xs
xsm
sm
md
lg

พาณิชย์นำสถาบันการเงินลงพื้นที่ จ.กาญจนบุรี ดูตลาดรับซื้อไม้ยืนต้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


กระทรวงพาณิชย์ลงพื้นที่ จ.กาญจนบุรี นำสถาบันการเงินดูตลาดรับซื้อไม้และผลิตภัณฑ์จากไม้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้สถาบันการเงิน พร้อมเยี่ยมชมระบบบริหารจัดการสวนป่าไม้ยืนต้น ที่มีค่าของเกษตรกรในพื้นที่

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้จัดกิจกรรมศึกษาดูงาน “อุตสาหกรรมไม้โตเร็ว โอกาสของเกษตรกรนำ “ไม้โตเร็ว” มาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ” ณ บริษัท สยามฟอเรสทรี จำกัด (ธุรกิจในเอสซีจีแพกเกจจิ้ง) โรงงานวังศาลา จังหวัดกาญจนบุรี

โดยนำคณะผู้แทนสถาบันการเงินและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจ เช่น กรมป่าไม้ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) สหกรณ์สวนป่าภาคเอกชน ฯลฯ ลงพื้นที่ดูภาพรวมของธุรกิจไม้ ตลาดรับซื้อไม้และผลิตภัณฑ์จากไม้ กระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์จากไม้ ความต้องการปริมาณไม้ของตลาดทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งเยี่ยมชมระบบบริหารจัดการสวนป่าไม้ยืนต้นที่มีค่าของเกษตรกรในพื้นที่เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่สถาบันการเงินกรณีนำไม้ยืนต้นมาเป็นหลักประกันการกู้เงิน

หลังพบปัญหา...สถาบันการเงินขาดความเชื่อมั่นในหลักประกัน (ไม้ยืนต้น) รวมทั้งความเสี่ยงในการดูแลต้นไม้ที่นำมาใช้เป็นหลักประกันหลังการให้สินเชื่อ ทำให้สถาบันการเงินยังไม่กล้ารับความเสี่ยงที่จะนำไม้ยืนต้นมาเป็นหลักประกัน

การลงพื้นที่ในครั้งนี้จะเน้นที่อุตสาหกรรมไม้โตเร็วเป็นหลัก ซึ่งเป็นไม้ยืนต้นชนิดที่มีรอบตัดฟันสั้น เช่น ไม้ยูคาลิปตัส ฯลฯ ใช้ระยะเวลาในการปลูก 3-5 ปี และเป็นไม้ที่เป็นที่ต้องการของตลาดไม้ทั้งในและต่างประเทศสูง หากสถาบันการเงินต้องการบริหารความเสี่ยง (ความเสี่ยงน้อย) ต้นไม้โตเร็วกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่น่าสนใจเพราะมีผู้ต้องการรับซื้อไม้เป็นจำนวนมาก ทำให้ง่ายต่อการใช้เป็นหลักประกันทางธุรกิจมากยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีเกษตรกรที่ปลูกไม้ยูคาลิปตัสประมาณ 70,000 ราย ต้นทุนเฉพาะต้นกล้าไม้ประมาณ 600 บาท/ไร่ (ค่าใช้จ่ายทั้งหมดประมาณ 2,000-3,000 บาท/ไร่) โดยมีราคาหน้าโรงงานประมาณ 1,300-1,500 บาท/ตัน

รองอธิบดีฯ กล่าวต่อว่า “สำหรับตลาดต่างประเทศที่มีความต้องการไม้ยูคาลิปตัสสูง ได้แก่ จีน และญี่ปุ่น โดยเฉพาะไม้ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน FSC (Forest Standard Certification - การรับรองมาตรฐานป่าไม้ที่มุ่งเน้นในเรื่องของความยั่งยืน) เป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศมาก ทั้งนี้ มีการขายไม้ยูคาลิปตัสในตลาดในประเทศประมาณ 7 ล้านตัน/ปี และส่งออกไปจำหน่ายที่ตลาดต่างประเทศประมาณ 5 ล้านตัน/ปี ส่วนแนวโน้มตลาดโลกในอนาคตคาดว่าจะมีความต้องการไม้ยูคาลิปตัสที่เพิ่มมากขึ้น ราคาขายมีการปรับตัวจาก 130 ดอลลาร์สหรัฐ เป็น 145 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน”

อย่างไรก็ตาม ปัญหา/อุปสรรคที่เกิดขึ้น คือ เกษตรกรที่ปลูกไม้ยูคาลิปตัสใน 5 ปีแรกจะยังไม่มีรายได้ (รอบตัดฟันประมาณ 5 ปี) หากสถาบันการเงินสามารถให้สินเชื่อแก่เกษตรกรเหล่านี้ได้ จะสามารถช่วยให้เกษตรกรมีรายได้ในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งการที่สถาบันการเงินรับต้นไม้ (ยูคาลิปตัส) เป็นหลักประกันจะเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรผู้ปลูกไม้ยูคาลิปตัสเป็นอย่างมาก

นอกจากนี้ กรมฯ ยังได้นำคณะฯ เยี่ยมชมระบบบริหารจัดการสวนป่ายูคาลิปตัสของเกษตรกรในพื้นที่ที่มีความพร้อมที่จะนำไม้ยืนต้นมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ วิธีการเลือกชนิดไม้ที่ปลูกให้เหมาะสมกับพื้นที่ การดูแลรักษาต้นไม้ของเกษตรกร ประเภทผลิตภัณฑ์ที่ได้จากไม้

โดยกรมฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะร่วมกันส่งเสริมให้ประชาชนและเกษตรกรหันมาปลูกไม้ยืนต้นมูลค่าสูงที่มีอัตราการเติบโตปานกลาง-ช้า เช่น สัก พะยูง ชิงชัน จันทน์หอม ฯลฯ ในที่ดินกรรมสิทธิ์เพื่อการออม/เป็นมรดกแก่ลูกหลานในอนาคต รวมทั้งปลูกป่าเพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจแก่ประเทศด้วย



* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEs ผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *



กำลังโหลดความคิดเห็น