เทรนด์การเลือกซื้อเครื่องสำอางในขณะนี้กำลังมาแรงโดยเฉพาะการเลือกซื้อเครื่องสำอางแบบไซส์มินิ เนื่องจากเป็นขนาดที่สามารถพกพาได้สะดวกและไม่ต้องกังวลเรื่องใช้ไม่หมดแล้วต้องทิ้ง ซึ่งตู้กดเครื่องสำอางนี้สามารถตอบโจทย์ลูกค้าที่มีความต้องการเครื่องสำอางแบบพกพาได้เป็นอย่างดี
นางสาวจันทรัช พิบูลย์สวัสดิ์ ผู้ก่อตั้งเครื่องสำอางแบรนด์ beWild cosmetics และตู้กดเครื่องสำอาง เล่าว่า ก่อนที่จะลงมือทำธุรกิจตู้กดเครื่องสำอางนั้นตนคุ้นเคยกับเครื่องสำอางมาก่อนเนื่องจากครอบครัวทำธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตเครื่องสำอางเป็นทุนเดิม และเป็นคนที่ชอบเครื่องสำอาง จึงอยากจะสร้างธุรกิจที่สามารถตอบโจทย์ตัวเองและลูกค้าได้ ซึ่งธุรกิจตู้กดเครื่องสำอางนั้นเป็นธุรกิจที่มีไลฟ์สไตล์ตามเทรนด์การตลาดเครื่องสำอางยุคใหม่ รวมถึงอยากผลักดันให้ผู้หญิงทุกคนสวยในแบบที่เป็นตัวเองมากที่สุด
ปัจจุบันได้มีการทำเครื่องสำอางขนาดพกพาได้สะดวกภายใต้แบรนด์ beWild cosmetics ประมาณ 1 ปี หลังจากนั้นจึงอยากสร้างนวัตกรรมใหม่เพื่อเป็นการตอบสนองลูกค้าที่อยู่ห่างไกลจากร้านค้าขายเครื่องสำอาง นั่นก็คือ ตู้กดเครื่องสำอาง ซึ่งตู้กดเครื่องสำอางในตอนนี้ยังไม่มีวางขายชัดเจน เพราะอยู่ในขั้นตอนการเตรียมการและการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ รูปแบบของตู้กดเครื่องสำอางจะมีทั้งหมด 2 รูปแบบคือ ตู้กดเครื่องสำอางที่เป็นเกมส์ คือ เล่นเกมส์ให้ผ่าน 3 ด่าน แล้วจะได้เครื่องสำอาง และอีกหนึ่งรูปแบบคือเป็นตู้แบบหยอดเหรียญขายอย่างเดียว โดยจะมีคำแนะนำสำหรับการใช้งาน ซึ่งอีกประมาณ 1-2 เดือนจะได้เห็นตู้กดเครื่องสำอางวางขายตามร้านค้าทั่วไปอย่างแน่นอน
ทั้งนี้การทำการตลาด เจ้าของแบรนด์ได้ใช้วิธีการบอกต่อหรือปากต่อปาก เนื่องจากสินค้าของแบรนด์ถูกทดสอบอย่างหนักหน่วง คือ ถูกทดสอบทั้งคนผิวมัน ผิวแห้ง ผิวผสม ในสภาพอากาศต่างๆ ทั้งในร่มและกลางแจ้ง ซึ่งอย่างแรกก่อนที่จะทำการตลาดได้คือสินค้าต้องดี มั่นใจว่ามีคุณภาพ เมื่อมีคุณภาพที่ดีคนที่ใช้งานก็จะบอกต่อ พอมีคนใช้เยอะกระแสก็จะเริ่มตามมา การตลาดอีกหนึ่งรูปแบบคือการโปรโมทผ่านบล็อกเกอร์ หรือ ยูทูปเบอร์ต่างๆ ที่นำเอาสินค้าของทางแบรนด์ไปทดลองใช้ผ่านช่องทางโซเชียลและเผยแพร่สู่สาธารณะ
นอกจากนี้การคาดหวังให้ธุรกิจเติบโตนั้นทางแบรนด์คาดหวังไว้ว่าอยากให้ธุรกิจค่อยๆ เติบโต ไม่ต้องเติบโตแบบก้าวกระโดดแต่ขอให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง มั่นคงและยั่งยืน สามารถสร้างจุดยืนได้ ซึ่งในตู้กดเครื่องสำอางจะมีสินค้าประเภทซองเป็นหลักขายในราคา 49 บาท ประกอบด้วย อายแชโดรว มาสคราร่า ที่ปัดคิ้ว ลิปสติก ฯลฯ เหตุผลที่เลือกทำสินค้าเป็นซอง คือ แพคเกจจิ้งที่เป็นแบบซองเมื่อเวลาทำหล่นหรือตก จะไม่เกิดการกระทบกระเทือนจนทำให้แตกได้ ส่วนลิปสติกขนาดมินิที่เป็นแท่ง และแป้งพัฟ จะวางอยู่บนชั้นในของตู้ที่ปลอดภัยไม่ตกลงมาแตกแน่นอน
ทั้งนี้นอกจากเครื่องสำอางที่จะนำมาวางขายในรูปแบบตู้กดแล้ว ยังมีการวางขายในร้านสะดวกซื้ออย่างเซเว่น อีเลฟเว่น อีฟแอนด์บอย และร้านค้าทั่วไป ซึ่งราคาของเครื่องสำอางเริ่มต้นที่ 29 บาท ไปจนถึงราคา 219 บาท ถือว่าเป็นเครื่องสำอางที่มีราคาที่สามารถจับต้องได้ สะดวกในการพกพา สนุกในการเล่นเกมส์เพื่อเพิ่มความสนุกสนานและตอบสนองต่อความต้องการได้เป็นอย่างดี
สำหรับการขยับมาทำธุรกิจตู้กดเครื่องสำอาง ในอดีตยังไม่ค่อยมีธุรกิจแบบนี้เกิดขึ้นมากนักแต่ปัจจุบันเริ่มมีเกิดขึ้นมากมาย ทางแบรนด์จึงมองหาโอกาสที่จะพัฒนาและต่อยอดสินค้าให้สามารถอยู่บนตลาดได้ แต่เมื่อหลายปีก่อนประเทศไทยยังไม่มีการโอนเงินหรือวิธีจ่ายเงินที่ครอบคลุมทั้งประเทศ แต่ตอนนี้เริ่มมีฟังก์ชั่นใหม่ๆ เกิดขึ้นมาให้เลือกจ่าย เช่น จ่ายผ่าน คิวอาร์โค้ด พร้อมเพย์ ซึ่งสามารถทำให้นำเอาตู้กดเข้ามาทำธุรกิจได้ง่ายมากขึ้น
ในส่วนของการใช้เทคนิคต่างๆ เพื่อต่อสู้กับแบรนด์อื่นนั้น ทางบริษัทฯ เน้นเรื่องคุณภาพเป็นหลักเพราะไม่ว่าจะทำแพคเกจจิ้งออกมาสวยหรือดีแค่ไหน แต่คุณภาพไม่ดีก็ไม่ช่วยให้ธุรกิจเติบโตและเป็นที่รู้จักต่อสาธารณะชนได้ เพราะฉะนั้นคุณภาพของสินค้าจึงสำคัญที่สุด รวมถึงรับรู้ถึงความต้องการของลูกค้าและภาพรวมตลาดว่าในขณะนี้ลูกค้ามีความต้องการสินค้าแบบไหน ที่จะสามารถวางขายได้ในท้องตลาด
ส่วนใหญ่ลูกค้ารู้จักสินค้าของทางแบรนด์ผ่านบล็อกเกอร์ต่างๆ และโซเชียลเป็นหลักมีการวางแผนจะทำแฟรนไชส์ซึ่งเปิดตัวไปแล้วในงานสมาร์ท เอสเอ็มอี โดยที่ลูกค้าสามารถเลือกซื้อแฟรนไชส์ตู้กดเครื่องสำอางได้ในราคา 75,000 บาท พร้อมสินค้าเครื่องสำอางจำนวน 350 ชิ้น ของทางบริษัทจำนวนที่เหมาะสมกับราคาตู้กด ซึ่งเมื่อลูกค้าซื้อแฟรนไชส์ไปแล้วหากขายได้หรือไม่ได้อย่างไร ทางบริษัทจะเข้าไปช่วยเหลือและดูแลอย่างดีพร้อมคืนทุนได้ภายในสามเดือน
ทั้งนี้เครื่องสำอางของทางแบรนด์ไม่เพียงแต่ผลิตออกมาเพื่อตอบสนองต่อความสะดวกสบายในการเลือกซื้อ แต่ยังมีการทำงานวิจัยเกี่ยวกับเครื่องสำอางที่เหมาะแก่ผิวของคนไทย ซึ่งการผลิตเครื่องสำอางที่เหมาะสมแก่ผิวคนไทยนั้น เช่น อายไลเนอร์ จะถูกผลิตออกมาให้มีส่วนผสมกับน้ำ เมื่อถูกทาลงบนดวงตา ดวงตาของคนเราจะผลิตน้ำมันออกมาเมื่อผสมกับเครื่องสำอางแล้วจะไม่เกิดปฏิกิริยาที่ทำให้เกิดแพนด้าหรือขอบตาดำที่เลอะจากเครื่องสำอาง
อย่างไรก็ตามในอนาคตจะมีฟังก์ชั่นใหม่ในตู้กดเครื่องสำอาง คือ เป็นการทดลองเครื่องสำอางบนใบหน้า กล่าวคือ เมื่อลูกค้าเข้าไปยืนอยู่ข้างใน จะมีเครื่องสำอางให้ในตู้ มีกล้อง เมื่อลูกค้าต้องการลิปสติกสีนั้นๆ โปรแกรมก็จะทดลองทางบนใบหน้าลูกค้า โชว์ให้ลูกค้าดูว่าสีนั้นๆ เหมาะแก่ใบหน้าของลูกค้าหรือไม่ ซึ่งโปรเจ็กต์นี้จะได้เห็นกันภายในปลายปีนี้อย่างแน่นอน
ติดต่อเพิ่มเติม
โทร. 02 051 5555
Facebook : beWild Cosmetics
Website : beWild Cosmetics
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *
SMEs manager