เก็บประสบการณ์เครื่องหนังตั้งแต่วัยรุ่น สู่การเปิดโรงงานหนังของตัวเอง ที่ลงทุนไปกว่า 100 ล้านบาท เจออุปสรรคมากมายก็ไม่หวั่นพร้อมสู้ตลาดกระเป๋าหนังด้วยคุณภาพและราคา กับบริษัท วิสดอม เพอร์เฟค จำกัด ภายใต้แบรนด์ “PALATTA”
นายพลัฏฐ์ อาร์วงศ์ศิลป์ เจ้าของ บริษัท วิสดอม เพอร์เฟค จำกัด ผู้ผลิตกระเป๋าหนังแท้ แบรนด์ PALATTA เล่าว่า ที่บ้านทำธุรกิจรองเท้า ซึ่งเป็นรองเท้าหนังเพียงอย่างเดียว เวลาที่ต้องไปส่งรองเท้า ผู้รับก็ต้องการกระเป๋าเพิ่มเข้ามาด้วย ซึ่งตนและที่บ้านไม่มีความรู้เรื่องกระเป๋าหนังเลยแม้แต่น้อย เจ้าของร้านที่ไปวางขายตามแหล่งท่องเที่ยวที่เคยส่งด้วยกันบอกว่าไม่มีความรู้ไม่เป็นอะไร เดี๋ยวจะแนะนำให้โดยเป็นการรับซื้อจากโรงงานก่อน ซึ่งโรงงานที่เคยไปรับกระเป๋ามาก็แนะนำให้รับเข็มขัดหนังมาขายพร้อมกับกระเป๋า แต่ก็เจอปัญหาในการรับซื้อของ ในบางครั้งโรงงานก็ไม่ส่งของให้ และยังติดในเรื่องของการควบคุมการจัดส่งอีกด้วย
จึงแก้ปัญหาโดยการ เริ่มต้นหาช่างทำกระเป๋าเอง หาซื้อวัตถุดิบเองทั้งหมด ช่วงก่อนหน้านั้นหนังปลากระเบนขายดี ตนก็ไปรับของและเสาะหาไกลถึงระนอง เนื่องจากเป็นหนังสดตนก็ต้องหาโรงฟอกเอง ต้องเริ่มศึกษาข้อมูลใหม่ทั้งหมดว่ามีโรงฟอกที่ไหน หลังจากนั้นก็เริ่มต้นในไลน์ของหนังวัวจะเน้นเสาะหาตามบ้านช่างเอง ก็จะตัดความเสี่ยงในเรื่องของโรงงานไปได้ แต่แล้วก็พอเจอกับอีกหนึ่งอุปสรรคคือหนังกระเบนไม่ขายให้ หรือพอซื้อมาได้ โรงฟอกก็ไม่รับฟอกอีกทำให้หนังเสียทำให้เกิดมูลค่าเสียหายกว่า 50%
ทั้งนี้ ในปี พ.ศ.2557 จึงลงทุนเปิดโรงงานเป็นของตัวเองแบบครบวงจรในช่วงที่ทำในขั้นตอนการฟอกก็เกิดปัญหาอีก เนื่องจากการฟอกหนังจะต้องรอหนังในการรับมาฟอก ในช่วงที่รอไม่มีงานให้ลูกน้องทำต่างก็ทยอยลาออกไปเรื่อยๆ ทำให้จำนวนพนักงานลดน้อยลง จึงแก้ปัญหางานโดยการเริ่มต้นไลน์ผลิตหนังวัวลายช้าง ความง่ายคือสามารถซื้อหนังมาจากโรงฟอกได้เลย แล้วเริ่มต้นงานตัดเย็บเพิ่มเข้ามาในโรงงาน
“งานตรงนี้เราก็ใช้ประสบการณ์ที่เราเคยช่วยพ่อมาตั้งแต่อายุ 18-19 และเราใช้ใจในการสร้างโรงงาน แม้จะล้มมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง แต่การให้ใจกับอะไรหลายๆ อย่างก็ให้ผลตอบแทนที่ดี เช่น ลูกน้องหลายๆ คนในโรงงานถ้าอยากฝึกงานให้ลูกน้องเป็นจะต้องยอมแลก อย่างงานเย็บหนังผมก็ให้ลูกน้องฝึกงานให้เป็น เย็บเสียไปกี่ใบ มูลค่าหลายแสนเท่าไหร่ไม่นึกเสียดาย กว่าจะมาเป็น บริษัท วิสดอม เพอร์เฟค จำกัด ผมเจออุปสรรคหลายอย่างนะ แต่ด้วยความตั้งใจและสู้ของผมก็จะทำให้ไปต่อได้”
หลังจากเริ่มสร้างโรงงานในปี พ.ศ.2557 จึงเริ่มสร้างเป็นแบรนด์ขึ้นมาชื่อว่า “PALATTA” ในปี พ.ศ.2559 มีแบบให้เลือกหลากหลาย ทั้งหนังวัวลายช้าง หนังปลากระเบน และหนังจระเข้ รวมไปถึงสีต่างๆ ที่มีให้เลือกตามความชอบ โดยเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าชาวจีนตามสถานที่ท่องเที่ยว หรือร้านที่รับทัวร์ท่องเที่ยวเป็นต้น โดยราคาจะอยู่ที่ประมาณหลักพัน จนถึงหลักหมื่น
ความแตกต่างของหนังแต่ละประเภท อย่างหนังจระเข้ก็จะเป็นหนังที่มีราคาสูงกว่าหนังประเภทอื่นๆ และมีความเชื่อว่าจะช่วยเรียกทรัพย์ นำโชค เรียกเงินเรียกทองเข้ามา ส่วนปลากระเบนที่เป็นสัตว์น้ำลึก มีความเชื่อที่บอกว่าถ้าเงินเข้ากระเป๋ามาแล้วก็จะออกยาก ส่วนสุดท้ายหนังวัวลายช้าง ซึ่งช้างถือว่าเป็นสัตว์ใหญ่ก็เชื่อกันว่าจะได้รับทรัพย์ก้อนใหญ่เข้ามาในกระเป๋า รวมไปถึงความเชื่อในเรื่องของสีกระเป๋าประจำวันเกิดอีกด้วย
สำหรับวิกฤตที่เจอล่าสุดคือ การแพร่ระบาดของ โควิด-19 ทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีนมียอดที่ตกลงไปจำนวนมากจึงแก้ไขด้วยวิธีการลดกำลังการผลิตลง พยายามไม่สต๊อกสินค้าจำนวนมากๆ พร้อมทั้งปรับช่องทางการขายเข้าสู่ออนไลน์มากขึ้น
นอกจากนี้ยังได้รับทุนสนับสนุน จากธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank ในสินเชื่อเพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชน (Local Economy Loan) เงินทุน 5 ล้านบาทมาพัฒนาในส่วนของการหมุนเวียนธุรกิจ
ในอนาคตจะพัฒนาในส่วนของพื้นที่โรงงานให้กลายเป็นแลนด์มาร์ค พร้อมทำเป็นร้านกาแฟและโชว์รูมกระเป๋าที่สามารถรับลูกค้าได้ต่อไป
* * *คลิก Likeเพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ"รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด * * *
