เราอยากให้คนใช้ยาดมดูเท่! กับ “อาร์ม่า” มากกว่ายาดมคือดีไซน์ ผลิตภัณฑ์ที่ใครหลายคนมองข้าม

ใครจะไปคิดว่าสิ่งนี้เป็นยาดม ด้วยดีไซน์ที่แปลกใหม่ ไม่คุ้นตา ฉีกภาพลักษณ์เดิมๆ ของยาดม “อาร์ม่า” (ARMAherbal) กับผลิตภัณฑ์ที่ถูกดีไซน์มาให้ผู้ใช้งานดูเท่ ปรับบุคลิกภาพของผู้ใช้งานให้ดีขึ้น


กฤษณ์ พุฒพิมพ์ Director/ founder ARMA brand co. เล่าว่า ก่อนหน้านี้เป็นดีไซน์เนอร์ที่เปิดบริษัทออกแบบชื่อว่า Dots Design Studio และได้มีโอกาสมีส่วนร่วมกับโปรเจคที่ชื่อว่า Design Plant จัดตั้งขึ้นมาได้ 7 ปีแล้ว ส่วนหนึ่งเพื่อที่ต้องการที่จะแสดงออกในมุมมองของนักออกแบบไทยให้กับคนทั่วไปได้รับรู้ว่าการดีไซน์สามารถตอบสนองได้หลากหลายมุมมอง และในปี 2019 ได้มีส่วนร่วมกับโปรเจคยาดม ซึ่งในทุกๆ ปี กรุงเทพมหานครจะจัดงาน Bangkok Design Week ทาง Dots Design Studio และ Design Plant จะเข้าร่วมทุกปี


ทั้งนี้ในปี 2019 ที่เข้าร่วมจะเป็นโปรเจคที่ชื่อว่า Bangkok Object จะเป็นการให้โจทย์กับนักออกแบบ ว่า มุมมองของงานออกแบบกับวิถีชีวิตกับการใช้ชีวิตและความเป็นอยู่ของคนในกรุงเทพฯ นักออกแบบแต่ละคนมีมุมมองอย่างไรบ้าง ส่วนของตนเองก็จะถนัดในเรื่องของการออกแบบผลิตภัณฑ์ ในขณะนั้นก็ได้เห็นผลิตภัณฑ์ไทยๆ ที่คนใช้เป็นชีวิตประจำวันโดยที่มองข้ามสุนทรียภาพทางการออกแบบ ทั้งๆ ที่หลายผลิตภัณฑ์เป็นสินค้าที่หลายคนบอกว่าดี และไม่มีใครคิดที่จะหยิบยกมาพัฒนาหรือแม้แต่ออกแบบใหม่ให้ร่วมสมัยมากขึ้น

“ที่มาของชื่อ ARMA อาร์ม่า ซึ่งชื่อนี้ไม่ได้หมายถึง อาม่า ที่เป็นคุณยาย แต่เป็นคำว่า Aroma ที่มาตัดตัว O ออก ก่อนหน้านั้นก็จะเป็น R.MA ซึ่งจุดนั้นก็คือแทนตัว O แต่พัฒนามาเรื่อยๆ ก็กลายมาเป็นชื่อ ARMA อาร์ม่า ง่ายและคุณหู”


สิ่งที่คนหลายๆ คนมองข้าม เป็นของใกล้ตัว หนึ่งในนั้นก็คือยาดม โจทย์แรกที่มองเลยก็คือ คนทุกคนรู้จักยาดมแล้วก็มองว่ายาดมเป็นของดี แต่ภาพลักษณ์กลับแย่ เนื่องจากลักษณะท่าทางของการใช้งานแล้วยาดมทำให้บุคลิกภาพในการใช้งานดูไม่ดี เช่น ท่าทางการยัดเข้าไปในรูจมูก ซึ่งตนเองก็เลยมองว่าเป็นความท้าทายที่ดี ที่จะดึงผลิตภัณฑ์นี้มาพัฒนาให้ดูร่วมสมัย และเท่ตามสไตล์ของสตูดิโอของตน

ผลตอบรับจากผู้ใช้งาน ช่วงแรกเป็นช่วงที่ดีเกินความคาดหมายของตน ซึ่งในครั้งแรกตั้งใจจะทำเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็น special edition เพียงเท่านั้น ไม่ได้ตั้งใจจะทำเป็นแบรนด์ขึ้นมา แต่พอหลังจากที่โพสต์ และนำเสนออกไป กลายเป็นว่าด้วยวิธีการที่นำเสนอออกไป ได้รับความสนใจและได้รับการแชร์ออกไปเป็นจำนวนมาก จึงใช้โอกาสที่ดีตรงนี้ทำแบรนด์ ขายจริงออกมาดู


“จุดเด่นของยาดมเป็นเรื่องของดีไซน์เป็นหลักอยู่แล้ว ทางแบรนด์ก็จะพูดในเรื่องของวิธีคิดว่า แบรนด์มองยาดมเป็นแบบไหน คือคอนเซปท์ของงานออกแบบ คือ ต้องนึกว่าภาพว่าเป็น Metro sexual ก็หมายถึงว่า คนที่ใช้ชีวิตในรูปแบบสังคมเมือง เป็นบุคคลที่เข้าสังคม ทำงานสาทร ใช้กระเป๋าหลุยส์ กุชชี่ ใช้มือถือไอโฟน แต่เปิดกระเป๋าออกมาในนั้นมันมียาดม แต่ในภาพลักษณ์แบบนี้แล้วมันควรจะไม่ใช่ยาดมในแบบที่เราเห็นทั่วไป แต่อันนี้เป็นภาพในหัวของเรา”




ARMAherbal คอนเซปท์ของการออกแบบคือ “ ต้องการให้คนที่ใช้ยาดมดูเท่! ” เนื่องจากเมื่อก่อนคนถือยาดมใช้งาน ด้วยวิธีใช้มันทำให้เสียบุคลิกภาพ จะทำอย่างไรให้มันถือออกมาแล้วมันดูเท่ จึงไปหาท่าทางการใช้งาน ที่คนคิดว่ามันเท่ เช่น เมื่อก่อนคนสูบบุหรี่ แต่ที่สูบบุหรี่หลายคนรู้อยู่แล้วว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดีต่อสุขภาพ แต่ทำไมเรายังสูบอยู่ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งคำถามในการคิดคอนเซปท์ แต่ว่าวิธีการสูบบุหรี่มันเท่ หรือกว่านั้นไปอีกก็จะมี ซิก้า โดยท่าทางการใช้งานแล้วหลายคนมองว่ามันเท่ เป็นต้น


ส่วนของผลิตภัณฑ์จะเป็นอลูมิเนียมทั้งแท่ง เนื่องจาก ต้องการลดการใช้พลาสติก ซึ่งยาดมในรูปแบบก่อนจะเป็นพลาสติกที่อายุการใช้งานสั้นอยู่ได้เพียงไม่กี่เดือน ซึ่งใช้แล้วก็หมดไป หลังจากนั้นก็มามองว่ายาดมนี้สามารถรีฟิลได้หรือไม่ คล้ายกับการใช้งานปากกาแบบแพงๆ ที่สามารถเปลี่ยนไส้ได้ อักทั้งอลูมเนียมสามารถรีไซเคิลได้ 100% จึงตอบโจทย์ในเรื่องของการลดใช้พลาสติกได้อีกด้วยปัจจุบัน ยาดม “อาร์ม่า” สามารถเปลี่ยนกลิ่นได้ 2 กลิ่น ซึ่งในอนาคตมีเป้าหมายว่าจะมีกลิ่นใหม่ๆ ออกมาทุกปี ลูกค้าก็สามารถเลือกกลิ่น เปลี่ยนกลิ่นได้


นอกจากนี้แล้วยังมี flagship ซึ่งมามีช่วงโควิดที่ผ่านมา ประมาณ 4 - 5 เดือนแล้ว หลังจากที่ทำแบรนด์ไปได้ประมาณ 1 ปี ก็มีความต้องการที่จะแจกแจงตัวแบรนด์และธุรกิจ “อาร์ม่า” ขึ้นมา เพื่อที่จะเล่าประสบการณ์ให้เต็มที่มากขึ้น หลังจากนั้นจึงไปได้ที่มาพอดี รวมไปถึงการมองว่ามีผลิตภัณฑ์ และสินค้าของไทยหลายอย่างที่ไม่ได้ถูกเล่าและบอกต่อให้คนได้รู้จัก ซึ่งในแผนของทีมก็คือต้องการที่จะให้ผลิตภัณฑ์และสินค้าของไทยกลุ่มนี้ เข้ามาพัฒนาและต่อยอดภายใต้แบรนด์ “อาร์ม่า”


ประจวบเหมาะกับการสนใจในเรื่องการนวดของไทย ซึ่งการนวดก็ถือเป็นผลิตภัณฑ์ของไทยเช่นเดียวกัน แต่ไม่เคยถูกเล่าในมุมร่วมสมัย โดยส่วนตัวแล้วในส่วนนี้มีส่วนที่เกี่ยวข้องกันอยู่ในเรื่องของสัมผัสกับผลิตภัณฑ์ รวมไปถึง know how ของผลิตภัณฑ์ไทย จึงเกิดขึ้นมาเป็น flagship ที่ชื่อว่า “อาร์มาราภา” (ARMARAPA)

สนใจติดต่อ  ARMAherbal

* * *คลิก Likeเพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ"รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด * * *