xs
xsm
sm
md
lg

“รมช.ประภัตร” เปิดแปลงนาอัจฉริยะ จ.สุพรรณบุรี หนุนชาวนาลดต้นทุน คุมคุณภาพ เพิ่มรายได้ยั่งยืน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



​‘รมช.ประภัตร’ คิกออฟเปิดแปลงนาอัจฉริยะ ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต ควบคุมคุณภาพและรายได้อย่างยั่งยืน หนุนถ่ายทอดความรู้สู่เกษตรกร เผยปลูกข้าว 1 ไร่ ทุนไม่เกิน 3 พันบาท

นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังเป็นประธานพิธีเปิด “วันถ่ายทอดเทคโนโลยีแปลงนาอัจฉริยะ” ภายใต้โครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ ปี 2564 ณ แปลงเรียนรู้ ต.นางบวช อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี ว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีนโยบายสำคัญในการสนับสนุนส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่เพื่อลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต โดยการดำเนินงานโครงการจัดตั้งศูนย์เรียนรู้การทำนาโดยใช้เทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะมาประยุกต์ใช้ในพื้นที่ เพื่อลดปัญหาการขาดแคลนแรงานภาคการเกษตร การเพิ่มผลผลิตสินค้าเกษตรที่มีประสิทธิภาพ และเกษตรกรสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีการเกษตร ซึ่งสอดคล้องกับการบูรณาการกับทุกหน่วยงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่เกษตรกร

นายประภัตร กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันการผลิตทางการเกษตรมีเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ทันสมัย สามารถนำมาใช้ในไร่นาได้ผลดีและจะส่งผลให้การผลิตในภาพรวมของประเทศมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ดังนั้น ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงได้ร่วมกันพัฒนา โดยกรมการข้าวได้มอบหมายให้สถาบันวิทยาศาสตร์ข้าวแห่งชาติทำการศึกษาทดลองซึ่งสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการปลูกข้าว โดยใช้เทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะพัฒนาเมล็ดพันธุ์จนได้ชุดเทคโนโลยีที่เหมาะสมและพร้อมที่จะถ่ายทอดความรู้ดังกล่าวไปสู่เกษตรกร ได้รับความร่วมมือจากทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวมทั้งเกษตรกร จัดทำแปลงเรียนรู้ด้านข้าว พื้นที่แปลงนากว่า 138 ไร่ ซึ่งการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยจะเป็นเครื่องมือสำคัญ ในการสร้างผลผลิตที่มีคุณภาพ ลดต้นทุนและเพิ่มรายได้ จากการศึกษาและการทดลองเทคโนโลยีแปลงนาอัจฉริยะ พบว่าต้นทุนในการปลูกข้าวไม่เกิน 3,000 บาท/ไร่ และหวังอย่างยิ่งว่าโครงการดังกล่าวจะเป็นต้นแบบและเกิดประโยชน์ต่อเกษตรกรทั่วประเทศ

ทั้งนี้ แนวทางเทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะชุดนี้มี 6 ประเด็นสำคัญ ตั้งแต่ 1. การเตรียมดิน โดยใช้เครื่องปรับดินเลเซอร์ (Laser land levelling) เพื่อการบริหารจัดการน้ำแบบเปียกสลับแห้ง ปรับระดับผิวดินให้เรียบ สม่ำเสมอ 2. การจัดระบบน้ำ ใช้ท่อวัดน้ำอัจฉริยะ แสดงผลปริมาณระดับน้ำทุกชั่วโมงผ่าน Line Application บนมือถือของเกษตรกร โดยใช้ Solar Cell เป็นแหล่งให้พลังงาน เมื่อน้ำต่ำกว่าระดับผิวดิน จึงจะปล่อยน้ำเข้าแปลงนา สามารถลดปริมาณการให้น้ำได้ 46% 3. การติดตามสภาพแวดล้อม สถานีตรวจวัดอากาศ เช่น อุณหภูมิ ความชื้นสัมพัทธ์ต่างๆ แบบ real time เข้าระบบ IOT 4. การจัดการปุ๋ยด้วยเครื่องวิเคราะห์ปริมาณธาตุอาหารในใบพืช (Crop Space) เพื่อเป็นการให้ปุ๋ยอย่างมีประสิทธิภาพตามความต้องการของข้าว 5. การอารักขาพืช โดยการใช้โดรนติดกล้องถ่ายภาพบินตรวจการทำลายของโรค และแมลง รวมทั้งข้าวปนและวัชพืชในข้าว และ 6. มีระบบช่วยตัดสินใจด้วยฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (IOT Platform) ซึ่งสามารถส่งข้อมูลไปยังมือถือเกษตรกรได้ตลอดเวลา ครอบคลุมรัศมี 2 กิโลเมตร หรือประมาณ 1 หมื่นไร่เศษ



กำลังโหลดความคิดเห็น