมผัสด้านในของปาท่องโก๋ ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับแป้งโดนัท และข้างนอกจะกรอบ หรือ กรอบนอกนุ่มในนั่นเอง และที่สำคัญคือ ปาท่องโก๋ของทางร้านจะไม่ใส่สารแอมโมเนียและสารกันเสีย เนื่องจากสารแอมโมเนียที่ใช้ในปาท่องโก๋นั้นจะทำให้ปาท่องโก๋กรอบ แต่ข้อเสียคือถ้าหากทำไม่ดีก็อาจจะมีกลิ่นเหม็นหืนและฉุนได้ และอาจจะมีลูกค้าแพ้สารดังกล่าวอีกด้วย ทางร้านจึงตัดสินใจไม่ใส่สารแอมโมเนียเพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าให้มากที่สุด รวมถึงวัตถุดิบหลักของทางร้านนำเข้าจากประเทศฝรั่งเศส ซึ่งปัจจุบันปาท่องโก๋ของทางร้านมีทั้งหมด 2 รูปแบบ คือ ปาท่องโก๋แบบธรรมดา และปาท่องโก๋แบบเกลียว


สำหรับเทคนิคและกลยุทธ์ในการทำการตลาดนั้น เจ้าของร้านให้ข้อมูลว่า การตลาดนั้นไม่มีอะไรมาก ด้วยความที่ตนประกอบอาชีพเป็นนักบิน เรื่องการทำธุรกิจจึงค่อนข้างห่างไกล การตลาดจะอาศัยการบอกปากต่อปากจากลูกค้าในช่วงแรก ต่อมาก็เริ่มสร้างเพจเฟซบุ๊กโก๋นักบินเพื่อให้ลูกค้าได้รู้จักเพิ่มมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ในช่วงเดือนธันวาคมที่กำลังจะมาถึงนี้ ก็ได้มีการจับคู่ธุรกิจร่วมกันกับเครื่องดื่มแบรนด์อย่าง “โออิชิ” โดยมีโปรโมชั่นร่วมกันคือ ซื้อโก๋นักบิน 2 ชุด แถมเครื่องดื่มโออิชิ 1 ขวด เพื่อดึงดูดลูกค้าอีก 1 ช่องทาง


ปัจจุบันกลุ่มลูกค้าของโก๋นักบินนั้นมีทุกเพศ ทุกวัย ตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้สูงอายุและผู้ที่ชื่นชอบปาท่องโก๋อยู่เป็นประจำ ซึ่งทำให้ผลตอบรับจากลูกค้านั้นดีเกินคาด ต่อคิวยาวในแต่ละสาขา ในช่วงแรกถึงขั้นต้องสั่งจองล่วงหน้าจึงจะได้สินค้าไป ซึ่งในส่วนของกำลังการผลิตในตอนนี้ถ้าหากนับรวมแฟรนไชส์ทั้งหมดแล้ว จะมีกำลังการผลิตอยู่ที่วันละ 10,000 ชิ้น ที่เคยทำได้สูงสุด แต่ก็สามารถผลิตเพิ่มได้ ขึ้นอยู่กับแต่ละสาขา เพราะทางร้านมีโรงงานผลิตแป้งที่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า ถ้าหากลูกค้าต้องการมากขึ้นก็สามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้


ทั้งนี้ ในปัจจุบันโก๋นักบินมีแฟรนไชส์ทั้งหมด 46 สาขา มีทั้งหมด 2 ขนาด คือ ไซส์ M ราคา 39,000 บาท และ L ราคา 79,000 บาท พร้อมอุปกรณ์ขายทั้งคู่ ซึ่งลูกค้าที่ให้การสนับสนุนแฟรนไชส์นั้นจะมีหลากหลายรูปแบบ แต่หลักๆ จะเป็นลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ที่ต้องออกจากงานที่ทำ โดนลดเงินเดือน รวมถึงลูกค้าที่ต้องการมีรายได้เสริมจากงานประจำ และลูกค้าร้านอาหารที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 นอกจากนี้ผลตอบรับจากลูกค้าในแต่ละสาขาถือว่าประสบผลสำเร็จและดีเกินคาด


สำหรับหน้าร้านของเจ้าของร้านในตอนนี้ได้ทำการปิดหน้าร้านไปชั่วคราว เนื่องจากเจ้าของร้านต้องการจะเน้นไปในส่วนของแฟรนไชส์ให้ได้มากที่สุด รวมถึงสถานการณ์โควิด-19 เริ่มดีขึ้น สามารถเปิดสายการบินได้ ทางสายการบินจึงมีมาตรการให้กลับไปทำหน้าที่นักบินในสายการบินที่ตนรับผิดชอบอยู่ในตอนนี้ หน้าร้านจึงถูกปิดไป จะรับสอนแฟรนไชส์ รวมถึงส่งวัตถุดิบให้กับแฟรนไชส์เท่านั้น


นอกจากนี้สำหรับยอดขายในแต่ละวันนั้นจะสามารถขายได้ประมาณ 10,000-12,000 บาทต่อวัน ซึ่งปาท่องโก๋ของทางร้านจะขายเป็นชุด ชุดละ 40 บาท ปาท่องโก๋ 3 ตัวขนาดใหญ่ ดิปซอส 2 รสชาติ ซึ่งปกติแล้วจะมีดิปซอสให้เลือก เช่นถ้าเลือกเป็นช็อกโกแลตก็จะมีราคา ชุดละ 50 บาท ส่วนถ้าเลือกเป็นคาราเมลจะอยู่ที่ราคาชุดละ 60 บาท วัตถุดิบเหล่านี้ถูกนำเข้าจากต่างประเทศ


ทั้งนี้ ความยากง่ายระหว่างการเป็นนักบินและการเป็นพ่อค้าขายปาท่องโก๋นั้น เจ้าของร้านให้ข้อมูลว่า “ผมเรียกได้ว่ามันเป็นความช่วยเหลือเกื้อกูลกันมากกว่า คือ ผมเป็นนักบินจะได้รับการเทรนด์ การบริหารจัดการความเสี่ยง จัดการด้านความคิดว่าเราต้องวางแผนอย่างไรในการปฏิบัติการบิน ผมก็เอาหลักการเหล่านี้มาปรับใช้ในธุรกิจของผม คือเราต้องวางแผนดีๆ วางกลยุทธ์ บริหารจัดการความเสี่ยงของธุรกิจว่ามีอะไรบ้างและเราก็เลือกสิ่งดีๆ ให้กับตัวธุรกิจปาท่องโก๋ของเราครับ”


อย่างไรก็ตามในอนาคตทางร้านได้มีการวางแผนต่อยอดธุรกิจให้ไปในทิศทางของการขยายสาขาแฟรนไชส์ให้ได้มากที่สุด ที่ตั้งเป้าไว้อาจจะทั่วประเทศ รวมถึงวางแผนนำปาท่องโก๋ขึ้นสู่ห้างสรรพสินค้า ซึ่งอยู่ในกระบวนการของการเตรียมการ และนอกจากนี้ยังมีแฟรนไชส์แบรนด์ลูกของโก๋นักบิน ซึ่งเป็นแฟรนไชส์กาแฟ MOKA PILOT ที่เป็นกาแฟคั่วบดหม้อต้มสไตล์อิตาลี รวมถึงอาจจะมีการทำคุกกี้ ครัวซองต์ ที่กำลังจะมีในอนาคตอีกด้วย

ติดต่อเพิ่ม
Facebook : โก๋นักบิน Gohnukbin เพจบริษัท
















* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *


กำลังโหลดความคิดเห็น