ปัจจุบันกลุ่มคนรักสัตว์มีเพิ่มมากขึ้นเป็นจำนวนมาก เนื่องด้วยการเลี้ยงสัตว์นั้นเป็นสิ่งที่ช่วยทำให้ผ่อนคลายหรือทำให้กลุ่มคนเหล่านี้มีความสุขได้ ซึ่งการที่ดูแลรักษาสัตว์เลี้ยงนั้นก็เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก เพราะการดูแลสัตว์เลี้ยงก็เปรียบเสมือนกับการดูแลความสุขให้แก่คนเลี้ยงได้ โดยสถานที่พักผ่อนและเป็นศูนย์การเรียนรู้ของสัตว์เลี้ยงที่มาแรงในตอนนี้ คือ TRAIL & TAIL Pet-Friendly Community สถานที่แฮงค์เอ้าท์สำหรับสัตว์เลี้ยงและกลุ่มคนรักสัตว์แห่งแรกในประเทศไทยใจกลางเมืองสุขุมวิท
ชาณา เหตระกูล กรรมการบริหาร บริษัท ทรี 3 แซงชัวรี่ จำกัด เจ้าของโครงการ คือ TRAIL & TAIL Pet-Friendly Community (เทรล แอนด์ เทล เพ็ท – เฟรนด์ลี่ คอมมูนิตี้) เล่าว่า โดยส่วนตัวเป็นคนที่รักสัตว์อยู่แล้วจึงได้ริเริ่มทำโครงการสำหรับกลุ่มคนที่รักสัตว์และสัตว์เลี้ยงขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการคนเมืองและเป็นสถานที่ไว้เพื่อให้สัตว์เลี้ยงได้มีสุขภาพที่ดี ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นสถานที่แฮงค์เอ้าท์รูปแบบใหม่ที่เชื่อมโยงกลุ่มคนรักสัตว์ในย่านสุขุมวิทมาไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ด้วยการบริการแบบมืออาชีพจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง รวมถึงได้รับความร่วมมือจากพาร์ทเนอร์ที่มาใช้พื้นที่ดังกล่าวให้สามารถเติมเต็มและตอบโจทย์แก่กลุ่มคนรักสัตว์เพิ่มมากยิ่งขึ้น
เดิมพื้นที่ถูกเนรมิตขึ้นเป็นโครงการดังกล่าวเคยเป็นบ้านเก่าของครอบครัวและเครือญาติ เมื่อเวลาผ่านไปก็ทรุดโทรมตามกาลเวลา ตนและครอบครัวจึงคิดว่าควรที่จะใช้พื้นที่ตรงนี้ให้เกิดประโยชน์กับสังคมส่วนรวม จึงได้ตัดสินใจสร้างโครงการ TRAIL and TAIL Pet-Friendly Community นี้ขึ้นมาเพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ของคนย่านสุขุมวิท แต่ยังคงความเป็นบ้านเก่ารวมถึงการเก็บต้นไม้ขนาดใหญ่เพื่อให้มีพื้นที่สีเขียว และได้ออกแบบพื้นที่ใช้สอยที่เหมาะสมกับการใช้งานสำหรับสุนัขและแมว
สำหรับโครงการฯ ได้มีการแบ่งเป็นพื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยง คือ โรงแรมสุนัขและโรงแรมแมว ซึ่งในส่วนของโรงแรมสุนัขนั้นถูกออกแบบเป็นโทนพาสเทลที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นตลาดเวลา เพื่อให้สุนัขได้รับความรู้สึกที่ผ่อนคลายเหมาะแก่การพักผ่อนและทำกิจกรรมต่างๆ ที่ทางโครงการจัดให้ ทั้งนี้ภายในโรงแรมสุนัขจะมีห้องทั้งหมด 3 ขนาด คือ ขนาด S,M และ L มีบริการเครื่องปรับอากาศตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงมีคนดูแลครบ 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ ห้องขนาด S ราคาอยู่ที่ 950 บาท ขนาด M ราคาอยู่ที่ 1,250 บาท และขนาด L ราคาอยู่ที่ 1,500 บาท ซึ่งสามารถเช็คอินเข้าที่พักได้ตั้งแต่เวลา 14:00 – 12:00 น. ของอีกวัน
ทั้งนี้เมื่อเจ้าของได้นำสัตว์เลี้ยงมาใช้บริการที่โรงแรมของทางโครงการจะต้องนำสมุดวัคซีนหรือข้อมูลเกี่ยวกับตัวสัตว์เลี้ยงมาให้ทางโรงแรมด้วย เนื่องทางโรงแรมจะต้องทราบข้อมูลเพื่อสะดวกในการดูแลและรักษาความปลอดภัยแก่ตัวสัตว์เลี้ยง นอกจากนี้การบริการที่ทางโรงแรมจัดเตรียมไว้รองรับสำหรับสัตว์เลี้ยง ได้แก่ การบริการพาออกไปเดินเล่นในสนามหญ้าด้านนอก บริการสระว่ายน้ำเพื่อให้สุนัขได้ออกกำลังกาย ซึ่งการว่ายน้ำนั้นสุนัขจะต้องมีสุขภาพที่ดีและพร้อมต่อการทำกิจกรรม ซึ่งจะมีผู้ดูแลที่เชี่ยวชาญในการดูแลสัตว์เลี้ยงว่ายน้ำคอยควบคุมและฝึกฝนให้ตลอด ถ้าหากภายนอกโรงแรมมีอากาศที่ร้อนจัด ภายในโรงแรมก็จะมีพื้นที่สำหรับให้สุนัขได้วิ่งเล่น และการบริการอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงซึ่งทางโรงแรมได้มีร้านเพ็ทช้อปไว้รองรับสำหรับสัตว์เลี้ยงทุกตัวและได้มีการสอบถามข้อมูลเจ้าของสัตว์เลี้ยงนั้นๆ ไว้ล่วงหน้า
นอกจากสุนัขแล้วยังมีแมวที่ทางโครงการได้รับความร่วมมือจากพาร์ทเนอร์มาร่วมโครงการอีกด้วย ซึ่งโรงแรมแมวในปัจจุบันยังไม่ได้รับความนิยมมากนัก โรงแรมแมวดังกล่าว คือ โคฟูกุ ซึ่งแปลมาจากภาษาญี่ปุ่นว่า ความสุข และแน่นอนว่าถ้าหากแมวตัวไหนที่มาพักกับทางโรงแรมก็จะได้รับบริการอย่างดี ซึ่งการดีไซน์ห้องแต่ละห้องนั้นได้มีการทำงานร่วมกันกับมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่ออกแบบห้องนอนแมวให้เข้ากับพฤติกรรมต่างๆ รวมถึงได้ทำการทดลองตรวจคุณภาพอากาศเพื่อทำการฆ่าเชื้อเพื่อให้ลูกค้าวางใจในเรื่องความสะอาดและปลอดภัย
ปัจจุบันเป็นโรงแรมแมวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยมีห้องพักทั้งหมด 69 ห้อง รองรับแมวได้มากกว่า 250 ตัว แบ่งออกเป็น 4 รูปแบบ คือ 1.ห้องแคปซูล ราคาเริ่มต้นที่ 250 บาท อยู่ได้ 1 ตัว 2.ห้อง ดีลักซ์ ราคาคืนละ 350 บาท อยู่ได้ 1-3 ตัว 3.ห้องสวีท ราคาคืนละ 700 บาท อยู่ได้ 6 ตัว 4.ห้องเพ้นท์เฮ้าส์ ราคา 1,000 บาท นอกจากนี้ยังมีบริการติดกล้องวงจรปิด เพื่อให้เจ้าของแมวได้ดูว่าแมวของตนเป็นอย่างไร
ทั้งนี้การทำการตลาดจะเน้นการนำโปสเตอร์หรือใบปลิวไปติดตามคอนโดหรืออพาร์ทเม้นท์ และตามรถโดยสายในซอยต่างๆ ของพื้นที่สุขุมวิท รวมถึงการโปรโมทผ่านสื่อมีเดียอย่าง เฟซบุ๊ก และอินสตาแกรม ซึ่งการโปรโมทดังกล่าวก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังได้รับผลตอบรับด้านการแสดงความคิดเห็นในเรื่องของการบริการและการตัดสินใจเปิดโครงการขึ้นมา เนื่องจากลูกค้ามีความต้องการที่จะใช้บริการเป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ไม่เพียงแต่สร้างพื้นที่ไว้รับรองเฉพาะสัตว์เลี้ยง แต่ยังมีพื้นที่ไว้รองรับสำหรับคนทั่วไปและกลุ่มคนรักสัตว์นั่นคือ ร้านอาหารและเครื่องเครื่องดื่มที่เป็นพาร์ทเนอร์กับทางโครงการ ที่ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือต่างชาติ ก็สามารถเข้ามาใช้บริการ พักผ่อนหย่อนใจทั้งตัวเองและสัตว์เลี้ยงได้อย่างไม่ต้องกังวลใดๆ ซึ่งลูกค้าที่เข้ามาบริการมีทั้งคนไทยและต่างชาติที่แบ่งสัดส่วนกันเป็น 50% เป็นคนไทย และอีก 50% เป็นคนต่างชาติ
นอกจากนี้เห็นได้ชัดเจนว่าโครงการดังกล่าวนั้นเป็นที่น่าจับตามองและน่าสนใจเป็นอย่างมาก ผู้บริโภคมีกำลังซื้อเพียงพอในย่านสุขุมวิท แต่ยังขาดพื้นที่ที่สามารถให้สัตว์เลี้ยงได้ทำกิจกรรมต่างๆ ดังนั้นจึงตอบโจทย์ผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี
ติดต่อเพิ่มเติม
Facebook : Trail and Tail
Instagram : trailandtailbkk
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *
SMEs manager