สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รอบใหม่ที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศไทย ทำให้หลายคนกังวล และ คาดหวังว่ารัฐบาลจะสามารถดำเนินการให้การแพร่ระบาดในครั้งนี้ ยุติลงได้อย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับในครั้งที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่คนไทยต้องให้ความร่วมมือ ด้วยการสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ต้องออกนอกบ้าน
การแพร่ระบาดโควิด-19 รอบใหม่ครั้งนี้ การขาดแคลนหน้ากากอนามัย อาจจะไม่เกิดขึ้น เพราะทุกคนก็สวมใส่หน้ากาก และมีหน้ากากอนามัย พร้อมรับมือกันอยู่แล้ว จากเดิมที่การ์ดตกไปบ้าง แต่พอเกิดการระบาดรอบใหม่เชื่อว่าคนไทยจะดูแลตัวเองโดยการสวมหน้ากากกันทุกคน แต่ครั้งนี้ มีตัวเลือกหน้ากากอนามัย ที่มีนวัตกรรมที่ไม่ใช่แค่หน้ากากผ้าธรรมดาที่ป้องกันเชื้อโควิดไม่ได้ 100% และนวัตกรรมหน้ากากอนามัย กล่าวถึงในครั้งนี้ เป็นผลงานการทำวิจัยของเอ็นไอเอ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ ร่วมกับภาคเอกชน โดยทาง NIA ได้สนับสนุนเงินทุนให้กับบริษัท พรีมา เลเซอร์ เทอร์ราพี จำกัด ในวงเงิน 2.895 ล้านบาท เพื่อพัฒนานวัตกรรม “หน้ากากอนามัยชนิดใช้ซ้ำได้”ป้องกันการแพร่ระบาดของโคโรน่า 100%
ประสิทธิภาพเทียบเท่าหน้ากากในสถานพยาบาล
ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า จากสถานการณ์ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า หรือ โควิด-19 ในรอบใหม่ ครั้งนี้ ทางอว. NIA ให้ความสำคัญการดูแลสุขภาพของคนไทย และบุคลากรทางการแพทย์ โดยได้นำผลการวิจัยหน้ากากอนามัย ที่มีประสิทธิภาพสูงเทียบเท่ากับหน้ากากที่ใช้ในสถานพยาบาล ในการป้องกันไวรัสโคโรน่า และป้องกันฝุ่น PM 2.5 ในชิ้นเดียวกัน เพราะเชื้อไวรัสโคโรน่าอาจจะอยู่กับเราไม่นาน แต่ผลกระทบจากฝุ่นพีเอ็ม จะต้องอยู่กับเราไปอีกนาน และเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ ทางNIA ร่วมกับ บริษัทผู้ผลิต มอบหน้ากากอนามัยดังกล่าว ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ซึ่งเป็นด่านหน้ารับมือไวรัสโคโรน่ารอบใหม่ได้ใช้ฟรี และมอบนวัตกรรมดีดี แบบนี้ เป็นของขวัญให้คนไทยเพราะทางผู้ผลิตได้ผลิตออกมาจำหน่ายให้คนทั่วไปได้ใช้ผ่านทางช่องทางออนไลน์
สำหรับนวัตกรรมหน้ากากอนามัย ชนิดใช้ซ้ำได้ ชื่อว่า“P-Mask” เป็นหน้ากากอนามัย ที่มีคุณสมบัติสามารถกรองฝุ่น PM 2.5 และ ป้องกันเชื้อไวรัสโคโรน่าได้ในอันเดียว โดยหน้ากากอนามัย P-Mask ทำมาจากผ้าที่ผสมซิลเวอร์นาโน ที่มีความเข้ม 180-200 ppm ที่สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียบนผิวหนัง และน้ำลายของผู้ใช้ ทำให้ไม่เกิดกลิ่นเหม็นจากการใช้งาน และยังสะดวกต่อการหายใจเทียบเท่าหน้ากากอนามัย (Surgical Mark) นอกจากนี้ หน้ากากอนามัย P-Mask ยังมีช่องสำหรับใส่แผ่นฟิวเตอร์เทฟลอน ที่ทำมาจาก PTFE หรือ Teflon ที่สามารถกรองฝุ่น และเชื้อโรคที่มีขนาด 0.1-0.3 um ได้ที่ 95% และ 0.5 um หรือใหญ่กว่าที่ 99% โดยแผ่นกรองสามารถถอดแยกออกมาล้างน้ำได้ ส่วนตัวหน้ากากทำจากผ้าสามารถนำมาซักล้างได้เช่นกัน โดยสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้อีกหลายสิบครั้ง มีอายุการใช้งานนานกว่าหน้ากากทั่วไป ทางผู้ผลิตตั้งเป้าการใช้งานไว้นานถึง 9 เดือน กรณีที่ใช้งานทุกวัน
ต่อยอดเป็นหน้ากากป้องกันเชื้อโรคแบบคลุมศรีษะ
ทั้งนี้ หน้ากากอนามัย P-Mask ยังสามารถนำมาต่อยอดเป็น “นวัตกรรมหน้ากากป้องกันเชื้อโรคแบบคลุมศีรษะชนิดมีพัดลมพร้อมชุดกรองอากาศ หรือ ชุดหน้ากาก PAPR” สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ได้อีกด้วย ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่จะส่งเสริมและสนับสนุนให้ประเทศไทยสามารถพึ่งพาตนเองในการผลิตวัสดุและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐานสากล ซึ่งทั้งชุดหน้ากาก PAPR และ ชุดหน้ากากอนามัย P-Mask ทาง เอ็นไอเอ ยังได้มอบหมายให้ทาง บริษัทพรีมา เลเซอร์ เทอร์ราพี จำกัด ทำการผลิต และนำมามอบ ให้กับสถานพยาบาลในย่านนวัตกรรมการแพทย์โยธี ซึ่งเป็นพื้นที่ให้บริการทางการแพทย์ที่มีผู้เข้ารับการรักษามากที่สุดในประเทศไทย เพื่อมอบให้กับบุคลากรทางการแพทย์ และประชาชนที่มาใช้บริการสถานพยาบาลในเครือมหาวิทยาลัยมหิดล กรมการแพทย์ และกรมการแพทย์ทหารบก ทดแทนการใช้หน้ากากอนามัยชนิดใช้ครั้งเดียว
"ในช่วงการระบาดของเชื้อโควิด – 19 ที่ผ่านมา NIA ได้สนับสนุนเงินทุนให้กับบริษัท พรีมา เลเซอร์ เทอร์ราพี จำกัด ในวงเงิน 2.895 ล้านบาท เพื่อพัฒนานวัตกรรม “หน้ากากอนามัยชนิดใช้ซ้ำได้” ซึ่งสามารถนำไปต่อยอดเป็นนวัตกรรมหน้ากากป้องกันเชื้อโรคแบบคลุมศรีษะชนิดมีพัดลมพร้อมชุดกรองอากาศ หรือ ชุดหน้ากาก PAPR สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ได้อีกด้วย โดยปัจจุบันดำเนินโครงการเสร็จสิ้นเรียบร้อย พร้อมส่งต่อสู่การใช้จริงในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และประชาชน จึงส่งมอบ “หน้ากากอนามัยชนิดใช้ซ้ำได้” จำนวน 6,000 ชิ้น และ “ชุด PAPR” จำนวน 250 ชุด ให้กับสถานพยาบาลภายในย่านนวัตกรรมการแพทย์โยธี ซึ่งเป็นพื้นที่ให้บริการทางการแพทย์ที่มีผู้เข้ารับการรักษามากที่สุดในประเทศไทย โดยจัดสรรให้กับกรมการแพทย์ กรมแพทย์ทหารบก และมหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อกระจายให้กับบุคลากรทางการแพทย์และประชาชนทั่วไปหรือผู้ป่วยที่เข้ามาใช้บริการในสถานพยาบาลต่าง ๆ” ดร. พันธุ์อาจ กล่าว
ผศ.ดร. ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง เลขานุการรัฐมนตรีว่าการและโฆษกกระทรวง อว.กล่าวว่า “อว. ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า หรือ โควิด-19 และปัญหาฝุ่น PM 2.5 มาอย่างต่อเนื่อง โดยอาศัยองค์ความรู้ เครือข่าย และความร่วมมือจากพันธมิตรทั้งหน่วยงานภายในการกำกับของกระทรวงฯ ภาครัฐ และภาคเอกชน เพื่อหาแนวทางการแก้ไข ป้องกัน และบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าวิกฤตที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์ต่าง ๆ เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดโอกาสการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ตอบโจทย์กระแสสังคมในช่วงนั้น ๆ ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการปรับตัวของภาคเอกชน ซึ่งผลงานนวัตกรรม “หน้ากากอนามัยชนิดใช้ซ้ำได้” ถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการสร้างสรรค์นวัตกรรมจากวิกฤตที่เข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนหน้ากากอนามัย ลดปริมาณขยะมหาศาลจากการทิ้งหน้ากากอนามัยชนิดใช้ครั้งเดียว แสดงถึงศักยภาพความสามารถในการพัฒนานวัตกรรมของคนไทยว่าไม่ด้อยไปกว่าชาติใดในโลก ซึ่งจะส่งผลต่อการผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็น “ประเทศแห่งนวัตกรรม” ต่อไปในอนาคต”
นำกลับมาใช้ซ้ำได้ ช่วยลดปริมาณขยะพลาสติก
ด้าน ดร.เจริญ ตั้งตรงเบญจศีล กรรมการบริษัท พรีมา เลเซอร์ เทอร์ราพี จำกัด กล่าวว่า จุดเริ่มต้นของการทำหน้ากากอนามัยชนิดใช้ซ้ำได้คือ ต้องการลดขยะพลาสติกที่มาจากการใช้หน้ากากอนามัย เพราะที่ผ่านมามีขยะพลาสติกที่เกิดจากการใช้แล้วทิ้งเป็นจำนวนมาก ประกอบกับเป็นช่วงที่ประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัญหาโควิด-19 และการเข้าถึงหน้ากากอนามัยที่เป็นไปอย่างลำบาก โดยบริษัทได้รับการสนับสนุนเงินทุนจาก NIA เพื่อดำเนินการผลิตหน้ากากอนามัยชนิดใช้ซ้ำ 2 รูปแบบ ประกอบด้วย P-Mask นวัตกรรมหน้ากากอนามัยชนิดใช้ซ้ำได้ และนวัตกรรมหน้ากากป้องกันเชื้อโรคแบบคลุมศรีษะชนิดมีพัดลมพร้อมชุดกรองอากาศ (Powered Air Purifying respirator : PAPR) มีลักษณะเป็นหมวกคลุมศรีษะและปั๊มลมช่วยดันลม ใช้ฟิลเตอร์เป็นเทฟลอนเช่นเดียวกัน โดยอุปกรณ์ดังกล่าวป้องกันเฉพาะส่วนคอถึงศีรษะเพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์ใช้ร่วมกับชุด PPE-Personal Protective Equipment โดยปั๊มลมด้านหลังนอกจากจะช่วยในเรื่องการหายใจแล้วยังสามารถกรองเชื้อไวรัสได้อีกด้วย
ดร.เจริญ กล่าวทิ้งท้ายว่า การพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อการช่วยเหลือสังคมนั้นเป็นสิ่งที่บริษัทได้ให้ความสำคัญมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในอนาคตทั้งสองนวัตกรรมนี้จะยังคงพัฒนาและส่งต่อไปสู่สังคม ทั้งในภาคประชาชนและกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อให้ระบบสาธารณสุขและสุขภาพของคนไทยเป็นไปในทิศทางที่ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของหน้ากากอนามัยชนิดใช้ซ้ำได้ บริษัทจะมีการปรับราคาจำหน่ายให้เหมาะสม และกระจายสู่ช่องทางที่ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ง่าย โดยยังจะมุ่งพัฒนานวัตกรรมอื่น ๆ เพื่อให้สอดรับกับไลฟ์สไตล์ และวิถีชีวิตแบบ New Normal ให้กับคนไทยในอนาคตต่อไป
สนใจ ติดต่อ www.primalasertherapy.com
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *
SMEs manager