amazon.com เป็นเว็บไซต์ในลักษณะอีคอมเมิร์ซ โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองซีแอตเทิล ในรัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา amazon เป็นเว็บไซต์ขายของออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา โดยผู้ก่อตั้งมีชื่อว่า เจฟฟ์ เบโซส (Jeff Bezos) ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2537 และเริ่มเปิดให้บริการออนไลน์ในปี พ.ศ. 2538 amazon.com มีชื่อเรียกเป็นทางการว่า Amazon.com, Inc. (อเมซอนดอทคอม อินเตอร์ คอร์ปอเรชั่น บจก.) เป็นบริษัทที่มีการซื้อขายสินค้ามากกว่าปีละหลายล้านดอลลาร์ เรียกได้ว่า amazon เป็นเจ้าพ่อยักษ์ใหญ่ในวงการตลาดสินค้าของโลก ซึ่งมีสาขาอยู่มากมายหลายประเทศ อาทิเช่น อเมริกา ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส นักหารายได้ออนไลน์มากมายจึงมุ่งไปที่ amazon ซึ่งเปรียบเสมือนขุมทรัพย์แหล่งใหญ่
เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2559 ที่ผ่านมา บริษัท Amazon ได้ทดลองบริการจัดส่งของทางอากาศด้วย “โดรน” หรือ Amazon Prime Air เป็นครั้งแรกในเมืองเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ และสินค้าดังกล่าวก็คือเครื่องเล่นเกมและสตรีมมิง Amazon Fire TV กับถุงป๊อปคอร์น โดยใช้เวลาเพียง 13 นาทีเท่านั้น
ที่ผ่านมา amazon วางแผนว่าจะพัฒนาบริการเดลิเวอรีที่ใช้โดรน เช่นเดียวกับบริษัทโลจิสติกส์หลายแห่งที่จับตามองนวัตกรรมนี้ เช่น FedEx และ UPS แต่ดูเหมือนว่า Amazon นำหน้าไปก่อน เพราะขณะที่ทั้งสองบริษัทมุ่งทดสอบการใช้โดรนภายในประเทศ (สหรัฐอเมริกา) ปรากฏว่า Amazon ได้ปล่อยคลิปวิดีโอที่มีชื่อว่า ‘First Prime Air Drone Delivery’ เพื่อประกาศว่าการทดสอบจัดส่งสินค้าด้วยโดรนในอังกฤษของ Amazon Prime Air นั้นประสบความสำเร็จเป็นครั้งแรก เป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ฮือฮาและสร้างความสั่นสะเทือนในวงการตลาดในเวลานั้น
Amazon Prime Air จะจัดส่งพัสดุที่มีน้ำหนักไม่เกิน 5 ปอนด์ ภายใน 30 นาทีหรือน้อยกว่านั้น ส่วนโดรนสำหรับการขนส่งนั้นผลิตขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีที่มีความซับซ้อนสูง และเจ้าหน้าที่จะบันทึกข้อมูลทุกครั้งในระหว่างการทดสอบ เพื่อนำมาพัฒนาระบบความปลอดภัยและประสิทธิภาพการทำงานให้ดียิ่งขึ้น
เจฟฟ์ เบโซส CEO ของ amazon ใฝ่ฝันมาโดยตลอดว่าจะยกระดับบริการจัดส่งสินค้าทางอากาศ โดยอาศัยเทคโนโลยีโดรน และเมื่อรัฐบาลของสหราชอาณาจักรได้อนุมัติการทดสอบการจัดส่งสินค้าด้วยโดรน เฉพาะในพื้นที่ชนบทและชานเมือง และอนุญาตให้ทดสอบระบบเซ็นเซอร์ของโดรน เขาจึงรีบวางแผนดำเนินการทันที
ปัจจุบัน โดรนของ amazon สามารถบินได้ในระยะ 10 ไมล์ ที่ระดับความสูง 400 ฟุต และทางบริษัทก็ยังคงทำงานกับนักกฎหมายและเจ้าหน้าที่ด้านนโยบายของภาครัฐอีกหลายแห่ง เพื่อผลักดันให้บริการนี้เป็นจริงและถูกต้องตามกฎหมายทั่วโลก การทดสอบครั้งนี้ถือเป็นความก้าวหน้าครั้งใหญ่ของ amazon ที่จะยกระดับการให้บริการเดลิเวอรีไปอีกขั้นหนึ่ง
ในเวลาไล่เลี่ยกัน ทีมงานโดมิโน่ พิซซ่า (Domino’s Pizza) ได้ร่วมมือกับบริษัทขนส่งสินค้าผ่านเครื่องบินบังคับ (Drone) อย่าง Flirtey จากเนวาด้า อเมริกา เพื่อทำการทดลองการส่งพิซซ่าด้วยโดรนครั้งแรกในนิวซีแลนด์ และการทดสอบก็ประสบความสำเร็จ โดรนบินมาใกล้จุดเป้าหมาย ส่งสลิงวางกล่องพิซซ่าลงบนพื้นอย่างงดงาม เปิดกล่องมาก็ทานพิซซ่าร้อนๆ ได้ทันที
โดมิโนพิซซ่า แฟรนไชส์พิซซ่าที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของโลก ประสบความสำเร็จในการขนส่งอาหารด้วยโดรนให้กับลูกค้าเป็นครั้งแรกของโลก โดมิโนกล่าวว่า Flirtey DRU Drone ถูกควบคุมโดยอัตโนมัติผ่าน GPS ซึ่งได้รับการดูแลโดยทีมผู้เชี่ยวชาญโดรนอากาศ เช่นเดียวกับนักบินผู้มีประสบการณ์ ผู้บริหารกล่าวว่าพวกเขาได้ลงทุนด้านเทคโนโลยีและความร่วมมือกับ Flirtey เพราะเชื่อว่าการจัดส่งด้วยโดรนเป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่จะช่วยให้ลูกค้าได้รับพิซซ่าที่สดใหม่ที่สุด ในการทดลองส่งพิซซ่าด้วยโดรนนั้น ทาง Domino Pizza ได้เลือกทดสอบในเมือง Auckland ประเทศนิวซีแลนด์ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ของนิวซีแลนด์ ได้กล่าวว่ากฎหมายที่เกี่ยวข้องในนิวซีแลนด์ ทำให้นิวซีแลนด์เป็นประเทศที่เหมาะสมที่จะให้บริการในลักษณะนี้ การส่งพิซซ่าผ่านโดรนถูกวางแผนจะกระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ กว่า 2,000 จุดในหลายประเทศ อาทิ ออสเตรเลีย เบลเยี่ยม ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ ญี่ปุ่น และเยอรมนี ต่อไปในอนาคต
แม้แต่ร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-Eleven จับมือเป็นพันธมิตรกับผู้ผลิตโดรนชื่อ Flirtey เพื่อนำร่องให้บริการในระยะแรก โดย 7-Eleven ลงมือสร้างโดรนเชิงพาณิชย์ 77 ตัวเพื่อให้บริการส่งสินค้าในเมืองรีโน มลรัฐเนวาดา สหรัฐอเมริกา เบื้องต้น 7-Eleven กลายเป็นบริษัทแรกที่ให้บริการส่งสินค้าด้วยโดรนในสหรัฐฯ ด้วยการส่งสินค้าแก่ลูกค้าที่ได้รับเลือก 12 รายซึ่งอาศัยอยู่ในรัศมี 1 ไมล์จากร้าน 7-Eleven
การทดสอบที่เกิดขึ้น พบว่าโดรนสามารถบินได้แบบอัตโนมัติ โดยไม่ต้องมีผู้ควบคุมทิศทาง แต่จำเป็นต้องจัดส่งตามเส้นทางบินที่วางไว้เท่านั้น อย่างไรก็ตาม บริการนี้ยังถือว่าผิดกฏหมายสหรัฐฯ เนื่องจาก 7-Eleven ยังไม่ได้รับใบอนุญาตจากสำนักงานกำกับดูแลอุตสาหกรรมการบินแห่งชาติสหรัฐฯหรือ Federal Aviation Administration (FAA)
ต้องยอมรับว่าความเคลื่อนไหวนี้แสดงว่าในอนาคต ผู้บริโภคมีโอกาสได้รับสินค้าที่สั่งไว้จากโดรนแบบทันใจมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยที่ผ่านมา หน่วยงานกำกับดูแลการบินในสหรัฐฯ รวมถึงองการนาซา (NASA) เริ่มทดสอบระบบควบคุมการจราจรการขนส่งทางอากาศสำหรับกลุ่มเครื่องร่อนระยะสั้นแล้ว เพื่อรองรับกองทัพโดรนส่งสินค้าที่อาจมีบทบาทมากขึ้นต่อไป
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEs ผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *