วันนี้ ถ้าพูดถึงนาฬิกาแบรนด์ ริทึ่ม Rhythm จากประเทศญี่ปุ่นไม่มีใครไม่รู้จัก แต่จะมีใครทราบไหมว่า ผู้สร้างแบรนด์ นาฬิการิทึ่ม จนโด่งดังในประเทศไทย และสามารถครองส่วนแบ่งตลาดมากที่สุดในกลุ่มนาฬิกาแขวน ตั้งโต๊ะในประเทศไทย คือ ผู้หญิงเก่ง คนนี้ “นางสาวอิงอร ดิลกธราดล” กรรมการผู้จัดการ บริษัทอินโนเวชั่น ไทม์ จำกัด เธอมาจากครอบครัวนาฬิกาตัวจริง เพราะในอดีตเป็นร้านดีลเลอร์ขายนาฬิกา แต่ด้วยความตั้งใจ และทุ่มสุดตัว ใช้เวลา เพียง 7 ปี สามารถแจ้งเกิดนาฬิกา ริทึ่ม ในประเทศไทย และขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งในกลุ่มนาฬิกาแขวน และตั้งโต๊ะ ด้วยมาร์เก็ตแชร์ สูงถึง 70%
นางสาวอิงอร เล่าถึงความสำเร็จ ในการเข้ามาบุกตลาด นาฬิการิทึ่มในประเทศไทย ว่า เกิดมาจากเธอเองคลุกคลีอยู่ในวงการนาฬิกามามากกว่า 15 ปี เริ่มมาจากครอบครัวเป็นร้านดีลเลอร์ขายนาฬิกามาก่อน ทำให้ตนเองกล้าที่จะออกมาแจ้งเกิดนาฬิการิทึ่มในประเทศไทย และความสำเร็จครั้งนั้น เกิดขึ้นมาจาก การคลุกคลีอยู่ในวงการนาฬิกา ทำให้เข้าใจความต้องการของ ตัวแทนในทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นดีลเลอร์ หรือ ช่องทางการขายในศูนย์การค้า เราสามารถซัพพร็อตเขาได้ในทุกช่องทาง ทำให้เราขึ้นเป็นผู้นำนาฬิกาแขวน ได้ตั้งแต่ 5 ปีแรก
สำหรับในปี 2562 วันนี้ กำลังเข้าสู่ยุคดิจิทัล 5 จี การทำงานในยุคนี้ ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะไม่ใช่แค่การปรับตัวเพื่อรองรับเทรนด์การตลาดใหม่บนโลกออนไลน์ ที่ไม่สามารถกระพริบตาได้เลย ยังต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนของประเทศไทย เรียกว่าอยู่ในภาวะขาลงของเศรษฐกิจไทยในช่วงนี้ ก็ว่าได้ แต่ในความมืด ก็ยังมีช่องทางให้เราได้เดิน เราจึงกล้าที่จะแจ้งเกิดแบรนด์น้องใหม่ในประเทศไทย ในช่วงนี้ กับนาฬิกาแบรนด์ DOGENI โดกินี่ เป็นนาฬิกาแขวนและตั้งโต๊ะ นาฬิกาข้อมือ การเจ้งเกิดโดกินี่ ในครั้งนี้ แตกต่างจาก ริทึ่ม เพราะตลาดเปลี่ยนไป หันมาบุกตลาดออนไลน์ เพิ่มเข้ามา พร้อมกับการทำ BIG DATA เพื่อให้ทราบทิศทางการทำตลาดนาฬิกา การทำ BIG DATA ต้องใช้เงินหลัก 10 ล้านบาท
“บริษัทฯ มีประสบการณ์ทางด้านธุรกิจและการทำตลาดนาฬิกาในเมืองไทยมายาวนาน กว่า 15 ปี มีความเชี่ยวชาญเรื่องนาฬิกา โดยก่อนหน้าได้ทำแบรนด์ Rhythm (ริทึ่ม) ประสบความสำเร็จอย่างสวยงามมาแล้ว ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยน ประกอบกับตลาดของแบรนด์ริทึ่มเริ่มอิ่มตัว ทำให้แบรนด์โดเกนี่ ถึงเวลาได้แจ้งเกิด ในตลาดนาฬิกาในฐานะแบรนด์น้องใหม่ ที่มาแรงด้วยรูปลักษณ์การดีไซน์ และคุณภาพที่สามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าในกลุ่มของแต่งบ้าน"
โดยบริษัทฯ ได้ดูแลแบรนด์ โดเกนี่ รายแรกและรายเดียว ที่บริหารแบรนด์โดเกนี่ทั่วโลก ซึ่งโดเกนี่ ไทยแลนด์ ถูกวางตำแหน่งให้เป็นศูนย์กลาง ในการขยายแบรนด์และกระจายสินค้าไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก อาทิ ประเทศจีน เอเชีย ยุโรป และ ตะวันออกกลาง นอกจากนี้เรายังมีกลุ่มสินค้าของใช้ในบ้าน (Home Accessories) และ โคมไฟ (Lighting) ภายใต้แบรนด์ DOGENI (โดเกนี่) เข้ามาบุกตลาดอย่างเต็มรูปแบบในปีหน้าด้วยเช่นกัน
ผู้บริหารโดเกนี่ ยังกล่าวต่อถึงนโยบายทางการตลาดว่า เราวาง Concept DOGENI คุณภาพโดดเด่น ราคาสมเหตุสมผล และมีการออกแบบที่ยอดเยี่ยมสไตล์ยุโรป เน้นกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ วัยทำงาน ไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ ที่ชื่นชอบงานดีไซน์ งานศิลปะ ชอบตกแต่งบ้าน และเป็นของขวัญ ของที่ระลึก หรือเทศกาลต่างๆ ที่เรียกได้ว่า DOGENI (โดเกนี่) ตอบรับทุกๆ กลุ่มเลยก็ว่าได้ ส่วนทางด้านการตลาดเราคงเน้นการตลาดแบบ Below the line ทำกิจกรรมและส่งเสริมการตลาด ออกแคมเปญช่วงฤดูกาลต่างๆ ให้ DOGENI (โดเกนี่) เป็นของขวัญ ของฝากของที่ระลึก หรือของสำคัญที่ให้บุคคลสำคัญ อีกด้วย ผ่านช่องทาง ทั้งการรีวิวสินค้าจาก influencer ประสบการณ์จากผู้ใช้จริง รวมถึงจัดกิจกรรมร่วมกับห้างสรรพสินค้าทั่วประเทศไทย หรือ ตัวแทนจำหน่าย DOGENI (โดเกนี่) ทั่วประเทศไทย
ส่วนแผนงานในปี 2563 ตั้งรับ 5G เรากำลังสร้างตัวแทนจำหน่ายขึ้นมาใหม่บนช่องทางออนไลน์ ที่เรียกว่า DOGENI Drop Shipper ที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ เจนเนเรชั่น Y -Z ที่ไม่ต้องสต๊อกสินค้า กักตุนสินค้า ไม่ต้องใช้เงินลงทุน มาก นำไปขายช่องทางออนไลน์ของตัวเอง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเซ็ทระบบและคาดว่าน่าจะพร้อมเปิดรับสมัครตัวแทนจำหน่าย DOGENI Drop Shipper ในเร็วๆ นี้ ซึ่งคาดการณ์ว่าหากมีกลุ่มคนรุ่นใหม่เข้ามาเป็นตัวแทนจำหน่าย และทำการตลาดอย่างจริงจังของโดเกนี่ จะส่งผลให้แบรนด์โดเกนี่เติบโตอยู่ที่ 40% ในปีหน้า
“ต้องยอมรับเรื่องเทรนด์และพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป การซื้อขายบนออนไลน์เติบโตเป็นร้อยเปอร์เซ็นต์ ฉะนั้นหลายธุรกิจก็ต้องปรับตัว ให้สอดรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น รวมถึง ตัวแทนจำหน่ายของบริษัทฯ แต่ดั้งเดิมในยุครุ่นพ่อรุ่นแม่ ซึ่งมีความผูกพัน และ ความสัมพันธ์เสมือนญาติมิตร ความตั้งใจสู่เจนเนอร์เรชั่นลูกหลานของร้านค้า เราก็มองสานต่อความสัมพันธ์และพันธมิตรร่วมธุรกิจ เป็นตัวแทนจำหน่ายบนออนไลน์นั่นเอง ด้วยกลุ่มเจนเนเรชั่นลูกหลานของร้านค้าตัวแทนจำหน่าย เราอยากรักษาความสัมพันธ์การค้า แบบรุ่นสู่รุ่น เราขอเป็นส่วนหนึ่งสนับสนุน ลูกค้าตัวแทนจำหน่ายแบบยั่งยืน” นางสาวอิงอร กล่าว
สำหรับช่องทางจัดจำหน่าย ของโดเกนี่ แบ่งเป็น 2 ช่องทางหลัก 1. Offline Market ซึ่งได้แก่ ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศไทย และห้างสรรพสินค้าชั้นทั่วประเทศไทย ได้แก่ เซ็นทรัล, เดอะมอลล์, โรบินสัน, โฮมโปร, อิเซตัน และไอคอนสยาม (สยาม ทาคาชิมาย่า) 2. Online Market ได้แก่ Lazada(Lazmall) , Shopee, JD central, Central online หรือลูกค้าสามารถติดต่อสอบถาม,ติดตามข่าวสารหรือเลือกชมสินค้าได้ทาง Website: www.dogenithailand.com / FB: DOGENI Thailand / IG: @Dogenithailand / Line: @DOGENIThailand
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *
SMEs manager