“Be Different, Be You” เป็นสารที่ทางแบรนด์ “Kotcher” ต้องการจะสื่อผ่านทางเสื้อผ้าที่มีกลิ่นอาย Street Wear เอาใจกลุ่มลูกค้าทั้งการดีไซน์และสีสันที่ฉูดฉาดสะดุดตา อีกทั้งยังเป็น Local Brand ที่สนับสนุนชาวบ้านและชุมชนได้มีงานและสร้างรายได้อีกด้วย
นางสาวกชกร สาระกุมาร หรืออาย เจ้าของแบรนด์เสื้อผ้า Kotcher แฟชั่นผ้าไทยอีสานทอมือ ในวัยเพียง 27 ปี เล่าถึงจุดเริ่มต้นของธุรกิจ เริ่มต้นมาจากความชอบ ความหลงใหล และความคุ้นเคยกับผ้าทอ พื้นถิ่นของตนเองด้วย อีกทั้งต้องการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลงานของผู้สูงวัยในชุมชนอีกด้วย
นับตั้งแต่เด็ก หรือเรียกว่าตั้งแต่จำความได้ก็ว่าได้ตนเติบโตมากับกี่ทอผ้าของ คุณยาย ที่ถือเป็นอาชีพมารุ่นสู่รุ่น บวกกับแม่ของตนที่เป็นครูสอนวิชา นาฏศิลป์ ก็จะมีโอกาสที่ได้เห็นและคลุกคลีกับเครื่องแต่งกายประเภท ผ้าถุง ผ้าซิ่น อยู่ตลอดเวลา ตนจึงมีความคิดว่าต้องการที่จะสานต่อตรงนี้ ให้กลายเป็นธุรกิจขึ้นมา แต่จะต้องเป็นธุรกิจที่ให้ประโยชน์กับสังคมไม่มาก ก็น้อย ในทางใดทางหนึ่ง จึงเริ่มต้นในการคิดค้นและวางแผนเมื่อปี พ.ศ. 2561 และออกสู่ตลาดเมื่อปี พ.ศ. 2562
“ของอายเริ่มต้นมาจากความชอบก่อนค่ะ หลายๆ คนอาจจะเริ่มต้นธุรกิจจากอย่างอื่น เช่น อยากมีรายได้ อยากเป็นเจ้าของธุรกิจ แต่ของอายเองเริ่มมาจากความชอบ ความหลงใหล และความคุ้นเคยกับผ้าของเราเองด้วยก็เลยอยากจะเพิ่มมูลค่าให้กับผลงานเหล่านี้นั่นก็คือผ้าทอมือ”
อีกทั้งบ้านเกิดของตนยังอยู่ในภาคอีสาน จังหวัดมหาสารคาม และได้ไปเรียนในระดับมหาวิทยาลัยในจังหวัดขอนแก่น คณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาออกแบบนิเทศศิลป์ เกี่ยวกับการออกแบบ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมไปถึงการเข้าถึงความต้องการในชุมชน และสัมผัสกับกลุ่มชาวบ้าน จึงคิดว่าจะใช้ในส่วนนี้เพื่อต่อยอดเนื่องจากมีความเข้าใจในการสื่อสารและถือเป็นประโยชน์ในการต่อยอดมากขึ้น
ส่วนตัวก็มีการวางแผนเกี่ยวกับเรื่องนี้ตั้งแต่ปี 4 แล้วว่า จะใช้วิทยานิพนธ์ของตนเองมาต่อยอดให้เกิดมาเป็นผลงาน ผ้าทอมือ ทั้งผ้าไหม ผ้าฝ้าย ทุกอย่างผ่านกระบวนการคิดและค้นคว้ามา เพื่อที่จะเตรียมความพร้อมหลังจากที่จบออกมาแล้ว และพร้อมที่จะเริ่มงานตรงนี้ในทันที
“หลังจากที่เรียนจบออกมาแล้ว อาย เริ่มไปเรียนตัดเย็บเสื้อผ้า ทำแพทเทิร์น และในระหว่างนั้นก็ทำธุรกิจช่วยครอบครัว ซึ่งไม่เกี่ยวกับเสื้อผ้าอย่างร้านอาหาร ควบคู่กันไปด้วย จนจบออกมา 1-2 ปีจึงเริ่มดำเนินการปล่อยสินค้าออกมา”
หลังจากที่ทำออกมาเรื่อยๆ ตนไม่ได้คาดหวังหรือตั้งเป้าว่าผลตอบรับจะเป็นอย่างไร แต่ก็ได้ทำการตลาดพื้นฐานทั่วไป เช่นการลงโฆษณาในแพลตฟอร์ม เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ผลคือได้รับการบอกต่อและได้กลุ่มลูกค้าเข้ามาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งครั้งแรกที่ผลิตมาก็สามารถขายได้มากถึง 50% ในล็อตสินค้านั้น
แนวคิดหลักที่ตัดสินใจทำแบรนด์เสื้อผ้า “Kotche” ออกมาคือต้องการสนับสนุนผ้าทอมือ ที่เป็นฝีมือของชาวบ้านในชุมชน และพัฒนาต่อยอด ให้เกิดรูปแบบใหม่ๆ และตนยังคิดว่าต้องทำอย่างไรไม่ให้ผ้าไทยถูกมองในรูปแบบเดิมๆ หลายคนอาจจะเห็นหลากแบรนด์ที่ใช้ผ้าไทยมาผลิต แต่ว่าผ้าไทยเหล่านั้นยังไม่ใช่ในสไตล์ที่ชื่นชอบ หรือถูกใจ
ต้องการเห็นผ้าไทยในรูปแบบอื่นๆ บ้าง ซึ่งที่ตนสนใจและนำเสนอออกมาก็จะเรียกได้ว่าเป็นแฟชั่นที่มีกลิ่นอายของความเป็น Street Wear ที่เล่นกับสีสันและลวดลายการออกแบบที่ไม่ซ้ำใคร ทั้งยังใส่ Story เพื่อดึงดูดความสนใจ อธิบายให้กับกลุ่มลูกค้าได้ฟังว่าแบรนด์ของตนนั้น ไม่ใช่ได้รับรายได้เพียงคนเดียว แต่ยังกระจายไปสู่ชาวบ้านในชุมชนให้มีรายได้อีกด้วย ชาวบ้านในชุมชนที่ได้รับการติดต่อให้ทอผ้าให้ ทั้งดีใจและสนใจเป็นอย่างมาก
“เราจะใช้พื้นที่ของเรา เช่นอินสตาแกรม ว่าเราทำสินค้าตัวนี้มาแล้ว Story เป็นอย่างไรรายได้มันไม่ได้มาที่เราคนเดียวนะ มันกระจายไปในส่วนของชุมชนด้วย ซึ่งถ้าลูกค้าที่ต้องการจะอุดหนุนในส่วนของชุมชนให้มีรายได้ โดยที่ลูกค้ายังได้เสื้อผ้าเก๋ๆ กลับไปอีกด้วย นั่นก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับกลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้อีกด้วย”
“Kotcher” พยายามทำให้สินค้าสามารถขายได้ด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของรูปแบบการดีไซน์ สีสันที่แปลกใหม่ของผ้าไทย การตัดเย็บ รวมไปถึง Story ที่เป็นสิ่งสำคัญเพื่อที่จะบ่งบอกว่า สินค้าของแบรนด์ไม่เหมือนกับที่อื่นๆ ในส่วนนี้ก็จะสามารถดึงดูดลูกค้าและบอกต่อให้กับแบรนด์เอง ดั่งแนวคิดที่ว่า “Be Different, Be You”
ในอนาคต ด้านผลิตภัณฑ์ที่นอกจากเสื้อตัวบน และกางเกง กระโปรงข้างล่างแล้ว จะมีเดรส กระเป๋า รองเท้าเพิ่มขึ้นเพื่อตอบสนองกับความต้องการของลูกค้า นอกจากนี้ยังต้องการที่จะเปิดเว็บไซต์เพื่อรับลูกค้าชาวต่างชาติมากขึ้น
สนใจติดต่อ Instagram : kotcher.official
Facebook : Kotcher แฟชั่นผ้าไทยอีสานทอมือ
Line@ : @kotcher
* * *คลิก Likeเพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ"รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด * * *
