พืช สมุนไพรไทย เป็นอีกหนึ่งอย่างที่มีชื่อเสียงไม่แพ้ใคร โดย “อมินตา” ได้หยิบงานวิจัย ดอกไม้สีเหลือง 3 ชนิด มาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางดูแลผิวหน้า ทั้งยังได้รับรางวัลการันตีทั้งในไทยและต่างประเทศ และต่อยอดไปยังผลิตภัณฑ์อื่นๆ โดยมีงานวิจัยรองรับ พร้อมตั้งเป้าบุกตลาดต่างประเทศต่อเนื่อง
จิตติมา มานะไชยรักษ์ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ อมินตา เล่าว่า แบรนด์อมินตา เริ่มต้นมาจากตนเองมีปัญหาผิวเนื่องจากเคยหลงผิดไปใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมเป็นสารสเตียรอยด์ ทำให้เกิดอาการคัน เข้ารับรักษาอาการแต่ก็ดีขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จึงพยายามหาวิธีที่จะทำให้ผิวหน้าของตนเองกลับมาดีขึ้น อย่างเร็วที่สุด ก็พยายามหาตัวช่วยรักษาควบคู่กับการรักษาทางการแพทย์
จนกระทั่งเข้าสืบค้นข้อมูล จนทำให้พบกับงานวิจัย ดอกไม้สีเหลือง ที่นำมาสกัดเป็นเครื่องสำอาง ซึ่งเป็นงานวิจัยของอาจารย์คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จึงตัดสินใจติดต่อทางคณะไป อาจารย์ผู้วิจัยจึงส่งตัวอย่างของเครื่องสำอาง ที่มีส่วนผสมจากสารสกัดดอกไม้สีเหลือง มาให้ทดลองใช้ ปรากฏว่าผลลัพธ์เป็นไปในทางที่ดีภายในระยะเวลาเพียงเดือนกว่าเท่านั้น จึงติดต่อซื้องานวิจัยชิ้นนี้เพื่อมาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ “อมินตา”
ทางแบรนด์ “อมินตา” จึงเริ่มเปิดตัวในปี พ.ศ. 2560 แต่กว่าจะได้ออกมาสู่ตลาดก็ผ่านกระบวนการปรับเปลี่ยนเนื้อสัมผัสของเซรั่ม ทดลองโดยกลุ่มทดลองต่างๆ ก็ใช้ระยะเวลานานอยู่พอสมควร ซึ่งปัจจุบันกลุ่มลูกค้าต่างก็ต้องการผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าที่บางเบา ใช้งานง่าย
ดอกไม้สีเหลืองทั้ง 3 ชนิดประกอบไปด้วย ดอกราชพฤกษ์ ซึ่งในดอกไม้ชนิดนี้มีสารที่อุดมไปด้วยสารไบโอฟลาโวนอยด์ มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ อันเป็นสาเหตุของการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว ตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดริ้วรอยและความหมองคล้ำบนใบหน้า สารไบโอฟลาโวนอยด์ช่วยซ่อมแซมฟื้นฟูเซลล์ผิวที่ถูกอนุมูลอิสระเข้าไปทำลาย พร้อมยับยั้งการก่อตัวใหม่ของอนุมูลอิสระ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ฟื้นบำรุงสุขภาพผิวให้แข็งแรง เพิ่มความยืดหยุ่น ให้ผิวหน้ารู้สึกเรียบเนียน เต่งตึง ดูกระชับไม่หย่อนคล้อย พร้อมยับยั้งการทำงานของเอนไซม์คอลลาจีเนส และ MM2 ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้คอลลาเจนในผิวหนังโดนทำลาย
ดอกขี้เหล็ก อุดมด้วยสารฟีนอลิก ที่มีคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระ อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นผิวให้สร้างกรดไฮยาลูโรนิค หัวใจสำคัญที่ทำให้ผิวชุ่มชื้น แลดูสดใส ดูสุขภาพดีจากภายใน กรดไฮยาลูโรนิคมีลักษณะเหมือนเจลแทรกอยู่ระหว่างเซลล์ผิว ทำหน้าที่ยึดจับโปรตีนคอลลาเจนไว้ และเป็นแหล่งเก็บกักน้ำให้แก่เซลล์ ส่งผลให้ผิวสามารถคงความชุ่มชื้นไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสุดท้ายดอกดาวเรือง อุดมไปด้วยสารฟีนอลิกและสารกลุ่มแคโรทีนอยด์ ได้แก่ สารลูทีน และซีแซนทีน ซึ่งเปี่ยมด้วยคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระในระดับสูง เทียบเท่าวิตามินเอ ช่วยลดการเสื่อมของเซลล์ผิวหนังอย่างทรงประสิทธิภาพ ช่วยลดจุดด่างดำ ความหมองคล้ำอย่างเห็นได้ชัด ผิวดูสว่างกระจ่างใส เปล่งประกายอย่างเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังช่วยป้องกันผิวจากรังสียูวี มีฤทธิ์ในการยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนสและยับยั้งการสังเคราะห์เมลานิน (เม็ดสีผิว) ต้นเหตุหลักของความหมองคล้ำและจุดด่างดำบนใบหน้า
วัตถุดิบของส่วนผสมหลัก อย่างดอกไม้สีเหลืองทั้ง 3 ชนิดนี้ “อมินตา” ยังสนับสนุนเกษตรกรในชุมชนที่ จังหวัดลำปาง กลุ่มนี้เป็นกลุ่มเกษตรกรที่ปลูกพืชสมุนไพรพื้นบ้านอยู่แล้ว ส่วนวัตถุดิบดอกไม้สีเหลืองเป็นสิ่งที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ ชาวบ้านก็จะช่วนกัน รวมกันเก็บเพื่อส่งไปทางชุมชนสมุนไพรที่ลำปาง ซึ่งชุมชนนี้ยังได้รับมาตรฐาน ISO ในการผลิต และมั่นใจได้ในแง่ของความปลอดภัย และปลอดสารพิษ
ทั้งนี้ตลาดเครื่องสำอางในปัจจุบันถือว่ามีการแข่งขันที่สูงมากแต่ “อมินตา” เลือกที่จะใช้การสื่อสารกับลูกค้าเพื่อสร้างความเข้าใจ และความเชื่อมั่น ส่วนใหญ่ลูกค้าตัดสินใจซื้อเนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีงานวิจัยรองรับ โดยมีอาจารย์แพทย์ เป็นผู้คิดค้น รวมไปถึงรางวัลที่ได้รับทั้งรางวัลจากในไทย และต่างประเทศอีกด้วย
ซึ่งนอกจากผลิตภัณฑ์ในส่วนของ Skincare จะมีเซรั่มและโฟมล้างหน้าแล้ว ยังมีในส่วนของ Haircare อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นแชมพูป้องกันผมร่วง, ครีมนวดผม รวมไปถึงเซรั่มปลูกผม ซึ่งผลิภัณฑ์ในส่วนของผมยังถูกวิจัยโดย คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ล่าสุดที่เพิ่งออกสู่ตลาดในช่วงโควิด-19 ก็คือชาเบญจวัฒนะ ที่รวมไปด้วยสมุนไพรหลากชนิด เช่น รากสามสิบ, เตยหอม, ย่านาง, เจียวกู่หลาน, น้ำนมราชสีห์, กระชายขาว, ชะเอมเทศ และลูกใต้ใบ
“อมินตา มาจากคำในภาษาละตินที่เขียนว่า AMYNTA มีความหมายว่า ผู้ปกป้องดูแล ซึ่งสอดคล้องกับเจตนารมย์ของแบรนด์คือ ขอเป็นผู้ปกป้องดูแลความงาม และสุขภาพองค์รวม สู่การมีชีวิตที่สุขสมบูรณ์ ก็เลยเป็นที่มาว่าผลิตภัณฑ์ของเราจะดีได้ในระยะยาวมันต้องไม่ใช่ดีด้วยสารเคมี มันต้องดีด้วยธรรมชาติ เอาธรรมชาติมาดูแลตัวเราเอง”
ในอนาคตจะมุ่งเน้นทำตลาดในประเทศให้แข็งแรงและจะให้แบรนด์ “อมินตา” เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นในตลาดต่างประเทศ เข้าร่วมกับแพลตฟอร์มที่จะขยายไปยังตลาดตะวันออกกลางซึ่งพื้นที่นั้นให้การตอบรับผลิตภัณฑ์ที่มาจากธรรมชาติดีมาก และในส่วนของผลิตภัณฑ์ เร็วๆ นี้จะมีโทนเนอร์ที่กำลังจะออกมา และอาหารเสริมในรูปแบบเครื่องดื่มอีกด้วย
ช่องทางการขาย จะมีช่องทางออนไลน์ เว็บไซต์ : https://amintaofficial.com lineofficial : @aminta และเฟซบุ๊ก : รวมไปถึงช่องทาง JD Central, Shopee และ Lazada อีกหนึ่งช่องทางคือ KTC U Shop และสำหรับผู้ประกอบการที่สนใจ ร่วมธุรกิจกับ KTC U Shop สามารถลงทะเบียนหรือสมัครมาได้ที่เว็บไซต์ KTC U Shop หรือ KTC PHONE 0-2123-5000
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *