จากเพื่อนวัยประถมรวมตัวกัน 4 คน ร่วมมือกันสร้างแบรนด์รองเท้า “Maddy Hopper” ที่ขึ้นชื่อได้ว่าเป็นรองเท้ารักษ์โลก เนื่องจากวัสดุที่นำมาทำรองเท้าเป็นวัสดุที่รีไซเคิลมา รวมไปถึงฟังก์ชั่นและดีไซน์ที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่สามารถสวมใส่ได้ทุกวัน
ชาญ- ชาญ สิทธิญาวณิชย์ และ ป๊อบ-ภาคิน โรจนเวคิน เจ้าของแบรนด์ “Maddy Hopper” เล่าว่า Maddy Hopper เริ่มต้นมาจาก ทั้ง 4 คน เป็นเพื่อนกันตั้งแต่วัยเด็ก และเริ่มต้นพูดคุยกันในกลุ่มเพื่อนแล้วพบว่าทุกคนสนใจในเรื่องของความยั่งยืนของธรรมชาติอยู่แล้ว บวกกับความสนใจที่ต้องการจะมีธุรกิจร่วมกัน และตกลงกันว่าจะเป็นรองเท้า อีกทั้งยังต้องการใส่ความรักษ์โลกเข้าไปในรองเท้าด้วย เพราะว่าทั้งคู่รู้สึกว่ารองเท้าที่ต้องการจริงๆ ไม่ได้มีในท้องตลาดขนาดนั้น ซึ่งรองเท้าที่ต้องการหลักๆ คือ ต้องดีทั้งกับผู้สวมใส่ และดีต่อโลก และจะต้องเป็นสไตล์ที่ชอบในราคาที่เข้าถึงได้
“เรารู้สึกว่ารองเท้าที่เราต้องการจริงๆ มันไม่ได้มี available หรือหาง่ายในตลาดขนาดนั้น คือรองเท้าที่เราต้องการมันจะต้อง 1. มันจะต้องดี ดีกับคนใส่แล้วก็ดีกับโลก 2. มันควรจะต้องเป็นดีไซน์ที่เราชอบและในราคาที่เราเข้าถึงด้วย และต้องเข้ากับคอนเซปท์รักษ์โลกด้วย และสิ่งสำคัญคือต้องสวมใส่สบาย และพอมาคิดๆ ดูแล้วเราจะอยากจะทำรองเท้าที่เราอยากจะใส่ และสามารถใส่ได้ทุกวัน”
ทั้งนี้สาเหตุที่ต้องลงเอยเป็นรองเท้าคือแค่มีความรู้สึกว่าทำไมเราถึงซื้อรองเท้ายาก มองหารองเท้าที่ต้องการที่จะส่วมใส่จริงๆ หรือรองเท้าที่จะต้องส่วมใส่ตลอดเวลาให้เหมือนกับว่าเป็นเพื่อนรู้ใจมันหายาก เนื่องจากไม่ค่อยมีแบบที่ตอบโจทย์ทั้งในเรื่องของดีไซน์และคอนเซปท์ตามที่ต้องการจริงๆ และเมื่อจะมีธุรกิจอะไรสักอย่างแล้วจะต้องเป็นเรื่องที่สนใจจริงๆ เนื่องจากทั้ง 4 คนไม่ได้มีประสบการณ์ในการทำรองเท้าสักเท่าไหร่นัก หลังจากที่มีไอเดียก็เริ่มไปศึกษาข้อมูลกันเองว่าจะต้องทำอย่างไร
รองเท้าแบรนด์ Maddy Hopper เปิดตัวออกสู่ตลาดเมื่อ เดือนตุลาคม ปี 2563 เพียงเท่านั้น แต่ก่อนที่จะเป็นสินค้าออกมาก็ได้พูดคุยวางคอนเซปท์ต่างๆ อยู่เป็นปีกว่าจะมีสินค้าออกมา เรียกได้ว่ามาพร้อมๆ กับช่วงโควิด-19 แต่ก็ไม่กังวลใจแต่อย่างใด เพราะถือว่าเป็นโอกาสใหม่ที่จะก้าวข้ามผ่านในจุดนี้ไปได้ แต่แบรนด์เราตรงนี้ก็เน้นออนไลน์เป็นหลักอยู่แล้ว
ความแตกต่างของรองเท้า Maddy Hopper คือความรักษ์โลก และต้องเป็นเรื่องที่ดีต่อคนดีต่อโลก โดยแนวคิดหลักๆ จะมีอยู่ 3 อย่างคือ 1.Sustainable เรื่องสิ่งแวดล้อมคือต้องการทำให้ทุกอย่างมันยั่งยืนที่สุดเท่าที่จะทำได้คือเป็นจุดหลักไม่ว่าจะเป็นตัวรองเท้าหรือแม้แต่ packaging 2.Function ต้องการให้สินค้ามีฟังก์ชั่นที่ดี ตอบโจทย์ผู้ใช้งาน เช่นรองเท้าก็พยายามทำให้มันนุ่มพิเศษ และสีต้องเข้ากับการแต่งตัวได้ทุกแบบ และสุดท้าย 3.Simple design คือเป็นสไตล์ที่ทุกคนชื่นชอบ ไม่ฉูดฉาดเกินไป
วัสดุที่ใช้พยายามจะหาวัสดุที่ใช้แล้วมีความยั่งยืนที่สุด และต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย อย่างเช่นตัวหลักที่เป็นผ้าและเชือกทำมาจาก ขวดพลาสติก rPET หรือ recycled polyethylene terephthalate และแผ่นรองของรองเท้าก็เป็นวัสดุจาก เศษเหลือจากกระบวนการผลิตเตียงยางพารามารีไซเคิล รวมไปถึงส่วนอื่นๆ ที่นำมาใช้ก็พยายามหาวัสดุที่มันไม่ได้เป็นเหมือนพลาสติกใหม่ เป็นวัสดุที่เป็นธรรมชาติ แต่ก็ยังมีส่วนที่ยังไม่สามารถใช้วัสดุรีไซเคิลได้ คือส่วนของพื้นขางนอก หรือตัวตาไก่เอง
รวมไปถึง packaging ทางแบรนด์มองว่าเรื่องนี้สามารถปรับเปลี่ยนอะไรได้บ้าง เช่น กล่องรองเท้าคนส่วนใหญ่ก็อาจจะนำไปทิ้ง ไม่ได้ใช้งานต่อ Maddy Hopper จึงเปลี่ยนจากกล่องรองเท้า มาเป็นในรูปแบบถุงแทน ซึ่งถุงทางร้านก็ใช้แบบพิเศษให้ลูกค้าสามารถนำถุงไปใช้งานต่อได้
“Maddy Hopper ชื่อนี้มีที่มาเกิดจากคนในทีมพยายามจะคิดชื่อให้ตรงกับยุคนี้หรือคนรุ่นนี้เพราะจริงๆ แล้วเราเองรู้สึกว่าเราใช้ชื่อที่มันพูดแทนคนรุ่นใหม่ได้ดี ซึ่งรู้สึกว่ารุ่นนี้เป็นรุ่นที่มีแต่ความ Mad ไปหมดเลยไม่ว่าจะเรื่องของการเมือง หรือเรื่องของสิ่งแวดล้อม เราเลยอยากจะใช้ชื่อ Mad เป็นหลักของชื่อแบรนด์ แต่ต้องการให้ชื่อเข้าถึงง่ายเลยใช้เป็นคำว่า Maddy ส่วนคำว่า Hopper มาจากคำว่ากระโดดไปเรื่อยๆ เป็นแบรนด์ที่เราพยายามจะทำให้เป็น Hop around doing mad thing”
ปัจจุบันมีทั้งหมด 4 สี ซึ่งแต่ละชื่อก็จะมีความเชื่อมโยงไปกับธรรมชาติที่ต้องการจะรักษาเอาไว้ เช่น Sand Beach, Sand Mountain, Sunny Ocean, Sunny Cloud ราคาอยู่ที่ คู่ละ 1,990 บาท กลุ่มลูกค้าหลักๆ ก็จะเป็นกลุ่มที่สนใจสิ่งแวดล้อม อีกกลุ่มหนึ่งจะเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เริ่มสนใจสิ่งรอบตัวมากขึ้น ผลตอบรับถือได้ว่าดีมากกว่าที่คิดไว้ในตอนแรกทำให้ต้องสั่งผลิตรองเท้าเพิ่มมากขึ้นๆ
นอกจากนี้ยังมีสินค้าใหม่เป็นถุงเท้า มีทั้งหมด 3 สี ซึ่งเป็นถุงเท้าที่ผลิตจากเส้นใยไผ่ ซึ่งไผ่เป็นต้นที่กระบวนการปลูกดีกว่า cotton ใช้พื้นที่น้อยกว่า ใช้น้ำในการปลูกน้อยกว่า และมีในเรื่องของการกันกลิ่นและแบคทีเรียอีกด้วย
สนใจติดต่อ Maddy Hopper
* * *คลิก Likeเพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ"รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด * * *