หากพูดถึงถั่ว ก็คงไม่น่าตื่นเต้นสักเท่าไร แต่หากบอกว่า ถั่วชนิดนี้ได้ติดปีกบนเครื่องบินการบินไทยต้องถือว่าไม่ธรรมดา เพราะแค่ชื่อก็ไม่คุ้นหูแล้ว กับ "ถั่วแปจ่อเขียว" ธัญพืชพื้นบ้าน ของจังหวัดพื้นถิ่นแห่งเมืองตาก แบรนด์แม่ผ่อง สืบทอดกันมา 3 ชั่วอายุคน ไม่สามารถหารับประทานได้ทั่วไป ล่าสุดได้ขึ้นทะเบียนโอทอป และเตรียมโลดแล่นติดปีกสู่สายการบินไทย
ใครจะคิดว่าถั่วที่เห็นมาตั้งแต่เกิดสำหรับ “อัชณา นิ่มทอง” วัย 63 ปีอย่างถั่วแปจ่อเขียวจะได้เป็นของทานเล่นบนเครื่องบินของสายการบินไทย
จากร้านขายถั่วเล็กๆ ทำจากหญ้าคา ขายอยู่ริมถนน ได้ขยับขยายเป็นร้านค้่าที่รวบรวมสารพัดถั่วทอดหลากหลายชนิด โดยมีถั่วแปจ่อเป็นพระเอก ที่ใครต่อใครหากได้เข้าอุดหนุนต้องไม่ ไม่พลาดซื้อถั่วแปจ่อเขียวติดไม้ติดมือกันทุกราย
ความพิเศษของถั่วแปจ่อเขียวอยู่ที่ความ มัน และ หารับประทานยาก น้อยคนนักที่จะรู้จัก โดยถั่วชนิดนี้มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอินเดีย หรือ อินเดีย บีน (India Bean) เมื่อ 100 ปีที่แล้วมักจะปลูกกันในประเทศไทยตามแนวตะเข็บชายแดน ในพื้นที่ดินทรายมีน้ำชุ่มชื้น ส่วนใหญ่จะปลูกที่อำเภอท่าสายลวดจังหวัดตาก โดยแต่เดิมชาวบ้านนิยม ปลูกเพื่อนำมารับประทานเอง เป็นพืชทั่วไปสำหรับ นำมาแกงเป็นอาหารหรือนำมาทอดใส่เกลือรับประทานเล่นแต่เมื่อถั่วแปจ่อเขียวเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นจึงเริ่มทำเป็นเชิงพาณิชย์หลายราย
หนึ่งในนั้นมีตัวแปรต่อแบรนด์แม่ผ่อง ที่ได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักของบรรดานักท่องเที่ยว รวมถึงข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของจังหวัดมักจะ สั่งซื้อเพื่อไปเป็นอาหารทานเล่นให้กับแขกบ้านแขกเมือง ทำให้ถั่วแปจ่อเขียวเป็นที่รู้จักในเวลาอันรวดเร็ว จนล่าสุดถั่วของร้านแม่ผ่องได้ขึ้นทะเบียนเป็นสินค้าโอทอปได้มาตรฐาน อย. , มผช. และกำลังขอมาตรฐานผลิตภัณฑ์ฮาลาล
ล่าสุดสามารถสร้างความภาคภูมิใจให้กับครอบครัวของอัชณา เพราะถั่วแปจ่อเขียว แบรนด์แม่ผ่อง กลายเป็นขนมทานเล่นบนเครื่องของสายการบินไทย ด้สำเร็จ จากเอกลักษณ์เฉพาะตัว เป็นถั่วพื้นถิ่นที่ไม่สามารถหารับประทานได้ทั่วไป เตรียมจัดส่งล็อตแรกจำนวน 50,000 ซองเล็ก (15 กรัม/ซอง)
@@@รู้จักถั่วแปจ่อให้มากขึ้น
‘แป’ แปลว่า ถั่ว ส่วน ‘จ่อ’ แปลว่า ทอด ในภาษาพม่า ซึ่งถั่วชนิดนี้นิยมปลูกที่ ต.ท่าสายลวด ต.แม่กาสา ต.แม่กุ ต.แม่ตาว และ ต.พบพระ ของอ.แม่สอด จ.ตาก ปลูกได้ในช่วงปลายฝนต้นหนาว ปลูกนาน 3 เดือนก็จะได้ผลผลิตในช่วงเดือนธันวาคม โดยจะมีชาวบ้านที่ปลูกถั่วแปจ่อในเชิงพาณิชย์ เก็บจากสวนโดยตรง นำเปลือกออก ล้างให้สะอาด แล้วนำมาส่ง ซึ่งถั่วแปจ่อชนิดสด ประมาณ 21 กก. เมื่อนำเปลือกออกจะเหลือ 7.5 กก. และเมื่อนำไปทอดน้ำหนักจะหายไปอีก 2 ส่วน จำหน่ายในราคากิโลกรัมละ 800-2,000 บาท โดยกลุ่มลูกค้าหลักจะเป็นข้าราชการในพื้นที่ และนักท่องเที่ยว ที่นิยมซื้อไปฝาก เพราะเป็นของดีประจำจังหวัด
โดยถั่วแปจ่อเขียว แบรนด์แม่ผ่อง จะเลือกใช้น้ำมันเกรดเอในทอด เก็บในถุงทึบแสง ในอุณหภูปกติไม่ร้อนหรือเย็นเกินไป หากเก็บในถุงฟลอยด์จะเก็บได้นาน 6 เดือน ปราศจากสารกันบูด กันเสีย ซึ่งถั่วชนิดนี้เริ่มสร้างงาน และรายได้ให้คนชุมชนเพิ่มมากขึ้แล้วในปัจจุบัน สามารถนำมาแปรรูปเพื่อยืดอายุด้วยกระบวนการทอด ทำให้สามารถจำหน่ายได้ตลอดทั้งปี จากผลผลิตที่ทอดแล้วประมาณ 2,000-3,000 กก./ปี นอกจากนี้ภายในร้านแม่ผ่อง ยังมีสารพัดถั่วทอดสดใหม่ ให้เลือกซื้ออีกหลากหลายชนิด เรียกว่าโดนใจแฟนพันธุ์ถั่วทอดกันเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น อัลมอลต์ ถั่วปากอ้า ถั่วลิสง แมคคาเดเมีย ถั่วเหลือง เป็นต้น
จากความต้องการของตลาดที่ถือว่าปัจจุบันยังไม่เพียงพอต่อความต้องการตลาด ทพให้เธอ ต้องสต็อกวัตถุดิบมากขึ้น รวมถึงต้องลงทุนเพิ่มในเรื่องของเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิต เพื่อความรวดเร็วทันต่อความต้องการของลูกค้า เธอจึงตัดสินใจเข้าขอรับสินเชื่อกับ “ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลาและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย” (SME D Bank) เพื่อนำมาสร้างโรงเรือน โดยได้รับการอนุมัติภายใน 1 เดือน จากโครงการสินเชื่อประชารัฐ ถือว่าสินเชื่อดังกล่าวช่วยทำให้การดำเนินธุรกิจมีความคล่องตัวยิ่งขึ้น
แผนต่อไปเธอเตรียมพัฒนาบรรจุภัณฑ์ และบุกตลาดมากขึ้น เพื่อทำให้ “ถั่วแปจ่อเขียว” ของดีขึ้นชื่อแห่ง อ.แม่สอด จ.ตาก เป็นที่รู้จักทั่วไทยและไปไกลถึงต่างประเทศ
***ติดต่อ 08-19722515, 08-9704-1664***