xs
xsm
sm
md
lg

เทียนหอมถั่วเหลือง Wax Valley Candle ฝีมือคนไทยดังไกลต่างแดน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ประสบการณ์ในการเดินทางและจากบ้านเกิดเมืองนอนทำให้ริเริ่มแนวคิดการทำเทียนไขจากถั่วเหลือง ซึ่งมีกลิ่นที่หอมและแสดงถึงตัวตนของคนใช้ได้เป็นอย่างดี เทียนไขถั่วเหลือ Wax Valley Candle ถูกผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อีกทั้งนอกจากการใช้งานเพื่อความผ่อนคลายแล้วยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการนวดตามร่างกายและบำรุงผิวได้อีกด้วย




นายอภิชาต คชพัฒน์ทรัพย์ เจ้าของธุรกิจเทียนหอมไขถั่วเหลืองแบรนด์ Wax Valley Candle เล่าว่า ก่อนหน้าที่จะมาทำธุรกิจเทียนไขถั่วเหลืองนั้นตนเคยได้มีโอกาสทำงานในต่างประเทศและได้ซึมซับความรู้ต่างๆ ที่เกี่ยวกับเทียนไข ด้วยความรู้ที่มีอยู่ในขณะนั้นตนจึงอยากจะลองสร้างเป็นธุรกิจของตัวเองขึ้นมา โดยเป็นการทำการตลาดในประเทศไทยแต่เนื่องด้วยปัญหาที่เกิดขึ้นคือการขนส่ง เนื่องจากในตัวไขของเทียนไขนั้นเมื่อถูกกระทบกับความร้อนจะทำให้เกิดการเสียหายได้ รวมถึงน้ำหนักในการขนย้าย ทำให้ไม่สะดวกในการส่งมาจากต่างประเทศ หลังจากนั้นจึงได้เริ่มศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม โดยเริ่มจากการสั่งตัวทดลองมาทำ คิดค้นกลิ่นต่างๆ หลังจากนั้นจึงกลับมาอยู่ที่ประเทศไทยจึงได้สรรหาวัตถุดิบและทดลองสินค้าจนเป็นที่น่าพอใจและได้ส่งต่อความตั้งใจในตลาด ปัจจุบันสินค้าของทางร้านมีอายุได้ประมาณ 1 ปี




ทั้งนี้วัตถุดิบที่นำมาทำเทียนไข คือ ถั่วเหลืองธรรมชาติ ความแตกต่างจากเทียนไขทั่วไป คือ เมื่อเราเปรียบเทียบกับ พาราฟิน ที่เป็นผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมที่ถูกกลั่นแยกออกจากน้ำมันดิบ เวลาถูกเผาไหม้จะมีเขม่าควันดำหรือมีสารเบนซินตกค้างในอากาศ ส่งผลไม่ดีต่อผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม ส่วนของทางร้านจะเป็นไขถั่วเหลืองธรรมชาติเป็นมิตรต่อผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม ไม่เป็นเขม่าดำ รวมถึงในส่วนของน้ำตาเทียนเวลาจุดจะมีอุณหภูมิอยู่ที่ 5-7 องศาเซลเซียส ถือว่ามีความร้อนอยู่ในระดับที่ดีไม่ร้อนมากนัก นอกจากนี้ยังสามารถประยุกต์ใช้เป็นเทียนนวดตามร่างกายหรือทาผิวได้ ซึ่งสามารถซึมเข้าผิวหนังเพ่อเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิวหนังได้เป็นอย่างดี




นอกจากนี้ในส่วนของกลิ่นจะมีทั้งหมด 10 กลิ่น 3 ขนาด ด้วยกัน ซึ่งแต่ละกลิ่นจะสะท้อนความเป็นตัวตนของผู้ที่เลือกซื้อ บรรยากาศที่ลูกค้าต้องการ โดยทางร้านมีจุดประสงค์ให้ลูกค้าสร้างบรรยากาศเองเพื่อตอบสนองความต้องการในการสร้างประสบการณ์และความหอมให้แก่ตัวผู้บริโภค ซึ่งแต่ละกลิ่นมีทั้งหมด ดังนี้ 1.BANGKOK, 2.BLISS, 3.CHOK-DEE LUCKY, 4.DELIGHTFUL, 5.LIBRARY, 6.PATTAYA, 7.ROATER, 8.SIAM DISC, 9.TENDER และ 10.WOODLAND




ด้านผลตอบรับอยู่ในจุดที่ค่อนข้างพึงพอใจ การตลาดโดยรวมสามารถจำหน่ายและเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ส่วนมากลูกค้าจะชอบกลิ่น BANGKOK มากเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นกลิ่นที่ถูกผสมผสานระหว่างกลิ่นลาเวนเดอร์แลละชินนามอน จะเป็นกลิ่นการโหยหาความสงบในเมืองที่วุ่นวายซึ่งเมื่อทั้งสองกลิ่นนี้ได้มาอยู่รวมกันแล้วทำให้เกิดการลงตัว กลิ่นดังกล่าวทำยอดขายได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ขึ้นอยู่กับฤดูกาลของสภาพอากาศในภูมิประเทศอีกด้วยที่ลูกค้ามีความต้องการที่จะบริโภค




สำหรับกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าต่างชาติ และได้มีโอกาสส่งออกไปให้ทดลองทำกันเอง เช่น ประเทศฮ่องกง ไต้หวัน และเลบานอน ส่วนกลุ่มลูกค้าที่ได้รับความสนใจจากการไปออกงานอีเว้นท์ต่างๆ จะเป็นกลุ่มลูกค้าคนจีนที่ให้ความสนับสนุนและบริโภคเป็นจำนวนมาก ส่วนลูกค้าคนไทยก็มีเช่นกัน ส่วนมากจะอยู่ในช่วงอายุตั้งแต่เรียนระดับอุดมศึกษา วัยทำงานและวัยผู้ใหญ่ เนื่องจากขนาดของสินค้านั้นถูกออกแบบมา 3 ขนาดเพื่อรองรองรับลูกค้าต่างอายุและต่างความต้องการ ลูกค้าที่ให้การสนับสนุนกลุ่มที่สนใจมากที่สุดคือ ลูกค้าที่เป็นผู้หญิง ส่วนผู้ชายจะมีมาซื้อเป็นของฝากแทน




ขั้นตอนการผลิตทางร้านจะผลิตเองทั้งหมด 100% ไส้เทียนเป็นไส้แบบถัก สามารถเผาไหม้ค่อนข้างดีกว่าไส้เทียนแบบเกรียว ซึ่งจะช่วยลดอาการแตกของไส้ได้ ปัจจุบันไส้เทียนแบบถักในท้องตลาดยังมีจำนวนน้อย ทางร้านจึงจำเป็นต้องนำเอาทั้งสองไส้มาผสมกันเพื่อให้เกิดการเผาไหม้ที่พอดีกับอัตราส่วนที่พอเหมาะ ในการจุด 1 ครั้งสามารถอยู่ได้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง โดยมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 280,380 และ 480 บาท




อย่างไรก็ตามการวางแผนพัฒนาต่อยอดธุรกิจในอนาคตทางร้านมองว่า ในปีนี้ทางร้านจะเน้นการลุยตลาดออนไลน์มากยิ่งขึ้น ซึ่งขณะนี้ได้มีการจำหน่ายผ่านเว็บไซต์ Pinkoi ซึ่งเป็นเว็บไซต์ซื้อขายงานดีไซน์ขนาดใหญ่ และเน้นการฝากขายตามร้านที่ตกลงกัน




* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *

SMEs manager




กำลังโหลดความคิดเห็น