xs
xsm
sm
md
lg

(ชมคลิป)ซอสกะปิสำเร็จรูป "เคยนิคะ" การปรับโฉมครั้งสำคัญกะปิพัทลุงอายุกว่า 100 ปี สร้างยอดขายเฉียดแสนขวดต่อเดือน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กะปิเครื่องปรุงรส ที่เกิดจากภูมิปัญญาของชาวบ้าน ที่อยู่คู่กับคนไทยมาช้านาน เพราะไม่ใช่แค่คนไทย หลายประเทศในภูมิภาคใกล้เคียง คุ้นเคยกับกะปิเช่นเดียวกัน แต่การนำกะปิมาต่อยอดให้สามารถรับประทานได้ง่าย สะดวก เกิดขึ้นหลายครั้ง รวมถึงครั้งนี้ เนื่องด้วยถ้าคนไทยต้องการจะเป็นครัวของโลก ต้องทำให้กะปิสามารถนำมาทำอาหารได้หลากหลายและสะดวกมากขึ้น รองรับการเติบโตของตลาดเครื่องปรุงรสของไทยที่พร้อมโกอินเตอร์

นางสาวสุขศิริ ฤทธิเดช
คนอีสานมี “น้ำปลาร้า” คนใต้ มี “ซอสกะปิ”

สำหรับตลาดเครื่องปรุงรสที่เป็นภูมิปัญญาของคนไทยมีหลายอย่าง เช่น น้ำปลา และที่สร้างความฮือฮา ยอดขายถล่มทุกวงการหันมาผลิตในขณะนี้ คือ น้ำปลาร้า อาหารพื้นถิ่นของคนภาคอีสาน และถ้าวันนี้ สาวใต้จะขออวดไอเดีย การทำซอสกะปิบ้าง ก็น่าจะสร้างความฮือฮา ให้คนไทยได้เช่นเดียวกัน

นางสาวสุขศิริ ฤทธิเดช ผู้จัดการฝ่ายขาย ห้างหุ้นส่วนจำกัด เคยนิคะ เจ้าของผลิตภัณฑ์ซอสกะปิสำเร็จรูป ภายใต้แบรนด์เคยนิคะ เล่าว่า ครั้งนี้ เป็นครั้งแรกที่เราได้เห็นการต่อยอดกะปิในรูปแบบของ ซอสกะปิสำเร็จรูป เป็นการนำกะปิซึ่งเป็นอัตลักษณ์ของคนใต้มาผ่าน กระบวนการ การย่อยสลายโดยเอนไซม์ ย่อยโปรตีนและไขมันจากกุ้งเคย ทำให้เกิด การเปลี่ยนแปลงทางเคมีและจุลินทรีย์ใน กระบวนการหมักโดยธรรมชาติ ช่วยทำให้ เกิดกลิ่นหอมและรสชาติกลมกล่อมเป็น เอกลักษณ์ของซอสกะปิ

โดยภายใต้ อุณหภูมิและเวลาการหมักที่เหมาะสม เกิดปฏิกิริยาเมลลาร์ด (Maillard reaction) ทำให้ซอสกระปิมีสีสวยน่า รับประทาน และพร้อมใช้งานในรูปแบบซอสเหมือนกับซอสมะเขือเทศ และซอสพริก แก้ปัญหาการใช้งานกะปิใน รูปแบบเก่าที่ใช้งานยุ่งยากและต้องมี ขั้นตอนการเตรียมและการชั่งตวงที่ยุ่งยาก ไม่เหมาะกับในยุคสมัยปัจจุบัน และยังลด ปัญหาการปนเปื้อนจากการผลิตกะปิในปัจจุบัน จึงเหมาะกับการนำไปใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมที่มีการใช้กะปิเป็นตัวชูรสอาหารให้กลมกล่อม และมีเสน่ห์ทำให้ ทานอาหารได้อร่อยขึ้น แต่เนื่องด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ซอสกะปิเคยนิคะ คือ ผู้ช่วยที่ตอบโจทย์ ของคนยุคใหม่


ซอสกะปิ ไอเดียตอบโจทย์คนรุ่นใหม่

นางสาวสุขศิริ เล่าว่า จุดเริ่มต้นที่มาทำซอสกะปิเคยนิคะ มาจาก ความต้องการที่จะแก้ปัญหา ความต้องการของลูกค้า ในสมัยก่อนเราใช้กะปิกันเยอะมากเกือบทุกเมนู มีการใช้กะปิ ไม่ว่าจะเป็น แกง ผัด น้ำพริก ในทุกน้ำพริกต้องมีกะปิ แต่ในยุคนี้ ยุคสมัยเปลี่ยนไปพฤติกรรมผู้บริโภคก็เปลี่ยนไป ก็เลยคิดว่าทำอย่างไรให้คนยุคนี้ โมเดิร์นไทย cooking เข้าถึงง่ายกับกะปิ แท้จริงเราทำมาหมดแล้ว ทั้งกะปิก้อน กะปิผง และจากสโลแกน จับกะปิออกมาจากกระปุก เราก็เลยกลายมาเป็น ซอสกะปิเคยนิคะ ที่สะดวกง่าย อร่อยใครทำก็ได้ เหมือนต้นตำรับมาทำให้ทาน


ต่อยอดภูมิปัญญาการทำกะปิ แบบดั้งเดิมด้วยนวัตกรรม

สำหรับจุดเริ่มต้น ก่อนจะมาเป็นซอสกะปิ ครอบครัวของเรา ทำกะปิกันมาหลายรุ่นตั้งแต่สมัย คุณยาย และแม่ก็มาต่อยอดการทำกะปิจำหน่ายต่อ ในรุ่นของคุณแม่ เราใช้ชื่อว่า "กะปิแม่ยินดี" ปัจจุบัน กะปิแม่ยินดีก็ยังคงสืบสานมรดกการทำกะปิอยู่ พอตกมาถึงรุ่น ดิฉันเราก็คิดว่าจะต่อยอดกะปิของเราอย่างไรให้คนรุ่นใหม่ได้เข้าถึงได้ง่าย เพราะกะปิเป็นเครื่องปรุงรสที่มีประโยชน์อย่างมากต่อร่างกาย ซึ่งในกะปิ มีทั้งแคลเซียม วิตามิน ในคนยุคก่อนไม่มีนมกิน ก็กินกะปิก็แข็งแรงได้แคลเซียมจากกะปิ ก็เลยคิดว่าจะทำอย่างไรให้คนรุ่นหลังได้กินกะปิกันให้มาก นั่นคือ การทำให้กินได้ง่าย ก็เลยมาเป็น
"ซอสกะปิเคยนิคะ"

ในส่วนของกะปิที่นำมาใช้ เป็นกะปิแม่ยินดี คนภาคใต้ส่วนใหญ่รู้จักกะปิแม่ยินดี กันเป็นอย่างดี ด้วยชื่อเสียงที่รุ่นคุณแม่สร้างชื่อไว้ ทำให้เรามั่นใจว่า พอนำกะปิแม่ยินดีมาต่อยอดด้านนวัตกรรม น่าจะได้รับการตอบรับได้ไม่ยาก เพราะด้วยพื้นฐานกะปิแม่ยินดีที่มีรสชาติดีอยู่แล้ว เป็นกะปิทำจากเคยล้วนๆไม่มีส่วนผสมอื่นๆ ซึ่งการนำนวัตกรรมเทคโนโลยีการผลิตมาใส่เข้าไปไม่ได้ ทำให้รสชาติกะปิของแม่ยินดีเสียไป ดังนั้น ตอบโจทย์ได้ทั้งคนรุ่นใหม่ และลูกค้าเดิมที่เคยเป็นลูกค้าของกะปิแม่ยินดี


ช่องทางการจัดจำหน่ายซอสกะปิ เคยนิคะ

ในส่วนของช่องทางการจัดจำหน่าย มีแผนจะกระจายสินค้าให้ได้ทั่วประเทศ ผ่านห้างสรรพสินค้า และ ร้านสะดวกซื้อ รวมถึงตัวแทนจำหน่ายในต่างจังหวัด และในอนาคต ถ้าเป็นไปได้ มีแผนจะส่งซอสกะปิ ไปจำหน่ายยังประเทศเพื่อนบ้าน และประเทศในภูมิภาคเอเชีย เพราะประเทศเหล่านี้ รู้จักกะปิ และกินกะปิ เหมือนกับคนไทย ส่วนในตลาดยุโรป และสหรัฐอเมริกา มีแผนส่งไปวางจำหน่ายเช่นกัน แต่เจาะกลุ่มคนเอเชีย ที่อยู่ในประเทศเหล่านั้น  โดยนำสินค้าไปวางในร้านที่จำหน่ายสินค้า อาหาร และเครื่องปรุงรสของคนเอเชีย เจาะกลุ่มลูกค้าคนไทยที่รู้จักและกินกะปิอยู่แล้วไม่ได้คาดหวัง คนต่างชาติ หรือ ฝรั่ง จะต้องมาซื้อหรือ กินซอสกะปิ ของเรา 

“ตนเองเคยอยู่ต่างประเทศมาก่อนพอจะทราบดีว่าจะทำตลาดต่างประเทศอย่างไร  ก่อนหน้านี้ ดิฉันเคยอยู่ต่างประเทศ มากว่า 7 ปี เพิ่งจะกลับมาเมืองไทย ได้ 3-4 ปี พอกลับมา คิดว่าจะทำอะไร สุดท้ายก็มาช่วยสืบทอดกิจการ ทำกะปิแม่ยินดีของที่บ้าน จังหวัดพัทลุง ซึ่งการมาต่อยอดในครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนจาก โครงการสุดยอดธุรกิจนวัตกรรมประเทศไทยประจำปี 2564 รอบภูมิภาค (Thailand INNO BIZ Champion 2021 Regional Round) ภายใต้ “นิลมังกรแคมเปญ” จัดโดย สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายจำนวน 18 หน่วยงาน โดยซอสกะปิสำเร็จรูป เคยนิคะ ได้รับรางวัลชนะเลิศ ตัวแทนจากภาคใต้”


ปีเดียวคืนทุน ด้วยยอดขายหลายหมื่นขวดต่อเดือน

นางสาวสุขศิริ เล่าว่า ผลิตภัณฑ์ซอสกะปิสำเร็จรูปเคยนิคะ นี้ ผ่านการผลิตด้วยกระบวนการผลิตที่ทันสมัย โรงงานของเราได้มาตรฐาน องค์การอาหารและยา หรือ อย. มาตรฐาน GMP และ ฮาลาล กลุ่มลูกค้ามุสลิมสามารถรับประทานได้ โรงงานเปิดดำเนินการเมื่อปี 2562 ลงทุนทำโรงงานด้วยเงินลงทุน 15 ล้านบาท ซึ่งภายในระยะเวลา 1 ปีสามารถคืนทุนได้ ด้วยยอดขายอยู่ที่ 50,000 ขวด ถึง 70,000 ขวด ต่อเดือน ราคาขายขวดละ 79 บาท และจากเข้าร่วมโครงการประกวด ม้านิลมังกร ตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ประมาณ 3 เท่า เพราะได้ทีมการตลาดในโครงการฯ เข้ามาช่วยเหลือ ผลักดันให้ซอสกะปิ เคยนิคะของเราเป็นที่รู้จักมากขึ้น


อนาคตของซอสกะปิ ในตลาดอาเซียน

สำหรับตลาดโดยภาพรวมของกะปิ เป็นอาหารที่กินกันทุกภาคของประเทศไทย ส่วนใหญ่นำไปใส่ในส่วนผสมของอาหาร และน้ำพริกเกือบทุกชนิด จะต้องใส่กะปิ โดยเฉพาะเมนูน้ำพริกกะปิ เมนูยอดนิยมที่ทุกบ้านจะมีติดสำรับกินกับผักสด ช่วยให้เจริญอาหาร ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้าน ก็นิยมรับประทานกะปิ  เช่น ประเทศลาว กัมพูชา พม่า ซึ่งประเทศเหล่านี้ ทุกบ้านก็จะมีกะปิวางไว้บนโต๊ะอาหาร หรือในร้านก๋วยเตี๋ยว มีกะปิวางไว้บนโต๊ะเพื่อเป็นเครื่องปรุงในชามก๋วยเตี๋ยว เป็นต้น

ทั้งนี้ ไม่เฉพาะในกลุ่มประเทศ CLMV ที่นิยมกินกะปิ ประเทศเพื่อนบ้านในเอเชีย อย่าง ฟิลิปปินส์ เรียก กะปิว่า บาโกอง และในประเทศอินโดนีเซียมีกะปิ เช่นกัน เรียกว่า ตราสซี หรือ พม่า เรียกกะปิ ว่า งาปิ ทุกประเทศเหล่านี้ นิยมรับประทานกะปิ และนำกะปิไปใส่ในเครื่องปรุงรสอาหาร เช่น น้ำพริกนานาชนิด ก็ต้องมีกะปิ เติมลงไปด้วย ด้วยเหตุนี้ มูลค่าตลาดรวมของกะปิในเมืองไทย และในภูมิภาคอาเซียนจึงมีมูลค่าสูง หลักหลายหมื่นล้านบาท ซึ่งการนำกะปิมาแปรรูปเป็นซอสปรุงรส ช่วยให้การกินกะปิ ของคนรุ่นใหม่ง่ายขึ้น แล้ว สามารถจัดการกับปัญหาของกลิ่นกะปิ ที่หลายๆ คนไม่ชื่นชอบได้อีกด้วย เพิ่มโอกาสการทำตลาดกะปิในต่างประเทศด้วย 

ติดต่อ โทร. 08-3239-9165 FB: ซอสกะปิ เคยนิคะ


* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *




กำลังโหลดความคิดเห็น