จากกรณีที่สำนักงานสลากเตรียมตัวปูพรมจัดการรับฟังความเห็นประชาชน เพื่อจะตัดสินใจออกผลิตภัณฑ์สลากรูปแบบใหม่ในปี 2564 มูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จึงร่วมกันจัดเสวนาหัวข้อ “การศึกษาผลกระทบทางสังคม : (เอส ไอ เอ) ไฟต์บังคับก่อนจะออกหวยตัวใหม่” มีนักวิชาการ ผู้ค้าสลาก และภาคประชาสังคม มาร่วมกันแลกเปลี่ยนความเห็น
นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน กล่าวว่า การศึกษาผลกระทบทางสังคม เป็นไฟต์บังคับที่ต้องทำตามมาตรา 7(1) ของ พ.ร.บ.สลากกินแบ่งรัฐบาลแก้ไขเพิ่มเติมปี 2562 ซึ่งเป็นไปตามหลักสากลที่การพนันหรือสิ่งอื่นใดที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบทางสังคมต้องให้เกิดยากๆ เพราะการออกผลิตภัณฑ์สลากรูปแบบใหม่ อาจส่งผลกระทบต่อสังคมได้ทั้งทางบวกและลบ
สำหรับการศึกษาผลกระทบอย่างรอบด้าน จะช่วยให้ป้องกันปัญหาได้ เพราะเมื่อเห็นแล้วว่าจะเกิดผลเสีย สำนักงานสลากก็สามารถจะปิดจุดอ่อน หรือปรับเปลี่ยนแผนการดำเนินการไปหาทางเลือกอื่นที่เหมาะสมกว่าได้ และยังช่วยให้เห็นล่วงหน้าถึงความคุ้มค่าของการดำเนินการ อีกทั้งยังช่วยคลายความกังวลของสังคมได้ ที่สำคัญคือ ก่อนจะจัดการรับฟังความเห็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง สำนักงานสลากควรทำการศึกษาผลกระทบทางสังคมก่อน เพื่อนำรายงานผลการศึกษาเข้าสู่กระบวนการรับฟังความเห็น จะเป็นการทำงานที่ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งทราบว่า ขณะนี้ได้มีการว่าจ้างสถาบันการศึกษามารับงานนี้ไปดำเนินการต่อแล้ว
นายธนากร กล่าวถึงจากการสุ่มสอบถามความเห็นประชาชนจำนวน 125 คน ถึงความกังวลหากมีการออกสลากรูปแบบใหม่ พบความกังวลอย่างน้อย 10 ข้อ ได้แก่ 1. ทำให้ประชาชนเล่นหวยกันมากขึ้นหรือไม่ 2. จะล่อใจให้เด็กและเยาวชนสนใจอยากมาซื้อสลากด้วยไหม 3. สนับสนุนให้การพนันทางออนไลน์ต่างๆ เติบโตมากขึ้น 4. ส่งผลกระทบบางอย่างต่อสังคม เช่น หมกมุ่นจนไม่เป็นอันทำการทำงาน 5. สลากกินแบ่งฯยังขายแพงอยู่เหมือนเดิม 6. เพราะไม่ทำให้ยี่ปั๊วหายไปแต่จะปรับตัวเพื่อหาวิธีมาหาประโยชน์ได้เหมือนเดิม 7. ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ซื้อไม่ปลอดภัยจากการเข้าซื้อสลากทางออนไลน์ 8. ทำให้หวยล็อกได้ง่ายขึ้นหรือมากขึ้น 9. ผู้ค้าสลากรายย่อยต้องแข่งขันกันขายสลากด้วยการงัดสารพัดวิธีมาใช้กันมากขึ้น และ 10. ศิลปินดาราออกมาโพสต์ แชร์ ชวนให้ซื้อหวยกันมากขึ้น เป็นต้น
ในส่วนของจุดอ่อนที่ประชาชนเห็นว่าอาจทำให้เกิดปัญหามีอยู่ 5 เรื่อง คือ เรื่องการบังคับใช้กฎหมายไม่เป็นจริง เรื่องการให้ความความเข้าใจแก่ประชาชนไม่เพียงพอ ทำให้เกิดความหวังต่อการถูกรางวัลมากเกินจริง รวมถึงการไร้ประสิทธิภาพของเทคโนโลยีที่อาจทำให้ระบบล่ม ความไม่มีธรรมาภิบาลของการบริหารจัดการ และการที่รัฐบาลเห็นว่าการเล่นพนันสลากเป็นเรื่องปกติ จึงไม่ให้ความสำคัญกับผลกระทบที่จะตามมา
ข้อเสนอทางเลือกแก่รัฐบาล ก็คือ ค่อยๆ เดินทีละก้าว โดยเริ่มขายสลากดั้งเดิมผ่านระบบดิจิทัลก่อน ยังไม่ต้องออกผลิตภัณฑ์รูปแบบอื่น ขณะเดียวกัน ควรให้ข้อมูลแก่ผู้ซื้อสลากอย่างชัดแจ้งและสม่ำเสมอเกี่ยวกับโอกาสจะเป็นผู้ถูกรางวัล และสำนักงานสลากต้องเพิ่มความรับผิดชอบมากขึ้นในการที่จะไม่ทำให้ประชาชนหมกมุ่นกับการหวังรางวัลมากเกินไป จนทำให้เกิดปัญหา เหล่านี้คือตัวอย่างของความวิตกกังวลของประชาชนที่ทีมวิชาการที่จะไปทำการศึกษาผลกระทบทางสังคมจะต้องช่วยตอบเพื่อคลายความกังวลเหล่านี้ให้ได้
รศ.ดร.นวลน้อย ตรีรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน ตั้งคำถามต่อการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ว่า สำนักงานสลากต้องการแก้ปัญหาสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา หรือต้องการหาเงินกันแน่ ปัจจุบันมีการพิมพ์สลากออกมาจำหน่ายถึงงวดละ 100 ล้านฉบับ ขณะที่จำนวนประชากรมีเพียง 67 ล้านคน ทั้งยังเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่นำส่งรายได้เข้ารัฐสูงสุดเป็นอันดับหนึ่ง หากสำนักงานสลากต้องการหารายได้จริง
สิ่งสำคัญคือ ต้องประเมินผลกระทบว่าคุ้มค่าหรือไม่ เพราะสลากคือการพนันที่มีคนเสียพนันจำนวนมาก คนได้มีน้อย ในภาวะเศรษฐกิจไม่ดีเช่นนี้ คนจำนวนไม่น้อยที่มีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจก็จะแก้ปัญหาด้วยการเสี่ยงโชค แต่เศรษฐกิจต้องขับเคลื่อนด้วยการทำงาน คนหวังเสี่ยงโชคทำให้เศรษฐกิจเติบโตไม่ได้ จึงตั้งข้อสังเกตว่าทำไมสำนักงานสลากต้องรีบออกสลากตัวใหม่ในขณะนี้ ดังนั้น สำนักงานสลากต้องตอบคำถามสังคมก่อนว่าออกมาเพื่ออะไร และต้องศึกษาผลกระทบทางสังคมก่อนอย่างรอบด้าน
“จากผลสำรวจปี 62 พบมีเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี ซื้อสลาก 4.7 แสนคน ซึ่งเป็นเรื่องที่สากลต้องคำนึกถึงการปกป้องเด็กและเยาวชน ในขณะที่การช่วยเหลือด้านการพนันของสำนักงานสลาก ยังไม่เป็นระบบเท่ากับรายได้ที่เก็บไปจ่ายการจำหน่ายสลาก ซึ่งในต่างประเทศการจะออกผลิตภัณฑ์ที่สร้างผลกระทบจำเป็นต้องมีการทำ SIA หรือการศึกษาผลกระทบทางสังคม และรับฟังความคิดเห็นประชาชนอย่างจริงจัง เพื่อป้องกันปัญหาที่นำไปสู่การสร้างความเสียหายใหญ่โต และต้องคำนึกถึงหลักธรรมาภิบาลเป็นสำคัญ” รศ.ดร.นวลน้อย กล่าว
ด้านตัวแทนผู้ค้า นายไพบูลย์ กุดเป่ง เครือข่ายผู้ค้าสลาก 5 ภาค กล่าวว่า ทุกข์ของผู้ค้าที่เป็นอยู่ในตอนนี้ คือ การเข้าไม่ถึงสลากราคาต้นทุน และปลายทางการขายเกินราคาหากถูกจับก็จะถูกตัดสิทธิ์ตลอดชีวิต ในส่วนของผู้ค้าได้รับผลกระทบแน่นอน อย่างงวดที่ผ่านมาก็ทั้งขายทั้งแถม จากการเปลี่ยนแปลงสูตรการกระจายสลาก ปัญหาคือขายสลากไม่หมด หากสลากจะทำออนไลน์ ควรรอสักหน่อยหรือศึกษาผลกระทบให้ชัดก่อน การทำหวยออนไลน์อาจจะไม่ต่างจากสิ่งที่เคยทำมาก่อนในอดีต อย่างหวยเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว หรือที่เรียกว่าหวยบนดิน สิ่งที่ทำอยู่ขณะนี้สำนักงานสลากกำลังเดินมาถูกทางแล้ว เพียงแต่ทางกลุ่มผู้ค้าสลากอยากเสนอให้สำนักงานสลากเพิ่มจุดขายสลาก 80 บาท ที่ควบคุมราคาโดยสำนักงานสลาก และเปิดโอกาสให้ผู้ค้ารายใหม่เข้าถึงสลากในราคาต้นทุนมากขึ้น
“สำนักงานสลากต้องค่อยๆ แก้ปัญหา เดินทีละก้าว และยังไม่จำเป็นต้องออกผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ เพราะการแก้ปัญหาสลากยังสามารถต่อยอดจากแนวทางเดิมที่สำนักงาสลากกำลังทำอยู่ในขณะนี้ แม้ถึงที่สุดแล้วหากสำนักงานสลากจะออกสลากรูปแบบใดก็ตาม ก็ต้องคำนึกถึงผู้ค้าสลากรายย่อยป็นอันดับแรก เราพร้อมจะปรับตัวและปฏิบัติตาม เพราะการขายสลากเป็นอาชีพที่เลี้ยงครอบครัวของพวกเรา”
* *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEsผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด
และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *
SMEs manager