Knock Door แม่บ้านออนไลน์ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ ชีวิตคนเมือง

ปัจจุบัน การใช้ชีวิตของคนเมือง มีแต่ความเร่งรีบ วุ่นวาย ในช่วงวันหยุดก็ต้องการเวลาพักผ่อน การทำความสะอาดจัดเก็บของ ในที่พัก หรือ การรีดเสื้อผ้า ก็จะยกให้เป็นหน้าที่ของแม่บ้าน ด้วยเหตุนี้เอง จึงได้เป็นที่มาของ ธุรกิจแม่บ้านออนไลน์ ตอบโจทย์คนเมืองในยุคดิจิทัล อย่าง “Knock Door” แพลตฟอร์ม ที่จะช่วยตอบโจทย์ปัญหาต่างๆ ด้วยการบริการ แม่บ้านออนไลน์

เริ่มเปิดตัว ผ่านช่องทางแอปพลิเคชั่น ไลน์

นายวิชัย รามมะเริง ประธานบริหาร Knock door เล่าว่า ที่มาของ แพลตฟอร์ม Knock door เกิดขึ้นมาจาก ตนเอง และหุ้นส่วน “นายทนงค์ แก้วขัด” มีความคิดว่าเราจะทำอะไรดี ที่สร้างประโยชน์ และตอบโจทย์วิถีชีวิตของคนเมือง ที่เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการทำงาน ในออฟฟิศ หรือการจราจรที่ติดขัดบนท้องถนน และในหนึ่งสัปดาห์ จะมีวันหยุดเพียง แค่ 1-2 วัน ก็ต้องการเวลาพักผ่อน อย่างเต็มที่ แต่ต้องมาวุ่นวาย กับการทำงานบ้านมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การทำความสะอาดบ้าน การซักผ้า

ทั้งนี้ เพื่อตอบโจทย์ ชีวิตคนเมือง เราทั้งสองคน ใช้ข้อสังเกต ณ จุดนี้มาสร้างเครื่องมือ ที่จะสามารถตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า กลุ่มนี้ โดยในช่วงแรก เป็นช่วงทดลอง จึงยังไม่ได้พัฒนาให้เป็นเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชัน แต่ใช้งานผ่าน แอปพลิเคชันไลน์ ที่ทุกคนมีใช้กันอยู่แล้ว ในการพูดคุย และติดต่อสื่อสารกับลูกค้า โดยใช้เวลาการทดสอบอยู่นานกว่า 2 – 3 เดือน ผลตอบรับจากลุ่มลูกค้าค่อนข้างดีมาก เราจึงเริ่มทำการโปรโมท โดยการนำใบปลิวไปฝากประชาสัมพันธ์ ภายในคอนโดฯ ซึ่งเป็นช่วงระยะทดลองในการให้บริการ เริ่มจากการ เรียกแม่บ้าน การเรียกช่าง และจากการทดลองผ่านไลน์ 2-3 เดือน ทำให้เราเห็นภาพที่ชัดมากขึ้น ว่าการสร้างแพลตฟอร์มนี้จะต้องมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง

เป้าหมาย เป็น ซุปเปอร์แพลตฟอร์ม ธุรกิจบริการครบวงจร

หลังจากนั้น เริ่มเรียบเรียงจากข้อมูลต่างๆ ทั้งจากการสอบถามกลุ่มลูกค้า และสอบถามทีมงาน ว่า ความต้องการที่แท้จริงคืออะไร จึงได้ คิด สร้างแพลตฟอร์ม ขึ้นมา เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น บริการทำความสะอาด บริการรีดผ้า ล้างเครื่องปรับอากาศ บริการนวด เพื่อผ่อนคลาย รวมไปถึงบริการอื่นๆ ที่อยู่รอบตัว ที่ลูกค้าต้องการใช้บริการ ฯลฯ โดยที่ลูกค้า สามารถเรียกใช้บริการ ได้ทุกวันตั้งแต่เช้าไปจนถึง กลางคืน

อย่างไรก็ตาม ในช่วงเริ่มต้น Knock door เปิดให้บริการ เฉพาะ บริการทำความสะอาด หรือ เรียกแม่บ้าน และ การรีดผ้า ก่อน ในช่วงแรก แต่ที่คาดว่าจะเปิดให้บริการตามมาในเร็วๆนี้ คือ บริการล้างเครื่องปรับอากาศ และ บริการนวดผ่อนคลาย และในอนาคต Knock door ต้องการที่จะเป็นแพลตฟอร์ม ที่สามารถตอบโจทย์ การใช้ชีวิตของคนเมือง ครอบคลุมทุกๆ ด้านแบบครบวงจร ซึ่งอาจะร่วมไปถึง บริการโลจิสติกส์ อย่าง การจัดส่งอาหาร การขนส่งต่างๆ เนื่องจากต้องการที่จะเป็น ซุปเปอร์แพลตฟอร์ม ที่เดียวจบ ครบทุกบริการ ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้บริการไม่ต้องเข้าหลายเว็บไซต์ หรือโหลดหลายแอปพลิเคชั่น

ช่วยสร้างอาชีพ ยกระดับแรงงาน ไทย

นายวิชัย บอกอีกว่า การทำงานของ Knock door นอกจากประโยชน์ที่ได้รับ ที่ได้จากผลตอบแทนของเรา คือ การที่สามารถสร้างงาน ให้กับกลุ่ม แม่บ้าน ช่าง หรือ คนขับมอเตอร์ไซต์ ตั้งเป้าที่จะช่วยยกระดับกลุ่มคน เหล่านี้ ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีรายได้ เพิ่มขึ้น โดยการทำงานร่วมกัน ในลักษณะแบ่งปัน กันมากกว่า เป็นลูกจ้าง หรือ เจ้านาย

ปัจจุบัน Knock door มีแม่บ้านให้บริการอยู่มากกว่า 350 คน ซึ่งแม่บ้านหลายรายที่เข้ามาทำงานร่วมกันกับเรา มีรายได้เพิ่มขึ้น จากเดิม ที่ได้รับเพียงเดือนละ 8,000 – 12,000 บาท เมื่อมาทำงานร่วมกับ Knock door ก็สามารถสร้างรายได้ ต่อเดือน เพิ่มขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 20,000 บาทต่อเดือน ซึ่งก็ต้องขึ้นอยู่กับความขยัน ของแต่ละคนด้วย

สำหรับข้อดี ที่ทำให้แม่บ้าน เลือกทำงานกับเรา มาจากหลายเหตุผล ไม่ว่า ผลตอบแทนที่มากขึ้น เงินเดือนมากขึ้น มีเวลาที่เป็นการส่วนตัวเยอะขึ้น อยากเข้ารับงานเมื่อใด เวลาไหนก็ได้ ตามที่สะดวก ซึ่งถ้าไปทำงานกับบริษัท คงจะทำเช่นนี้ไม่ได้

“ทั้งนี้ เนื่องจาก Knock door ต้องการเป็นซุปเปอร์แพลตฟอร์ม ที่ต้องการให้บริการ รอบด้าน ดังนั้น เราจึงเปิดให้ลูกค้าได้เข้ามาเขียนรีวิวหลังการใช้งาน ถึง การให้บริการของเราเป็นอย่างไร การทำงานดีไม่ดีอย่างไร ซึ่งในอดีต สิ่งเหล่านี้ อาจจะต้องหาในกระกระทู้ สร้างเว็บบอร์ด ในการสอบถาม หลังจากนี้ ไม่จำเป็นอีกต่อไป เนื่องจากผู้ใช้งานสามารถดูรีวิวการใช้งานได้จากที่เดียว ทำให้ลูกค้าที่ต้องการใช้บริการ สามารถตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เป็นข้อดีของบริการผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ " นายวิชัยกล่าว

สำหรับ แพลตฟอร์ม Knock door นั้น เปิดให้บริการมาจนถึงขณะนี้ผ่านมาได้ประมาณ 3ปี มีผู้เรียกใช้บริการมากกว่า 5,000 ยูสเซอร์ ได้รับเรทติ้งเฉลี่ยอยู่ที่ 4.65 เต็ม 5 "คุณวิชัย" บอกว่า ค่อนข้างพึ่งพอใจมาก เพราะถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และเราก็ยังสามารถพัฒนาไปได้อีก ส่วนในเรื่องของอุปสรรคและปัญหา ที่ผ่าน ก็สามารถแก้ไขปัญหาไปได้ด้วยดี โดยที่ผู้เรียกใช้บริการและผู้ให้บริการพึงพอใจทั้ง 2 ฝ่าย

บริการแม่บ้านออนไลน์ สตาร์ทอัป ที่ยังมีช่องว่างตลาด

นายวิชัย กล่าวถึง การแข่งขัน ในธุรกิจบริการออนไลน์ หรือ สตาร์ทอัป ด้านการให้บริการ แม่บ้านออนไลน์ ปัจจุบันถือว่า การแข่งขันไม่สูง มีผู้ให้บริการในลักษณะคล้ายคลึงกัน และใกล้เคียงกัน เพียงไม่กี่ราย ซึ่งโดยส่วนตัวจะไม่ได้มอง ผุู้ประกอบการเหล่านนั้น เป็นคู่แข่ง แต่อย่างใด แต่จะมองในด้านของการช่วยกันศึกษาตลาดการให้บริการนี้ เติบโตมากขึ้น และร่วมกัน ศึกษาความต้องการของตลาด จนกลายมาเป็นพาร์ทเนอร์เนอร์ กันไปก็มี ส่วนคู่แข่งที่แท้จริง คือกลุ่มคนที่ยังใช้บริการในรูปแบบเดิมๆ เสียมากกว่า ซึ่ง Knock door พยายาม ทำให้ลูกค้าเห็นถึง ข้อดีของการเปลี่ยนรูปแบบของการใช้งาน มาใช้งานผ่านระบบออนไลน์ โดยเฉพาะข้อดีของการบริการผ่านออนไลน์ ในหลายๆ แง่มุม ไม่ว่า จะเป็น การช่วยลดค่าใช้จ่าย ลดขั้นตอน ลดเวลา แต่เพิ่มประสิทธิภาพให้มากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ความกังวลของผู้ใช้บริการในเรื่องของความปลอดภัยทาง Knock door สามารถการันตีความปลอดภัยให้ได้ทั้งการตรวจสอบประวัติแม่บ้าน แม่บ้านจะต้องไม่มีประการก่ออาชญากรรม ต้องมีบุคคลอ้างอิง รวมไปถึงการสัมภาษณ์งาน ต้องดูไปถึงลักษณะ ท่าทาง บุคลิก ก็สามารถสร้างความเชื่อมั่นได้อีกขั้นหนึ่ง แต่ในส่วนของมีค่าต่างๆ เจ้าของที่พัก จะต้องรับผิดชอบในส่วนของตัวเอง แต่ถ้าหากเกิดการบริการที่ไม่ดี เช่น การทำความสะอาด แต่ไม่สะอาดก็สามารถเรียกร้องกลับมาเพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหา โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

ต้องการเป็นหนึ่งใน สตาร์ทอัปไทย ก้าวไปสู่ตลาดต่างประเทศ

"ในอนาคต Knock door จะพัฒนาการบริการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน การบริการทุกอย่างจะรวบรวมเข้ามาอยู่บนแพลตฟอร์มเดียว เพราะฉะนั้นตื่นเช้าขึ้นมา เราไม่ต้องกดเรียกแท็กซี่ผ่านแอปฯ อื่นอีกต่อไป แต่สามารถเรียกแท็กซี่ผ่าน Knock door หรือจะสั่งอาหาร ก็ไม่ต้องเรียกผ่านที่อื่นแล้ว เพียงเรียกผ่านช่องทางนี้ช่องทางเดียว จะทำให้มือถือของผู้ใช้งานจะได้ไม่หนักหลายๆ แอปฯ เพราะอย่างที่บอก เราต้องการเป็นซุปเปอร์แพลตฟอร์ม"

สิ่งหนึ่งที่สำคัญคือ วงการสตาร์ทอัป ประเทศไทยดูค่อนข้างคึกคัก แต่ถ้าหากลองเทียบกับประเทศใกล้เคียง อย่าง ประเทศสิงคโปร์, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, เวียดนาม ฯลฯ ต้องบอกว่าประเทศไทยยังตามหลังประเทศเหล่านี้อยู่ เพราะ ยังไม่มีสตาร์ทอัปรายใดเลยที่มีมูลค่าธุรกิจสูงถึง หลักพันล้านบาท ซึ่งเรื่องนี้เป็นหนึ่งในแรงผลักดันของ Knock door ที่ต้องการจะเติบโต และช่วงชิงตลาดให้กลับมาเป็นของคนไทย ในตลาดไทย หลังจากที่ทำได้แล้ว ก็จะออกไปท้าชิงนอกบ้านให้สำเร็จให้ได้

โทร. 06-1569-6542 www.knockdoor.net

* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *