“วันลอยกระทง” เป็นอีกหนึ่งช่วงเทศกาลที่หลายๆ คน สามารถหารายได้เสริมด้วยการขายสินค้าต่างๆ ในค่ำคืนวันเพ็ญเดือนสิบสองที่มีความสำคัญในด้านประเพณีไทยนี้ “กระทงรักษ์โลก” ก็เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่เกินขึ้นจากความคิดในการหารายได้เสริมของสาวพนักงานแบงค์ ที่ได้ใช้กระทงจากกะลาและกาบหมาก มาตกแต่งด้วยเทียนหอม จนกลายเป็นกระทงที่ตอบโจทย์ทั้งในเรื่องความสวยงามและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ทำให้มีลูกค้าสนใจกันอย่างมาก จนมียอดขายกระทงในหลักหลายพันใบในทุกๆ ปี
นางสาวบุญพิทักษ์ ตรีธาสุข เล่าถึงจุดเริ่มต้นการขาย “กระทงรักษ์โลก” ว่า โดยปกติแล้วตนทำงานประจำเป็นพนักงานธนาคารแห่งหนึ่ง และมีความคิดว่าอยากจะหารายได้เสริมในช่วงเทศกาลลอยกระทงด้วยการขายกระทง แต่ด้วยในปัจจุบันมีกระทงรูปแบบสวยงามขายตามท้องตลาดอยู่ก่อนแล้ว จึงได้คิดหาความแตกต่างเพื่อสร้างเป็นจุดเด่นให้กับกระทงที่จะขาย และจุดสนใจให้ให้กับลูกค้า โดยได้ใช้ กะลามะพร้าว กาบหมาก เทียนหอมดอกบัว มาประกอบตกแต่งเข้าด้วยกันให้เป็นกระทง โดยกระทงมีแรงบันดาลใจจากกระทงสายของจังหวัดสุโขทัย และยังมีความตั้งใจให้เป็นวัสดุจากธรรมชาติ เพื่อตอบโจทย์เรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
ทำยอดขายก้าวกระโดด จากหลักร้อยสู่หลักพัน
ในปีแรกที่ทำขายนั้น คือปี พ.ศ.2561 ได้ทำขายในจำนวน 150 ใบ ซึ่งได้ตั้งขายที่บริเวณหน้าธนาคาร ลูกค้าก็ให้ความสนใจเป็นจำวนมาก เนื่องจากกระทงมีรูปแบบที่แปลกตา มีสันที่สวยงาม และมีกลิ่นหอมจากเทียน ทำให้สามารถขายได้หมดก่อนวันลอยกระทง ทั้งที่มีความตั้งใจจะนำกระทงไปขายในวันงาน และในปีต่อมา คือปี พ.ศ. 2562 ก็ได้มีการเพิ่มช่องทางการขายผ่านช่องทางออนไลน์ ทำให้มียอดสั่งซื้อกระทงเพิ่มขึ้นถึง 1,000 ใบ และในปี พ.ศ.2563 แม้จะมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ซึ่งทางแบรนด์ได้คิดว่าน่าจะขาดทุนเพราะได้ลงทุนทำกระทงไปแล้ว แต่ผลตอบรับกลับสวนกระแสด้วยยอดสั่งซื้อกระทงถึง 5,000 ใบ ส่วนในปีนี้ 2564 กระทงรักษ์โลก ก็ยังได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ด้วยยอดสั่งซื้อกระทงถึง 7,000 ใบ
ราคาไม่สูง ตอบโจทย์การตลาด
“เราตั้งราคาไว้ไม่สูงมาก ราคาส่งใบละ 18 บาท จำนวนสั่งซื้อขั้นต่ำคือ 40 ชิ้น สามารถเปิดบิลได้โดยที่ราคาไม่ต้องถึงหนึ่งพันบาท ทำให้ลูกค้าไม่ต้องลงทุนสูง เพราะทางแบรนด์คิดว่าลูกค้าบางคนไม่ได้มีเงินทุนที่สูง และหลายๆ คน ก็อยากหารายได้เสริมเหมือนอย่างเรา ที่สามารถทำกำไรได้ในระยะเวลาสั้นๆ ในช่วงเทศกาลลอยกระทง เราได้กำไรลูกค้าก็ได้กำไรด้วย ต่างคนต่างพึ่งพาซึ่งกันและกัน และเรื่องนี้ยังทำให้ลูกค้ามีการแนะนำต่อๆ กัน จนมียอดขายเพิ่มขึ้นในทุกๆ ปี”
นอกจากนี้ วัสดุต่างๆ ที่นำมาทำเป็นกระทง ก็ยังได้มีการอุดหนุนวิสาหกิจชุมชน โดย “เทียนหอม” นั้น ได้มาจากวิสาหกิจชุมชนจังหวัดนครนายก ส่วน “จานกาบหมาก” ได้จากวิสาหกิจชุมชนท่าดีหมี จังหวัดเลย ซึ่งทำให้เป็นการกระจายรายได้สู่ชุมชน ทำให้มีเงินหมุนเวียน และวัสดุต่างๆ ก็เป็นวัสดุจากธรรมชาติ ซึ่งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แม้จะไม่สามารถลดขยะได้ 100% แต่ก็ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมให้ได้มากที่สุด เนื่องจากกะลาและจานกาบหมากจะลอยน้ำ มีการเน่าเสียได้ยาก สามารถเก็บทิ้งได้ง่าย ในเรื่องนี้จึงตอบโจทย์ในเรื่องการลดปริมาณขยะ เป็นการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมได้ในระดับหนึ่ง
“เราจำกัดขนาดกระทงไว้แค่ 4 นิ้ว มีขายขนาดเดียว เพราะอยากให้ลูกค้าได้สร้างขยะให้ชิ้นเล็กที่สุด เพื่อรักษาแม่นำคลองเวลานำไปลอย อีกทั้งในเรื่องการนำไปขาย ลูกค้าก็สามารถวางขายได้สะดวกไม่เปลืองพื้นที่ ขนาดกะทัดรัดจัดเก็บก็สะดวก”
ต่อยอดจากเรื่องความเชื่อและความศรัทธา
ในปัจจุบันได้มีการต่อยอดการทำกระทง ด้วยการทำ “เทียนพญานาค” เพื่อประดับกระทงกะลาและกาบหมาก เพื่อตอบโจทย์กระแสความเชื่อการไหว้และบูชาพญานาคเพื่อความเป็นสิริมงคล ซึ่งก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี นอกจากนี้ เทียนหอมแบบสีต่างๆ ก็ยังตอบโจทย์เรื่องการลอยกระทงสะเดาะเคราะห์ เพราะเหมาะกับสีประจำวันเกิด ทำให้มีลูกค้าที่สนใจในเรื่องนี้สั่งซื้อ ทำให้สามารถขายกระทงได้นอกเหนือจากช่วงเทศกาลลอยกระทง สร้างรายได้เสริมได้เรื่อยๆ ได้อีกด้วย
สนใจติดต่อ
FB : กระทงรักษ์โลก กระทงกะลา กระทงเทียนหอม
โทร.096 – 119 3725