xs
xsm
sm
md
lg

กระชายขาวเกษตรแปลงใหญ่กว่า 1,000 ไร่ กาญจนบุรีทำรายได้หลักร้อยล้านบาทในสถานการณ์โควิด-19

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กระชายขาว กลายเป็นสมุนไพรดาวเด่น หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทย ที่หนักหน่วงอยู่ในขณะนี้ เมื่อมีการยืนยันว่า กระชายขาวมีคุณสมบัติช่วยต้านเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือโควิด-19ได้ ความต้องการกระชายขาวเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ราคากระชายขาวปรับตัวขึ้นมา หลายเท่าตัว จากกิโลกรัมละ 40-50บาท เพิ่มเป็น 150-200 บาทต่อกิโลกรัม กลุ่มผู้ได้ประโยชน์เกษตรกรผู้ปลูกระชายขาว ทำรายได้หลักหลายแสนไปจนถึงเฉียดล้านบาทต่อไร่


เกษตรกรแปลงใหญ่กระชายขาวบ่อพลอย รับอานิสงส์โควิด

วันนี้ พามารู้จักกับ วิสาหกิจชุมชนเกษตรแปลงใหญ่ กระชายขาว ตำบลบ่อพลอย อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี ภายใต้โครงการระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2561 ปัจจุบันมีสมาชิกเพิ่มจาก 80 ราย เป็น 112 ราย พื้นที่ปลูกที่เพิ่มจาก 800 ไร่ เป็นกว่า 1,000 ไร่ สร้างเม็ดเงินให้กับเกษตรกรกว่า 100 ล้านบาท

ในช่วงสถานการณ์โควิดระบาด ส่งผลให้กระชายขาวราคาเพิ่มแบบฉุดไม่อยู่ ในวันเดียวราคาเปลี่ยนจากกิโลกรัมละ 50 บาทเป็น 150บาท และไม่มีท่าทีว่าราคาจะลดลงแต่อย่างใด ในช่วงนี้มีแต่จะเพิ่มขึ้น ล่าสุด ตลาดสี่มุมเมือง ราคาขายส่งบรรจุถุงน้ำหนัก 5 กิโลกรัม ราคาถุงละ 600-650 บาท และราคาปัจจุบัน (23 ก.ค.64) ราคาเพิ่มเป็นถุงละ 700-800 บาท


แผงค้าสี่มุมเมืองราคาไม่สำคัญมีเท่าไหร่ขายหมด

ทั้งนี้ แม้ราคากระชายขาวจะถีบตัวสูงขึ้นไปหลายเท่า ไม่ได้กระทบกับความต้องการของตลาดแต่อย่างใด ซึ่งจากคำบอกเล่าของแม่ค้าแผงขายกระชายขาว ตลาดสี่มุมเมือง บอกว่า เมื่อรถขนกระชายมาลงที่ตลาด พ่อค้าแม่ค้าต่างก็แย่งกันเข้าไปลุมซื้อ เพื่อจะให้ได้กระชายมาขายให้ได้มากที่สุด โดยไม่สนใจว่าราคาเท่าไหร่ เพราะไม่ว่าราคาเท่าไหร่ เวลานี้ขายได้หมด ลูกค้าส่วนใหญ่ซื้อเพื่อนำไปทำน้ำกระชายขาย ซึ่งสามารถบวกราคากับผู้บริโภคได้

ในส่วนของเกษตรกรผู้ปลูกกระชาย นายประยุทธ์ จำนงกุล ประธานวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่กระชาย บ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า สำหรับราคากระชายขาวปกติที่ขายกันจาก หน้าสวนอยู่ที่กิโลกรัมละ 40-50 บาท แต่พอมีสถานการณ์โควิด-19 ที่ระบาดอย่างหนักในช่วงนี้ ราคากระชายปรับเพิ่มขึ้นมา อยู่ที่กิโลกรัมละ 100-140 บาท ซึ่งราคากระชายขาวมีความผันผวนมาตั้งแต่ปี 2562 ผู้ส่งออกมีความต้องการกระชายขาว ราคาเพิ่มขึ้นไปกิโลกรัมละ 150 บาท และพอปี 2563 ราคากลับมาปกติที่กิโลกรัมละ 40 บาท จนเมื่อสองเดือนที่ผ่านมา ราคากระชายขยับขึ้นไปที่กิโลกรัมละ 150 บาท เหมือนปี 2562 แต่ครั้งนี้ เป็นกลุ่มผู้ซื้อขายในประเทศเกือบทั้งหมด ไม่มีตลาดส่งออกเลย เพราะแค่ขายในประเทศ กระชายก็ยังไม่พอขาย


รายได้ผู้ปลูกกระชายขาวสูงไปถึงหลายแสนบาทต่อไร่

ในส่วนของผลผลิตกระชายขาว กลุ่มสมาชิก วิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่กระชาย บ่อพลอย ทั้งร้อยกว่าราย มีผลผลิตไม่เท่ากันเลย เพราะต่างคนต่างปลูก และดูแลกันเอง โดยผลผลิตหนึ่งไร่ มีตั้งแต่ 2 ตัน ไปจนถึง 4-5 ตัน (4,000-5,000กิโลกรัม) และจากราคาปัจจุบันทำให้สมาชิกมีรายได้จากการขายกระชายขาว 1ไร่ สูงถึง 500,000-600,000 บาท ในปีนี้ เฉพาะสมาชิกเกษตรแปลงใหญ่ บ่อพลอย ทั้งหมดรายได้รวมกันสูงถึง 100 ล้านบาท

ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่ กระชายขาวบ่อพลอย กล่าวว่า หลังจากราคากระชายขาวสูงขึ้น ทำให้เกษตรกรในพื้นที่อื่นๆ สนใจที่ต้องการจะปลูกกระชายขาวกันเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาต้นพันธุ์กระชายขาวที่เกษตรกรเก็บไว้สำหรับจำหน่ายเพื่อให้เกษตรกรที่ต้องการนำไปปลูกช่วงนี้ เพิ่มสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 20 บาท ขยับเพิ่มไปเป็น 60-70 บาท ซึ่งถ้าเป็นเกษตรกรที่ปลูกกระชายอยู่แล้ว ก็จะมีการเตรียมต้นพันธุ์เอาไว้ปลูกกันเองไม่ต้องซื้อ ปัจจุบันเกษตรกรบางส่วนเริ่มเพาะต้นพันธุ์เพื่อนำออกมาขายเกษตรกรที่สนใจ จากความต้องการที่มากขึ้น ซึ่งเป็นรายได้อีกทางหนึ่งให้กับเกษตรกรผู้ปลูกกระชายขาวบ่อพลอยด้วย


เกษตรแปลงใหญ่ช่วยเกษตรกรไม่โดนกดราคา

สำหรับข้อดีของการทำเกษตรแปลงใหญ่ นั้น “ประยุทธ์” บอกว่า ทำให้เราสามารถต่อรองราคากับพ่อค้าคนกลางได้ สร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรในทุกๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐ  จะพิจารณาการช่วยเหลือกลุ่มเกษตรกรวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่ก่อน ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือด้านองค์ความรู้ การถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิต ซึ่งที่ผ่านมาเกษตรกรมีต้นทุนการผลิตสูง ผลผลิตต่ำ แต่พอเข้าร่วมโครงการเกษตรแปลงใหญ่ ต้นทุนการผลิตต่ำลง ผลผลิตเพิ่มสูงขึ้น และไม่ถูกกดราคาจากพ่อค้าคนกลาง ซึ่งเป็นตัวอย่างของการรวมกลุ่มที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก สามารถสร้างรายได้ให้แก่กลุ่มเกษตรกร รวมถึงการพัฒนาคุณภาพผลผลิตกระชาย

โดยเกษตรกรสามารถลดต้นทุนการผลิตได้ ร้อยละ 16.67 เพิ่มผลผลิตได้ร้อยละ 30 เนื่องจากเกษตรกรได้รับองค์ความรู้ในการปรับปรุงบำรุงดิน การทำปุ๋ยหมักและน้ำหมักชีวภาพจากวัสดุที่มีในท้องถิ่นไว้ใช้เอง ลดการใช้สารเคมี ทำให้ต้นทุนการผลิตของเกษตรลดลง มีรายได้เพิ่มขึ้น โดยจะทำการปลูกสลับหมุนเวียนกับพืชอื่น เพื่อพักแปลง ปกติเกษตรกรผู้ปลูกกระชาย จะไม่ปลูกพืชชนิดเดียว ซึ่งส่วนใหญ่จะปลูกแซมในแปลงผัก เพราะเมื่อก่อนกระชายราคาไม่ได้ดีเหมือนอย่างทุกวันนี้ เกษตรกรส่วนใหญ่จะมีรายได้จากกระชายเป็นรายได้เสริมจากแปลงผัก แต่พอราคากระชายเพิ่มสูงขึ้น กระชายก็เลยกลายเป็นรายได้หลักไป


สายพันธุ์กระชายขาว ที่นิยมปลูก

สำหรับกระชายที่นิยมปลูก จะเป็นกระชายสายพันธุ์รากกล้วย ซึ่งมีลักษณะเด่นคือ รากยาว ตรงและอวบ เหมือนกับรากกล้วย ให้ผลผลิตค่อนข้างสูง น้ำหนักดีและเป็นที่ต้องการของตลาด ในส่วนของต้นพันธุ์เกษตรกรจะเก็บพันธุ์ไว้เอง โดยการคัดเลือกกระชายที่แก่จัดอายุประมาณ 11-12 เดือน จากหัวที่สมบูรณ์ อวบใหญ่ ปราศจากเชื้อโรค เก็บไว้ในที่แห้งและเย็นประมาณ 1-3 เดือน จึงจะนำไปปลูก สำหรับดินที่เหมาะสมกับการปลูกกระชายคือดินร่วนปนทราย

โดยกระชายขาวจะใช้ระยะเวลาในการเติบโตกว่าจะขุดรากมาขายได้ต้องใช้เวลาถึง 8 เดือน ดังนั้น ในช่วงเดือน สิงหาคม - กันยายน เกษตรกรเริ่มลงแปลงปลูกกระชายขาว และรอไปอีก 8 เดือน ในช่วงที่รอผลผลิตของกระชาย แต่เราก็ยังเห็นมีกระชายขายในท้องตลาด ในราคาไม่ได้แตกต่างจากราคากระชายในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาด เป็นเพราะทุกภาค สามารถปลูกกระชายได้ ผลผลิตออกมาไม่พร้อมกัน และส่วนหนึ่งมาจาก ผู้รับซื้อสต็อกและนำไปเก็บแช่ในห้องเย็นและนำออกมาขายในช่วงที่เกษตรกรไม่มีผลผลิตออกสู่ตลาด ที่ผ่านมา เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ทำให้ราคาไม่ได้ต่างจากการซื้อตรงจากเกษตรกรหน้าไร่ในช่วงผลผลิตออกมากๆ


ข้อดีเกษตรแปลงใหญ่ที่ได้มากกว่าราคาผลผลิต

ประธานกลุ่มฯ กล่าวว่า ตนเองไม่ได้กังวลเรื่องของผลผลิตที่จะออกมาจำนวนมากในอนาคต เพราะการทำเกษตรแปลงใหญ่ ทำให้มีกลุ่มผู้ส่งออก และพ่อค้าที่สามารถรับซื้อได้จำนวนมาก เค้าก็จะวิ่งตรงมาที่กลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่ก่อน เพราะไม่ต้องไปต่อรองกับเกษตรกรเป็นรายๆ ให้ยุ่งยาก และสามารถออเดอร์ล่วงหน้าไว้ได้เลย โดยที่เค้าไม่ต้องกังวลพอถึงเวลามีสินค้าส่งตามจำนวน ตัดปัญหาเมื่อเค้าต้องไปดิวกับผู้ค้าต่างประเทศว่าจะมีสินค้าส่งตามนัดหรือไม่

ทั้งนี้ จากความสำเร็จของเกษตรกรวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่ กระชายบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี ในครั้งนี้ แสดงให้เห็นว่า
นอกจากความบังเอิญที่คาดเดาตลาดไม่ได้ เพราะคงไม่มีใครคาดคิดว่า กระชายราคาสูงมากถึงขนาดนี้ แต่สิ่งที่การทำเกษตรแปลงใหญ่ได้รับมากมาย ทั้งองค์ความรู้ จากหน่วยงานภาครัฐ การได้ดิวกับพ่อค้าคนกลางรายใหญ่ที่สามารถให้ราคาที่สูงได้ กว่า การดิวกับพ่อค้าคนกลางรายเล็ก ที่คอยกดราคา จึงอยากเชิญชวนเกษตรกร ร่วมทำเกษตรแปลงใหญ่ในทุกพื้นที่ 

ติดต่อ โทร. 08-9829-2338




คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด


กำลังโหลดความคิดเห็น