แฟชั่นไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก ถึงขนาดเด็กรุ่นใหม่แห่งแดนมังกรยังหลงใหลได้ปลื้มแฟชั่นไทย แอบนำเงินที่พ่อให้เป็นค่าเช่าบ้านนาน 6 เดือนมาลงทุนเปิดหน้าร้านในเถาเป่า เพราะเชื่อว่าหากครอบครัวรู้เรื่องจะต่อต้านอย่างแน่นอน แต่เธอกลับทำสำเร็จด้วยการนำเสื้อผ้าของไทยไปขายในเถาเป่า โกลบอล กว่า 30 แบรนด์ชั้นนำ สร้างรายได้มหาศาลจากการเริ่มต้นธุรกิจด้วยวัยเพียง 25 ปี
กลายเป็นผู้ขายมืออาชีพบนแพลตฟอร์มเถาเป่า “ริต้า เช็ง” หญิงสาวที่ชื่นชอบในแฟชั่นไทย ที่ไม่เพียงแต่หลงรักแต่เธอมองเป็นธุรกิจ หลังเห็นโอกาสเติบโตทางการตลาดได้ กับการนำเสื้อผ้าแฟชั่นของผู้ประกอบการไทยกว่า 30 แบรนด์ มาบุกตลาดในโลกออนไลน์ บนเว็บ “เถาเป่า โกลบอล” (Taobao Global) ตลาดจำหน่ายสินค้าออนไลน์อันดับ 1 ของจีน และโด่งดังไปทั่วโลก
แต่เดิม 'ริต้า' ยอมรับว่าหากพูดถึงประเทศไทยสิ่งแรกที่นึกถึงคือ ทุเรียน ช้าง และมะพร้าว เท่านั้น ส่วนคำว่าแฟชั่นไทยไม่มีอยู่ในความคิดเลย แม้เธอจะเรียนจบมาทางด้านอาร์ต และทำงานในบริษัทเอเจนซี่โฆษณาชั้นนำแห่งหนึ่งในจีน นานกว่า 4 ปี ชื่นชอบในของสะสมหายาก และสนใจแฟชั่นมาตั้งแต่อายุ 4 ขวบ กระทั่งเพื่อนมาบอกว่าแฟชั่นไทยน่าสนใจ ตอนแรกเธอไม่เชื่อเพราะไม่เคยได้ยินว่าแฟชั่นไทยได้รับความนิยม แต่เมื่อเธอได้ลองหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตในทุกช่องทาง ทำให้เปลี่ยนความคิดและทึ่งในฝีมือการออกแบบเสื้อผ้า และการตัดเย็บจากช่างชาวไทย
“แฟชั่นไทยมีองค์ประกอบในเรื่องของความเป็นตะวันตก แต่มีการตัดเย็บและขึ้นแพทเทอร์ให้เหมาะกับรูปร่างของคนเอเชียได้เป็นอย่างดี” ริต้าเอ่ยหลังจากเธอเริ่มประทับใจกับความงามของแฟชั่นไทย
จากนั้นเธอก็เริ่มศึกษาวงการเสื้อผ้าแฟชั่นของอย่างจริงจัง ประมาณ 2-3 เดือน และจากนั้นเพียง 1 สัปดาห์ ก็ตัดสินใจเริ่มต้นธุรกิจในช่องทางออนไลน์จากเว็บไซต์ที่ชื่อว่า “เถาเป่า” (Taobao) เว็บขายสินค้าออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียแปซิฟิก ในเครือของอาลีบาบา กรุ๊ป (Alibaba Group) ยักษ์ใหญ่แห่งแดนมังกร ด้วยการนำเงินค่าเช่าบ้านล่วงหน้า 6 เดือน ที่บิดาให้มาใช้เป็นเงินทุนก้อนแรก โดยครอบครัวไม่ทราบเรื่อง เพราะเธอมั่นใจว่าหากบิดารู้จะต้องห้ามและไม่เห็นด้วยในสิ่งที่เธอทำ ต้องการให้ทำงานประจำมากกว่า เพราะอายุยังน้อยในวัยเพียง 25 ปีเท่านั้น ก็ต้องลาออกจากงานประจำแล้ว
“ในตอนแรกที่เริ่มขายบนเถาเป่า ดิฉันยังทำงานประจำควบคู่ไปด้วย และต้องรีบไปส่งของเมื่อถึงบ้าน ตอนนั้นก็ไม่ได้บอกครอบครัวเกี่ยวกับการลงทุนครั้งนี้ ดิฉันต้องนำเงินส่วนที่พ่อให้เป็นค่าเช่าบ้านครึ่งปีมาลงทุนกับธุรกิจแฟชั่น ซึ่งเป็นความลับที่ไม่ได้บอกกับครอบครัว แต่แล้วในเดือนที่ 3 ก็ได้ทุนคืนและทำกำไรได้ในที่สุด และหลังจากทำธุรกิจบนเถาเป่ามาหนึ่งปีครึ่ง ดิฉันก็ตัดสินใจลาออกจากงานประจำเพื่อมามุ่งมั่นและพัฒนาอาชีพด้านอีคอมเมิร์ซอย่างเต็มตัว”
เสื้อผ้าแฟชั่น 30 แบรนด์ของไทยได้มีโอกาสโลดเล่นบนเว็บไซต์ระดับโลกถือว่าไม่ธรรมดา อาทิ POEM, Insomnia by vara, Reflex Angela, The parrot, Cher’z, Veyada, Peace by silsupa, Miss modern, Canitt, Patinya, Thapakon และ 77TH เป็นต้น ซึ่งแบรนด์ที่เธอเลือกเหล่านี้ล้วนมีจุดเด่นในเรื่องการวางตำแหน่งเป็นลัคชัวรี่แบรนด์ แต่ขายในราคาที่จับต้องได้ ขายในราคาเริ่มต้นที่ 1,000-5,000 หยวน (ประมาณ 5,000-20,000 บาท) จับกลุ่มคนจีนที่มีกำลังซื้อสูง และคุ้นเคยกับการซื้อเสื้อผ้าแบรนด์เนมและใช้สินค้าฟุ่มเฟือยอยู่แล้ว แต่ขณะเดียวกันก็มองหาสินค้าที่แตกต่างไม่ซ้ำใคร และมีคุณภาพสูง ซึ่งเสื้อผ้าแฟชั่นไทยถือว่าตอบโจทย์ได้ตรงจุด
ส่วนสาเหตุหลักที่ริต้า เลือกแพลตฟอร์มเถาเป่านั้น เธอบอกว่า เป็นเว็บไซต์อันดับ 1 ของจีน แถมยังเป็นช่องทางที่สามารถศึกษาลักษณะของผู้บริโภคได้ ทำให้เลือกสินค้าที่จะนำมาขายได้ง่ายขึ้น โดยลูกค้าหลักของเธอมีอายุตั้งแต่ 25-35 ปี เป็นคนที่เพิ่งกลับมาที่ประเทศจีนหลังจากไปอาศัยอยู่ต่างประเทศ รวมถึงเจ้าของธุรกิจเจเนอเรชั่นที่ 2 บุคคลในแวดวงสังคม และเวิร์คกิ้ง วูแมน ซึ่งกลุ่มลูกค้าเหล่านี้ต่างขอคำแนะนำจากเธอในการเป็นผู้ช่วยเหลือด้านแฟชั่นด้วย
“กลุ่มคนที่เป็นลูกค้าหลักของดิฉัน จะเป็นคนจีนหัวสมัยใหม่ ได้มีโอกาสไปศึกษาต่อในต่างประเทศ มีการเข้าสังคม พบปะเพื่อนฝูง เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ต่างๆ ดังนั้นเรื่องเสื้อผ้าจึงเป็นสิ่งสำคัญ ต้องไม่ดูเยอะจนเกินไป เน้นความเรียบหรูแต่ดูดี เหมาะกับการสวมใส่ได้หลายงาน ซึ่งเสื้อผ้าแฟชั่นของไทยถือว่าตรงกับความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้”
นอกจากการเจาะช่องทางออนไลน์ในเว็บไซต์อันดับ 1 ของจีนได้เป็นผลสำเร็จแล้ว แต่เธอก็ไม่หยุดที่จะทำให้แฟชั่นของไทยเป็นที่รู้จักมากขึ้น เธอจึงมักร่วมงานแฟชั่นโชว์ในประเทศไทย และโพสต์ภาพงานและวิดีโอให้แก่คนที่ติดตามเธอผ่านช่องทาง Weitao แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียสำหรับสำหรับผู้ขายที่เชื่อมต่อกับเถาเป่า โดยเธอสร้างคอนเทนต์เกี่ยวกับสินค้าแนะนำเพื่อดึงดูดผู้ซื้อและสื่อสารกับผู้ติดตามอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ผู้บริโภครู้สึกเหมือนได้ร่วมดูแฟชั่นโชว์ เมื่อดูวิดีโอที่ถูกแชร์ออกไป และมีโอกาสได้พูดคุยกับเธอโดยตรงเกี่ยวกับเรื่องการแต่งตัว เมื่อเห็นไอเทมที่หน้าสนใจบนรันเวย์ ซึ่งการสื่อสารแบบใกล้ชิดแบบนี้ทำให้เข้าใจความต้องการของกลุ่มลูกค้ามากขึ้น และตัดสินใจเลือกสินค้าที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้นด้วย โดยขณะนี้แบรนด์ POEM เป็นแบรนด์ที่ขายดีที่สุดและได้รับความนิยมมากที่สุดในกลุ่มลูกค้าของริต้า
เมื่อถามต่อว่า ทำไมแบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นของไทยเหล่านี้จึงไม่ขายในช่องทางออนไลน์ หรือแพลตฟอร์มเถาเป่าด้วยตัวเอง คำตอบที่ได้กลับมา คือ แบรนด์เหล่านั้นค่อนข้างเก็บตัวและพอใจกับการขายในประเทศ อย่างไรก็ตามริต้าสามารถทำให้แบรนด์เหล่านั้นเชื่อใจและวางใจให้ริต้าเป็นตัวแทนขายในจีนผ่านผู้ขายบนเถาเป่า โกลบอล ได้เป็นผลสำเร็จ
และสิ่งน่าประทับใจคือ เธอสามารถขายสินค้าด้วยยอดขาย 1.5 ล้านหยวน หรือประมาณ 7 ล้านบาท หลังจากออกโปรโมชั่นส่วนลดร่วมกับแบรนด์พันธมิตร ทำให้จากการเป็นผู้ขายทั่วไปบนเถาเป่า ได้รับอนุญาตให้ขายบนเถาเป่า โกลบอล ส่งผลให้ได้ผลลัพธ์ดียิ่งขึ้น ซึ่งการร่วมงานกับเถาเป่า โกลบอล ช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นของลูกค้า และสร้างยอดขายในครึ่งปีและจำนวนผู้เข้าชมเพิ่มขึ้น 35-45% ตามลำดับเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และตลอดการดำเนินธุรกิจมา 7 ปี อัตราการเติบโตสูงถึง 300-500% ซึ่งช่วงไฮวีซั่นที่ขายดีที่สุดจะเป็นช่วงฤดูร้อนของจีน จากรูปแบบแฟชั่นที่ตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้มีออเดอร์การสั่งซื้อในช่องทางออนไลน์กว่า 1,000 ออเดอร์ ขณะที่ช่วงโลว์ซีซั่น จะมีประมาณ 400-500 ออเดอร์
ก้าวต่อไป 'ริต้า' ขอมุ่งมั่นนำแฟชั่นแบรนด์ไทยไปโลดแล่นในแดนมังกรอย่างสุดกำลัง สร้างยอดขายกับแบรนด์ที่มีอยู่ในมือให้เติบโตยิ่งขึ้น เพราะเธอมั่นใจว่าต่อไปอีก 5-10 ปี แฟชั่นไทยก็ยังคงแข็งแกร่งและสร้างปรากฏการณ์ใหม่ๆ ในวงการแฟชั่นได้อย่างไม่สิ้นสุด
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *