สถานการณ์โควิด-19 ทำให้เราได้เห็นการต่อสู้ของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ในวันที่ไม่มีรายได้ หลายคนได้แจ้งเกิดในอาชีพที่ไม่เคยคิดอยู่ในหัวสมองเลยว่าจะต้องมาทำ เฉกเช่น ครอบครัวของ “ ทวีพร มหัตธน” เดิมทำธุรกิจการให้บริการตรวจสุขภาพเด็กนักเรียนในโรงเรียน หรือ “เฮลธ์ตี้สคูล” ซึ่งเค้าไม่เคยคิดมาก่อน วันหนึ่งกิจการของเขาต้องหยุดชะงักลง จากการปิดสถานศึกษาทั่วประเทศในช่วงสถานการณ์โควิด
ทวีพร เล่าว่า ตนเองไม่เคยคิดมาก่อน ว่า วันหนึ่งโรงเรียนทั้งประเทศจะต้องมาปิดยาวนานขนาดนี้ เพราะมันมีความเป็นไปได้น้อยมาก แต่สถานการณ์โควิด ทำให้เกิดสิ่งที่ไม่คาดคิด เดิมเราเคยแอบกลัวเรื่องเทคโนโลยี AI เข้ามาทดแทนการทำงานของมนุษย์อย่างเรา แต่ปัญหานั้นมันยังไม่เกิดเราไม่ได้วางแผนรับมือ ซึ่งสถานการณ์โควิด-19 มันเข้ามาแบบที่เราไม่ได้ตั้งตัว แทบจะคิดอะไรไม่ออกเลยในตอนนั้น ว่าแล้วเราจะทำอะไรต่อ รายรับของเราเป็นศูนย์ นำเงินที่เก็บไว้มาเป็นค่าใช้จ่ายไปเรื่อยๆ จนเงินที่เก็บไว้ก็เริ่มหมดไป
ในตอนนั้น คิดอะไรไม่ออก ไม่รู้จะทำอาชีพอะไร ปล่อยตัวเองไม่ได้คิดทำอะไรเลย กว่า 6 เดือน ก่อนที่รวมพลังใจ ลุกขึ้นมาสู้อีกครั้ง เพราะไม่รู้ว่าสถานการณ์โควิดจะกลับมาดีขึ้นเมื่อไหร่ ตอนนั้นที่ไม่ได้ทำอะไรเลย เพราะคิดว่าเดียวสถานการณ์ปกติ แต่มัน ไม่เป็นเช่นนั้น ซึ่งผ่านมาหนึ่งปี ไม่มีท่าทีว่าจะดีขึ้น ทำให้เราจะหยุดอยู่เฉยๆ อีกต่อไปไม่ได้ ก็เลยลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่าง สุดท้ายก็มาลงตัวที่การทำเบเกอรี่
สาเหตุที่เลือกทำเบเกอรี่ เพราะเป็นความชอบส่วนตัว ชอบกินขนมหวาน ชอบทำขนม ที่ผ่านมา พอมีเวลาว่างก็จะทำขนมให้คนในครอบครัวกิน เป็นงานอดิเรกที่ทำอยู่แล้ว และครั้งนี้ นำกลับมารือฟื้นใหม่อีกครั้ง ซึ่งความชอบของเราตรงนี้ มันก็ตกไปถึงลูกสาว ชอบทำขนม ช่วงนั้นลูกสาวได้ไปเรียนทำขนมหลายๆ ที่ โดยขนมที่เค้าถนัด คือ “มากาลอง” ซึ่งเค้าทำมากาลองขายเพื่อนในกลุ่มโซเชียลฯ ทำให้เค้าสามารถหาเงินซื้อสิ่งที่ต้องการได้โดยไม่ต้องขอเงินพ่อ แม่ ตั้งแต่เรียนมัธยม และการทำขนมขายของเราครั้งนี้ ส่วนหนึ่งมาจากเห็นการทำขนมขายของลูกสาว ก็มองสิ่งที่อยู่ใกล้ตัว และเริ่มทำจากสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวก่อน โดยไม่กล้าที่จะไปลงทุนอะไรมากมาย ในช่วงสถานการณ์โควิด แบบนี้
หลังจากเริ่มทำขนมขาย เริ่มมองหาลูกค้าว่าจะไปขายใคร ตรงนี้ ก็ได้ตัวอย่างมากจากลูกสาวเช่นกัน เราเห็น ว่า เค้าเริ่มจากการขายคนรู้จักในกลุ่มเพื่อนก่อน และถ้าอร่อยเกิดการบอกต่อ และพอดีเรามีไลน์กลุ่มของหมู่บ้าน ก็เลยลองโพสต์ขายในไลน์กลุ่มก่อน พอมีลูกค้าคนหนึ่งสั่งไปกิน และอร่อยเกิดการบอกต่อ และปัจจุบัน ขายในกลุ่มไลน์ของหมู่บ้าน ย่านแจ้งวัฒนะ ซอยสามัคคี และ แถวติวานนท์ ประมาณ 5 หมู่บ้าน เดือนหนึ่งมีรายได้จากการทำขนม เบเกอรี่ ขายประมาณ 50,000-60,000 บาท ขนมที่ทำขาย เช่น ครัวซองต์ มากาลอง และ สโคน Scones ฯลฯ
โดยขนมของเราจะเลือกใช้วัตถุดิบที่ดี และทุกครั้งเราจะเป็นผู้ที่เดินทางไปส่งขนมด้วยตัวเอง เป็นเส้นทางที่เราต้องเดินทางไปอยู่แล้ว เราก็สะดวกที่จะไปส่งเอง และไม่ได้บวกค่าขนส่งลูกค้าเพิ่ม การที่เราได้ไปส่งขนมด้วยตัวเอง ทำให้เราได้รู้จักลูกค้า ได้พูดคุย ได้เห็นฟรีดแบล็กของลูกค้า ว่าเขาชอบขนมของเรามากน้อยแค่ไหน การทำขนมของเราเป็นงานแฮนด์เมด ไม่ใช่อุตสาหกรรม ในแต่ละวัน ขนมที่ออกมาหน้าตา ไม่ได้เหมือนกัน ฟรีดแบล็กของลูกค้าจึงเป็นสิ่งสำคัญ หรือการลงขายหน้าเพจ เราก็จะใส่เรื่องราวลงไป เพื่อสร้างความพิเศษของขนมแต่ละชิ้นที่เราทำมาเสิร์ฟลูกค้า
ผลตอบรับที่ออกมาดีเกินกว่าที่คาดหวังไว้ โดยคาดหวังไว้ แค่พอมาจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าใช้จ่ายภายในบ้านเล็กๆ น้อย แต่วันนี้ กลับกลายเป็นรายได้หลักที่สามารถดูแลครอบครัว เราให้ผ่านสถานการณ์โควิด ไปได้ และสร้างเป็นอาชีพที่ 2 ของเราได้ในอนาคต จากบทเรียนของโควิด ทำให้เราต้องกลับมาคิดว่า เราจะต้องมีอาชีพที่ 2 ซึ่งหลายคนคิดว่า อาชีพแรกมั่นคงแล้ว แต่ใครจะคิดว่าเราจะมีวันนี้ ในวันที่ อาชีพที่ว่ามั่นคงแล้ว รายได้มันจะเป็นศูนย์
สนใจ ติดต่อ FACEBOOK: mama’spantry
คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEsผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด
SMEs manager