สสว.เดินเครื่องขับเคลื่อนมาตรการสนับสนุนให้ SME เข้าถึงตลาดจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ “ระบบ THAI SME-GP” มุ่งเผยแพร่สิทธิประโยชน์ไปสู่เอสเอ็มอี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประเดิมงานแรกที่ จ.นนทบุรี “THAI SME-GP @นนทบุรี” พร้อมเตรียมขยายสู่ภูมิภาคเพื่อสร้างโอกาสให้เอสเอ็มอีเข้าถึงตลาดการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐที่มีมูลค่ากว่า 1.3 ล้านล้านบาทต่อปี
นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวภายหลังเปิดการประชุมเผยแพร่มาตรการสนับสนุนให้เอสเอ็มอีเข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ “THAI SME-GP@นนทบุรี” ว่า การประชุมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเน้นย้ำและเชิญชวนให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมาขึ้นทะเบียนในระบบ THAI SME-GP ที่ สสว.จัดทำขึ้นภายใต้มาตรการสนับสนุนให้เอสเอ็มอีเข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงตลาดจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐที่มีมูลค่ากว่า 1.3 ล้านล้านบาทต่อปีได้อย่างสะดวกรวดเร็วมากขึ้น
นายวีระพงศ์เผยว่า มาตรการสนับสนุนให้เอสเอ็มอีเข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐเป็นหนึ่งในมาตรการภายใต้กฎกระทรวงกำหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2563 ของกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ที่ผ่านการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2563 ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2563 โดยมี สสว.เป็นหน่วยงานรับผิดชอบมาตรการดังกล่าว
สำหรับมาตรการนี้กำหนดสิทธิประโยชน์ให้เอสเอ็มอีเข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ 2 วิธี คือ วิธีที่ 1 การจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีคัดเลือก ซึ่งกำหนดให้ภาครัฐจัดซื้อจัดจ้างจากสินค้าและบริการจากเอสเอ็มอีไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 โดยต้องคัดเลือกเอสเอ็มอีในจังหวัดก่อนอย่างน้อย 3 ราย และวิธีที่ 2 การจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding) ซึ่งให้แต้มต่อเอสเอ็มอีไม่เกินร้อยละ 10 โดยเอสเอ็มอีที่ขึ้นทะเบียนในระบบ THAI SME-GP สามารถเสนอราคาสูงกว่าราคาต่ำสุดได้ไม่เกินร้อยละ 10 จะได้รับคัดเลือกอัตโนมัติ สำหรับเอสเอ็มอีที่ได้รับสิทธิประโยชน์ ต้องเป็นผู้ประกอบการไทยที่เป็นนิติบุคคล หรือบุคคลธรรมดา หรือวิสาหกิจชุมชน ถ้าอยู่ในภาคการผลิต จะต้องมีรายได้ไม่เกิน 500 ล้านบาท ถ้าอยู่ในภาคการค้าและภาคบริการ รายได้ไม่เกิน 300 ล้านบาท
นายวีระพงศ์ เผยอีกว่า หากพิจารณาตลาดจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐในช่วงที่ผ่านมา ระหว่างปี 2561-2563 จะเห็นว่ามีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2561 มีมูลค่า 1.098 ล้านล้านบาท ปี 2562 มีมูลค่า 1.098 ล้านล้านบาท และปี 2563 คือ 1.3 ล้านล้านบาท โดยสินค้าหรือบริการที่ภาครัฐซื้อหรือจ้างในลำดับต้นๆ ตามข้อมูลของกรมบัญชีกลางปี 2563 คือ อุปกรณ์วิทยาศาสตร์ บริการทำความสะอาด อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เครื่องใช้สำนักงาน เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ บริการดูแลต้นไม้และสนามหญ้า อุปกรณ์กีฬา เครื่องใช้ในครัวเรือน
“จากการที่รัฐบาลออกกฎกระทรวงที่กำหนดให้หน่วยงานภาครัฐจัดซื้อจัดจ้างสินค้าหรือบริการของเอสเอ็มอีที่ขึ้นบัญชีไว้กับ สสว. ในวงเงินไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ของงบประมาณจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่อยู่ในบัญชีรายชื่อดังกล่าว นับเป็นการเปิดโอกาสสำคัญให้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทั่วประเทศ จึงอยากให้เชิญชวนผู้ประกอบการมาขึ้นทะเบียนต่อ สสว. ซึ่งสามารถขึ้นได้ด้วยตัวเองที่ www.thaismegp.com และขอให้เชิญชวนเอสเอ็มอีที่เป็นผู้ค้าขาย (Vendor) กับหน่วยงานภาครัฐอยู่แล้ว ต้องมาขึ้นทะเบียน THAI SME-GP กับ สสว.เพื่อได้รับประโยชน์จากโอกาสนี้ด้วย”
ทั้งนี้ นับตั้งแต่มาตรการมีผลบังคับใช้เมื่อ 22 ธันวาคม 2563 เป็นต้นมา สสว.ได้ดำเนินการให้ข้อมูลความรู้เพื่อขับเคลื่อนมาตรการดังกล่าวทั้งในกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอี กลุ่มหน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสถาบันการเงินมาอย่างต่อเนื่อง เช่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรมทางทางหลวง กองทัพอากาศ ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารทหารไทย ฯลฯ รวมถึงจัดประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นเพื่อนำไปสู่การอำนวยความสะดวกและแก้ไขปัญหาอุปสรรค เพื่อให้เอสเอ็มอีเข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพ จำนวน 2 ครั้ง ด้วยจุดมุ่งหมายเพื่อให้มาตรการนี้เป็นประโยชน์ต่อเอสเอ็มอีอย่างแท้จริง ซึ่งคาดว่าภายในสิ้นเดือนมีนาคมนี้จะมีผู้ประกอบการขึ้นทะเบียนประมาณ 10,000 ราย และสิ้นปีงบประมาณ 2564 คาดว่าจะมีผู้ประกอบการขึ้นทะเบียนประมาณ 100,000 ราย
นางสาวอโรชา นันทมนตรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า มาตรการสนับสนุนให้เอสเอ็มอีเข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐของ สสว.นี้นับเป็นโอกาสที่ดีของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เพราะหน่วยงานภาครัฐเป็นตลาดใหญ่ที่มีกำลังซื้อแน่นอน และการที่ สสว.เลือกมาดำเนินการจัดกิจกรรมใหญ่ครั้งแรกที่จังหวัดนนทบุรี ก็จะเป็นโอกาสสำคัญสำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในจังหวัดนนทบุรีและพื้นที่ใกล้เคียง เพราะจากข้อมูลพบว่าจังหวัดนนทบุรีมีมูลค่าการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐมากเป็นอันดับ 2 รองจากกรุงเทพมหานคร
“จังหวัดนนทบุรีมีผู้ประกอบการรวมทั้งสิ้น 75,180 ราย หากสร้างการรับรู้ในวงกว้างเพื่อให้มาขึ้นทะเบียนไว้กับ สสว.มากยิ่งขึ้นก็จะสร้างโอกาสให้ได้รับการซื้อหรือจ้างงานจากหน่วยงานของรัฐที่มีมูลค่ากว่า 1.3 ล้านล้านบาทต่อปีได้มากขึ้น ซึ่งเป็นช่องทางการสร้างรายได้ให้กิจการได้ดีอีกทางหนึ่ง”
รอง ผวจ.นนทบุรี กล่าวอีกว่า ปัจจัยแห่งความสำเร็จของมาตรการคือ การมีข้อมูลและจำนวนสินค้า-บริการที่มากพอให้หน่วยงานของรัฐใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาจัดซื้อจัดจ้างให้สอดคล้องกับความต้องการ ดังนั้น จึงขอเชิญชวนให้ผู้ประกอบการทุกราย หากยังมิได้ขึ้นทะเบียนเอสเอ็มอีเพื่อการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐไว้กับ สสว. ก็สามารถขึ้นทะเบียนได้ด้วยตนเองที่เว็บไซต์ www. thaismegp.com
สำหรับการจัดงานประชุมเผยแพร่มาตรการสนับสนุนให้ SME เข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ “THAI SME-GP@นนทบุรี” ของ สสว.ในครั้งนี้ ได้จัดให้มีการเสวนา “ตลาดภาครัฐ โอกาสใหม่สำหรับ SME ไทย” เพื่อถ่ายทอดประสบการณ์จากผู้ประกอบการต้นแบบที่สามารถสร้างกิจการให้เติบโตได้ด้วยตลาดภาครัฐ ได้แก่ บริษัท พลาดิน เวิร์คแวร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเสื้อผ้าและผลิตภัณฑ์จากผ้าทางการแพทย์ส่งขายกลุ่มโรงพยาบาล บริษัท ศรีสะเกษการพิมพ์ จำกัด ธุรกิจโรงพิมพ์และงานที่เกี่ยวข้องกับการพิมพ์ในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษและพื้นที่ใกล้เคียง วิสาหกิจชุมชนกลุ่มทำสวนเพื่อการผลิตและแปรรูปผลผลิตเกษตร จ.ลำพูน เจ้าของผลิตภัณฑ์น้ำผึ้งตราแสนผึ้ง และผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่จะเริ่มงานภาครัฐด้วยการขึ้นทะเบียน THAI SME-GP เป็นต้น
ทั้งนี้ สสว.มีแผนที่จะจัดงานดังกล่าวทั้งในพื้นที่ส่วนกลางและส่วนภูมิภาคอย่างต่อเนื่องตลอดปี 2564 นี้ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้แกาผู้ประกอบการเอสเอ็มอี หน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ระบบ THAI SME-GP เป็นประโยชน์และเป็นโอกาสแก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอย่างแท้จริง
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า"SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *