สทน.เปิดให้ผู้ประกอบการนำสมุนไพร โดยเฉพาะฟ้าทะลายโจร เข้าฉายรังสีเพื่อฆ่าเชื้อโรค ซึ่งสทน.เร่งเดินเครื่องเต็มที่ เพื่อให้บริการได้เร็ว แม้อยู่ในสถานการณ์ WFH เพื่อให้ทันต่อความต้องการของผู้ป่วยโควิดที่เพิ่มสูงขึ้น
หลังจาก เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา ราชกิจจานุเบกษาได้ประกาศให้ใช้ฟ้าทะลายโจรเป็นยารักษาโรคโควิด-19 และได้ถูกขึ้นทะเบียนเป็นสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติ เมื่อปี 2559 โดยให้ใช้ในผู้ป่วยที่มีความรุนแรงน้อย หรือ ผู้ป่วยระดับสีเขียว โดยเฉพาะกลุ่ม Home Isolation หรือ Community Isolation
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทางการแพทย์จะยืนยันว่าฟ้าทะลายโจร มีสรรพคุณในการป้องกันโรคโควิด-19 และใช้ได้ผลดีในผู้ป่วยโควิดที่มีอาการไม่รุนแรง ซึ่งในสถานการณ์การระบาดที่รุนแรง ความต้อการสมุนไพรฟ้าทะลายโจรเพิ่มมากขึ้น ทำให้ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ฟ้าทะลายโจร เริ่มหายากมากขึ้น โดยผู้ผลิตหรือผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่ๆที่ทำมานานกว่า 30 ราย ยังผลิตสินค้าไม่ทันกับความต้องการ ส่งผลให้ราคาผลิตภัณฑ์ฟ้าทะลายโจรในท้องตลาดราคาเพิ่มสูงขึ้นจากเดิม 1-3 เท่า
ทางด้าน มูลนิธิอภัยภูเบศร ได้เร่งผลิตฟ้าทะลายโจรออกมาเพื่อให้ทันกับความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการนำฟ้าทะลายโจรไปรักษาโรคโควิด เพื่อช่วยลดจำนวนผู้ป่วยหนักที่ต้องส่งรักษาโรงพยาบาล ซึ่งมูลนิธิอภัยภูเบศรยืนยันว่า แม้จะต้องเร่งผลิตให้ทันตามความต้องการ แต่คุณภาพฟ้าทะลายโจรที่ผลิตโดยอภัยภูเบศร ต้องได้มาตรฐาน
สำหรับการผลิตฟ้าทะลายโจรให้ได้คุณภาพ สิ่งจำเป็นอย่างหนึ่งผลิตภัณฑ์สมุนไพรทุกชนิดรวมถึงฟ้าทะลายโจร ต้องปราศจากเชื้อที่ก่อให้เกิดโรค ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับการบริโภคสมุนไพร ด้วยเหตุนี้ ทาง สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือสทน.เร่งให้งานของศูนย์ฉายรังสี เดินหน้าอย่างเต็มที แม้จะอยู่ในช่วงของการทำงานตามประกาศ WFH ก็ตาม โดย สทน.ยังเปิดให้บริการโรงงานฉายรังสี เทคโนธานี คลอง 5 ปทุมธานี
ทั้งนี้ ได้เร่งฉายผลิตภัณฑ์ฟ้าทะลายโจร ด้วยเครื่องเอกซเรย์รังสีเอกซ์พลังงานสูงสุด 5 ล้านอิเล็กตรอนโวลต์ เต็มอัตรา เพื่อฉายรังสีผลิตภัณฑ์ฟ้าทะลายโจรให้กับมูลนิธิอภัยภูเบศร โดยสองครั้งที่ผ่านมา สทน.ให้บริการฉายรังสีให้ผลิตภัณฑ์ฟ้าทะลายโจรไปมากกว่า 50,000 ขวด และได้ทำการฉายรังสีผลิตภัณฑ์ฟ้าทะลายโจรให้มูลนิธิอภัยภูเบศรอย่างต่อเนื่อง และนอกจากมูลนิธิอภัยภูเบศรแล้ว ยังมีบริษัทผู้ผลิตสมุนไพรไทยอีกหลายรายได้ส่งผลิตภัณฑ์มาฉายรังสีในช่วงนี้เช่นกัน ซึ่ง สทน.ยินดีให้บริการเพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของทุกบริษัทถึงผู้บริโภคอย่างรวดเร็ว และปลอดภัยต่อผู้บริโภค
ด้านรศ.ดร. ธวัชชัย อ่อนจันทร์ ผู้อำนวยการ สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สทน. กล่าวว่า โดยปกติ สทน.ให้บริการฉายรังสีสมุนไพรมาอย่างต่อเนื่อง โดยฉายรังสีแกมมาเป็นหลัก แต่ช่วงที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศสรรพคุณของฟ้าทะลายโจร และให้เป็นยาหลักในการรักษาผู้ป่วยโควิดระดับสีเขียว ความต้องการของผู้บริโภคก็เพิ่มมากขึ้นจากช่วงปกติเป็น 3-4 เท่า สทน.จึงได้เปิดส่วนฉายรังสีเอกซ์ เพื่อเร่งฉายรังสีเพื่อฆ่าเชื้อให้ผลิตภัณฑ์ฟ้าทะลายโจร โดยตั้งแต่ตั้งปี 2564 สทน.ให้บริการฉายรังสีฟ้าทะลายโจรมาแล้วกว่า 50 ตัน
สำหรับศูนย์ฉายรังสีของ สทน.ปัจจุบันให้บริการฉายรังสีครบวงจร ด้วยรังสีอิเล็กตรอน เอกซเรย์ และแกมมา ซึ่งจะสามารถให้บริการฉายรังสีอาหาร ผลิตผลทางการเกษตร เครื่องมือแพทย์ และอื่นๆ ได้เพิ่มมากขึ้น เพื่อฆ่าเชื้อที่อาจก่อให้เกิดโรค และเพื่อให้ผลิตภัณฑ์มีมาตรฐานความปลอดภัยต่อผู้บริโภค ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสมุนไพรรายใดต้องการรับบริการฉายรังสี สามารถติดต่อได้ที่โทร. 02 401 9885