xs
xsm
sm
md
lg

Hungry Hub แพลตฟอร์มจองโต๊ะร้านอาหาร ที่มีเงินหมุนเวียนกว่า 700 ล้านบาท กับการปรับตัวช่วงโควิด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



Hungry Hub ผู้ให้บริการจองโต๊ะร้านอาหาร ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เปิดให้บริการมากว่า 7 ปี ก่อนหน้าจะมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โควิด-19 แพลตฟอร์มจองโต๊ะร้านอาหาร Hungry Hub เป็นหนึ่งในสตาร์ทอัป ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก มีร้านอาหารที่เข้าร่วมกว่า 600 ร้านและมีผู้เข้ามาใช้บริการผ่านแพลตฟอร์มของ ฮักกรี้ ฮับ มากถึง1ล้าน 3 แสนคน คิดเป็นมูลค่าเงินหมุนเวียนกว่า 700-800 ล้านบาท


กว่าจะมาเป็น Hungry Hub ที่มีผู้ใช้บริการกว่า 1ล้านราย


นายสุรสิทธิ์ สัจจะเดว์ ผู้ร่วมก่อตั้ง Hungry Hub เล่าว่า ฮังกรี้ ฮับ เปิดให้บริการมาแล้วกว่า 7 ปี โดยเริ่มจากการเป็นระบบจองโต๊ะร้านอาหารผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งได้โมเดลมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา และที่ผมตัดสินใจมาทำสตาร์ทอัปในครั้งนี้ มาจากเดิมครอบครัวทำโรงแรมมาก่อน ผมเลยพยายามที่จะทำระบบจองโรงแรม แต่พอศึกษาไปสักพัก ก็พบว่า แพลตฟอร์มจองโรงแรมการแข่งขันสูงมาก และมีรายใหญ่ที่พร้อมจะทุ่มงบการตลาดทำโฆษณาแบบไม่อั้น ซึ่งเราก็คงจะไม่ได้มีงบขนาดจะไปแข่งขันได้

“ผมก็เลยเริ่มหันมามองหาสิ่งที่อยู่รอบตัว ว่าเราจะทำอะไรผ่านแพลตฟอร์มได้บ้าง เพราะความตั้งใจแรกของผม คือ การก้าวเข้ามาสู่ธุรกิจสตาร์ทอัป สุดท้ายก็ได้มาเป็น Hungry Hub แพลตฟอร์มจองโต๊ะร้านอาหาร โดยผมได้นำเอาโมเดลระบบการจองร้านอาหารที่มีอยู่ในต่างประเทศอยู่แล้ว มาทำระบบใหม่ให้เข้ากับร้านอาหารในประเทศไทยของเรา โดยใช้ระบบการจองที่คล้ายกับการจองโรงแรมมาปรับใช้กับการจองร้านอาหารในครั้งนี้”


2ปีแรกล้มเหลว โมเดลต่างชาติใช้กับประเทศไทยไม่ได้

หลังจากเปิดดำเนินการมาในช่วงเริ่มต้น 2-3 ปีแรก เรียกว่าล้มเหลวเลยก็ว่าได้ เพราะพฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนไทย ต่างกันโดยสิ้นเชิงกับในต่างประเทศ ผู้ประกอบการร้านอาหารไม่ได้ให้ความสำคัญ กับการให้ลูกค้าจองโต๊ะก่อน ร้านอาหารในประเทศไทยพึ่งพอใจกับการต้อนรับลูกค้าแบบวอล์กอินมากกว่า และลูกค้าส่วนใหญ่ก็ชื่นชอบที่จะวอล์กอินเข้ามาใช้บริการมากกว่าจะต้องจองโต๊ะก่อน

“ในเมืองไทย เมื่อโทรไปสอบถามที่ร้านอาหาร ส่วนมากที่ร้านก็จะบอกว่าให้ไปที่ร้านหรือสามารถคอนเฟิร์มการจองได้เลย แต่ถ้าเป็นที่ต่างประเทศ บางร้านต้องโทรไปเป็น 10 สายเพื่อให้ได้รู้ว่า ร้านที่เราอยากไปกินนั้นจะมีให้เราจริงๆ ที่ต่างประเทศจึงมีระบบเพื่อรองรับช่องว่างตรงนี้ แต่ในเมืองไทย เราไม่ได้ศึกษาตลาดให้ดีพอว่ามันไม่ได้มีตลาดความต้องการนี้ เราคิดแค่ว่าต่างประเทศทำได้ เราก็ต้องทำได้ อันนี้ก็เลยกลายเป็นบทเรียนของเราอย่างหนึ่ง”

ทั้งนี้ ในช่วงแรกเราก็ต้องปรับตัวเยอะมาก เพื่อจะทำอย่างไรให้ร้านอาหาร และ ลูกค้า มาใช้บริการระบบจองโต๊ะกับเรา จนกระทั่ง วันหนึ่งผมพาทีมงานในความดูแลกว่า 30 คน ไปเลี้ยงดินเนอร์ แต่งบที่จ่ายแต่ละครั้งบานปลายและคุมไม่อยู่ จึงได้คิดหาวิธีที่จะแก้ปัญหานี้ และเกิดเป็นคอนเซ็ปต์ โปรโมชั่นร้านอาหาร ราคาเน็ต อิ่มคุ้ม คุมงบได้ โดยเปลี่ยนร้านอะลาคาร์ส มาให้กินแบบบุฟเฟ่ต์ สร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้า


จากปัญหางบบานปลายกินอาหารนอกบ้าน
สร้างจุดขายHungry Hubโตก้าวกระโดด

โดยการขอความร่วมมือกับร้านอาหาร ในจัดโปรโมทชั่นร่วมกับแพลตฟอร์ม ฮังกรี้ฮับ ด้วยการให้ร้านอาหารช่วยทำบุพเฟ่ต์เสิร์ฟลูกค้าที่จองผ่านแพลตฟอร์มของเรา ซึ่งผลตอบรับออกมาดีมาก เพราะลูกค้ารู้สึกว่า การจองโต๊ะร้านอาหารกับเรา คุ้มค่ากว่าการวอล์กอินเข้ามาเอง

ทั้งนี้ จากปัญหางบบานปลายเวลา ต้องพาทีมงานไปกินข้าวข้างนอก ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะเจ้านายพาลูกน้องไปกินอาหารเท่านั้น มันเกิดขึ้นกับหลายสถานการณ์ไม่ว่าจะเป็นการพาลูกค้าไปเลี้ยงต้อนรับ หรือ การพาครอบครัวใหญ่ไปกินข้าวนอกบ้าน หรือ แม้กระทั่ง การออกเดตของหนุ่มสาว ครั้งแรก ซึ่งหนุ่มหลายคนก็อาจจะกังวลว่าเงินในกระเป๋าจะพอเลี้ยงสาวได้ไหม แต่ถ้ารู้ว่าจะต้องจ่ายเท่าไหร่ ตัดปัญหาความไม่สบายใจในการออกเดตครั้งแรกได้ ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยกล้าพูดกันเรื่องราคา แล้วร้านอาหารถ้าดูเมนูจากข้างนอกเราก็จะไม่รู้เลยว่า สรุปแล้วราคามันเท่าไหร่ เพราะจะมีบวกอย่างอื่นเพิ่มขึ้นมาหลังจากได้รับบิล 

จากปัญหาดังกล่าว เลยเป็นจุดที่ทำให้ “สุรสิทธิ์” ได้พัฒนาแพลตฟอร์มเวอร์ชั่นที่ 2ออกมา นั่นคือ เปลี่ยนร้านอะลาคาร์ท ให้มาเป็นบุฟเฟ่ต์อะลาคาร์ท ซึ่งก็จะมีเมนูพิเศษที่ลูกค้าวอล์กอินโดยตรงไม่ได้ โดยจะมีร้านที่เข้าร่วมกับเราทั้งร้านมีบุพเฟ่ต์อยู่แล้ว และร้านที่จะไม่เคยทำบุพเฟ่ต์ อย่างโรงแรมห้าดาว หรือ ร้านที่ได้มิชลิน เพียงแค่จัดเซ็ทเมนูอาหาร ไม่ใช่แค่แอพพิไทเซอร์ ที่สามารถให้ลูกค้ากินได้ไม่อั้น หรือ สั่งอาหารจากเมนูปกติ ไม่ต้องเดินไปตักแบบบุพเฟ่ต์ทั่วไป สร้างประสบการณ์การรับประทานที่ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่า และไม่เหมือนใคร โดยต้องจองโต๊ะผ่านแพลตฟอร์มของ Hungry Hub เท่านั้น


รายได้จากค่าคอมมิชชั่น และ GP ร้านอาหาร

สำหรับรายได้ของฮังกรี้ ฮับ มาจากค่าคอมมิชชั่น ทุกครั้งที่จองผ่านแพลตฟอร์มของเรา เราจะได้เปอร์เซ็นต์จากยอดขายของร้านอาหารที่เร่วมกับเรา ซึ่งคิดค่า GP อยู่ที่ 10% โดยเราเน้นดีลทุกดีลที่เราทำกับร้านอาหาร ต้องสร้างความยั่งยื่นให้กับร้านอาหารด้วย เพราะถ้าร้านอยู่ได้ เราก็อยู่ได้ในระยะยาวเหมือนกัน ปัจจุบันเรามีร้านอาหารที่เข้าร่วมกับเรากว่า 600 ร้าน ทั้งในโรงแรมและนอกโรงแรม


ปรับตัวช่วงโควิด ภายใต้คอนเซ็ปต์อาหารแพง..เราทำให้ไม่แพง

นายสุรสิทธิ์ กล่าวถึงสถานการณ์โควิด-19 ว่า กระทบกับเราโดยตรงเช่นกัน เพราะเดิมเปิดให้ลูกค้าจองโต๊ะ ร้านอาหาร พอร้านอาหารไม่ได้เปิดให้นั่งกินในร้าน เราจำเป็นจะต้องปรับตัวอีกครั้ง ซึ่งถือว่า เป็นการปรับตัวไปพร้อมกับร้านอาหารด้วย โดยเราได้พัฒนารูปแบบการให้บริการใหม่เพื่อช่วยเหลือร้านอาหาร โดยเฉพาะร้านอาหารในโรงแรมที่เดิมลูกค้าหลักเป็นแค่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซึ่งแนะนำให้เค้าปรับตัว นำสิ่งที่มีอยู่มาพัฒนาต่อยอดและเปิดรับลูกค้าคนไทย ในแพ็คเกจที่ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่ากับเงินที่ต้องจ่ายไป โดยเราได้ร่วมกับหลายโรงแรม ในกรุงเทพฯ ภูเก็ต เชียงใหม่ ได้รับการตอบรับจากลูกค้าคนไทยเป็นอย่างดี ช่วยเพิ่มยอดขายส่วนของอาหารให้กับโรงแรม ตั้งแต่ 20-50%

ในช่วงสถานการณ์โควิด ทำให้เราได้รับความเสียหายแบบ 100% แม้ตอนนี้ เริ่มปรับตัวหันมาทำเดลิเวอรี่บ้าง แต่ก็ยังมีรายได้ไม่ถึง 10% ของรายได้ปกติที่เราได้เคยได้ เพราะการทำเดลิเวอรี่เป็นสิ่งใหม่ที่เราไม่ถนัด ซึ่งเราก็ยังคงยึดจุดแข็งของเรามาบริหารจัดการให้บริการเดลิเวอรี่ของเรา นั่นคือ ความคุ้มค่าเมื่อลูกค้าสั่งอาหารผ่านแพลตฟอร์มของเรา เหมือนกับการรับจองโต๊ะ ภายใต้คอนเซ็ปต์ ร้านอาหารดูแพง แต่เราทำให้ไม่แพง เช่น เดิมราคาอาหาร 1,300 บาท เราก็จะดิวกับร้านอาหารให้ ลูกค้าจ่ายแค่ 1,000 บาท เป็นต้น เพราะต้องเข้าใจว่าลูกค้าจะแบกภาระค่าบริการจัดส่งอีก ถ้าร้านอาหารบริหารจัดการต้นทุนได้ ก็สามารถขายในราคาที่ถูกลงได้ ทำให้ลูกค้าหันมาสนใจสั่งอาหารกับเรามากขึ้น


ในส่วนของการให้บริการ เดลิเวอรี่นั้น ในอนาคตถ้าสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ประเทศต่างๆ กลับมาปกติ เราคงไม่ได้ให้ความสำคัญตรงจุดนี้ แต่เราจะมุ่งเน้นการพัฒนาแพลตฟอร์ม Hungry Hub ในส่วนอื่นมากกว่า โดยเฉพาะการขยายพื้นที่การให้บริการไปยังต่างจังหวัดให้มากขึ้น เช่น อยุธยา เขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา หัวหิน ประจวบคีรีขันธ์ ฯลฯ รวมถึงการขยายโมเดลของเราไปเปิดในประเทศเพื่อนบ้าน ด้วย

ติดต่อ Facebook : Hungry Hub




คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ"รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด
SMEs manager



กำลังโหลดความคิดเห็น