xs
xsm
sm
md
lg

NEA เผย 7 เทคนิคเจรจาการค้าข้ามชาติอย่างไรให้ธุรกิจปัง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ โดยสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (NEA) เผย 7 เทคนิคการเจรจาการค้าระหว่างประเทศสู่ความสำเร็จ ซึ่งเป็นปัจจัยในการดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อชี้แนะให้ผู้ประกอบการได้นำไปปรับใช้ในจุดแข็งและจุดอ่อนในธุรกิจต่อไป
นายนันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ หรือสถาบัน NEA

นายนันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ หรือสถาบัน NEA กล่าวว่า ปัจจุบันโลกการค้ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วอยู่เสมอ ประเด็นสำคัญในการทำเจรจาธุรกิจระหว่างประเทศให้ประสบความสำเร็จได้นั้น ผู้ประกอบการจำเป็นจะต้องมีทักษะด้านการเจรจาที่ดี และบรรลุเป้าหมายในแต่ละเงื่อนไขของทั้ง 2 ฝ่ายด้วยการยอมรับข้อตกลงที่ดีร่วมกัน การเจรจาต่อรองทางการค้าจึงถือเป็นเรื่องสำคัญ ปัจจัยหลายอย่างที่ผู้ประกอบการต้องมี คือ เตรียมตัวหาข้อมูลที่ชัดเจนครอบคลุม การวางแผนที่ต้องรัดกุม การนำเสนอที่โดดเด่นและชูจุดยืนที่น่าสนใจ เป็นทั้งผู้ตั้งคำถามและผู้ตอบคำถามที่ดี อดทนและรับมือกับสถานการณ์ที่แตกต่างกันออกไปให้ได้ เพื่อเป็นการสร้างพันธมิตร คู่ค้า ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในรูปแบบระยะสั้นและรักษาความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างประเทศได้ในระยะยาวเอาไว้




ล่าสุดจึงได้จัดโครงการสัมมนา “เทคนิคการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ สู่ความสำเร็จ” ซึ่งเป็นโครงการที่พัฒนาและส่งเสริม เพิ่มความรู้ ความสามารถและทักษะด้านการเจรจาการค้าให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ รวมถึงเปิดฉากการเจรจาการค้า การดำเนินการเจรจา และการชักจูงคู่เจรจา ในรูปแบบการค้าระหว่างประเทศ เพื่อให้ได้ข้อตกลงตามเป้าหมายที่วางไว้ จึงได้รวบรวม 7 สูตรสำเร็จและเทคนิคต่อรองเจรจาการค้า เพื่อให้ผู้ประกอบการได้นำไปปรับใช้ ได้เรียนรู้จุดแข็งและจุดอ่อน เพื่อเป็นนักเจรจาการค้าระหว่างประเทศได้อย่างเป็นมืออาชีพ ดังนี้



1. เตรียมพรีเซ็นต์ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง ขั้นแรกหลังจากที่ได้ประเมินความต้องการและศึกษาข้อมูลของอีกฝ่าย เพื่อที่จะวางแผนการเจรจาได้อย่างเหมาะสมนั้น จะต้อง “เตรียมฝึกการพูดให้ดูเชี่ยวชาญและน่าเชื่อถือ” ด้วยข้อมูลที่แม่นยำเพื่อโน้มน้าวใจอีกฝ่าย และวางแผนรับมือกับคำถามที่อาจจะถูกถามกลับมาด้วยคำตอบที่ฉะฉาน ชัดเจน ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถพัฒนาได้จากการฝึกฝนบ่อยๆ


2. เตรียมแนวคำถามอย่างฉลาด เพราะการตั้งคำถามที่ดีจะสามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้เลยทีเดียว ดังนั้น นอกจากจะฝึกตอบคำถามแล้ว จะต้องฝึกตั้งคำถามอีกด้วย เพราะถ้าหากปล่อยให้อีกฝ่ายถามฝ่ายเดียวก็เหมือนกับกำลังปล่อยให้เขารัวหมัดใส่คุณ ดังนั้นควรปล่อยหมัดกลับด้วยการตั้งคำถามที่มีประสิทธิภาพ เพราะการตั้งคำถามที่ดี ถูกที่ถูกเวลาจะช่วยให้คุณได้รับข้อมูลสำคัญ และบรรลุจุดประสงค์ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งการตั้งคำถามที่ดีนั้นควรเป็นคำถามปลายเปิดเพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามได้คิดต่อ เช่น หากคุณอยากให้ฝ่ายตรงข้ามช่วยแก้ปัญหา แทนที่จะพูดว่า “คุณช่วยทำแบบนี้ได้ไหม?” ลองเปลี่ยนเป็น “คุณคิดว่าเราควรจะจัดการกับปัญหานี้อย่างไร?” เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามได้มีส่วนร่วมในการแก้ปัญหานี้โดยไม่รู้สึกว่าถูกบังคับนั่นเอง

3. เป็นผู้ฟังที่ดีและสุภาพ การเป็นผู้ฟังที่ดีไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องตั้งหน้าตั้งตาฟังเพียงอย่างเดียว แต่รวมไปถึงการวางตัวที่สุภาพ สบตาผู้พูดเสมอเพื่อแสดงให้เห็นว่าเราให้เกียรติเขาจริงๆ อ่อนน้อมถ่อมตน แต่ก็ไม่ควรถ่อมตนมากเกินจนดูต่ำต้อย และเสียเปรียบในการเจราจาต่อรอง ดังนั้น ทักษะการฟังจึงเป็นทักษะสำคัญที่จำเป็นต้องเรียนรู้ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าทักษะอื่น เพราะเป็นทักษะพื้นฐานสำคัญของการเข้าสังคม ช่วยลดความขัดแย้ง ความเข้าใจผิด แถมยังช่วยให้เราฝึกใช้ความคิด ฝึกการจับประเด็นได้ดี เพื่อจะได้เข้าใจแนวทางในการทำธุรกิจไปในทิศทางเดียวกัน


4. ชูจุดยืนที่ชัดเจน ไม่อ่อนหรือแข็งจนเกินไป อย่างที่บอกไปข้อที่แล้วว่า การที่เราถ่อมตนมากจนเกินไปจะเสียเปรียบในการเจรจาต่อรอง แม้ว่าในใจคุณอยากจะทำธุรกิจกับเขามากแค่ไหนก็ตาม การที่คุณยอมอีกฝ่ายมากเกินไปใช่ว่าจะเป็นผลดีต่อธุรกิจ เพราะการที่ไม่มีจุดยืนชัดเจนจะทำให้คุณขาดความน่าเชื่อถือ ดังนั้นการมีจุดยืนจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก คุณต้องแสดงออกให้ชัดเจนว่าต้องการอะไร อะไรที่ยอมได้ก็ยืดหยุ่น แต่ไม่ใช่ยอมทุกอย่างจนรักษาผลประโยชน์ของฝ่ายคุณไว้ไม่ได้



5. เตรียมแผนรับมือให้ได้กับทุกสถานการณ์ ในการทำธุรกิจไม่มีอะไรแน่นอน การเจรจาต่อรองก็เช่นกัน คุณต้องเตรียมความพร้อมให้ดีเพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลง ซึ่งข้อนี้ต้องใช้ไหวพริบเป็นอย่างมาก ดังนั้น ในการเจรจาทุกครั้งไม่ควรเตรียมไปแค่แผน A แต่ควรเตรียมแผนสำรองอย่างแผน B หรือแผน C เผื่อไว้ด้วย เพราะข้อเสนอบางข้อที่คุณคิดไป พอไปเจอสถานการณ์จริงฝ่ายตรงข้ามอาจจะเจรจาต่อรองจนคุณเสียเปรียบ ดังนั้นถ้าไม่อยากโดนกด คุณอาจจะต้องยอมเปลี่ยนแผนยืดหยุ่นในส่วนนั้นแล้วไปเพิ่มผลประโยชน์ในอีกส่วนหนึ่ง เพื่อให้ทั้งคุณและเขาพอใจด้วยกันทั้งคู่



6. สร้างเงื่อนไขที่แตกต่างและน่าสนใจ แน่นอนว่าการทำธุรกิจมักจะมีคู่แข่งเสมอ แต่อะไรล่ะที่ทำให้ธุรกิจคุณโดดเด่นจนอีกฝ่ายอยากทำธุรกิจด้วย? ถ้าไม่ใช่ประโยชน์ที่พวกเขาจะได้รับ ซึ่งความยากคือประโยชน์ที่คุณจะให้เขานั้นต้องไม่อวดอ้างเกินจริง สามารถทำได้ ไม่เข้าเนื้อคุณจนเกินไป และที่สำคัญคือ ถ้าสามารถนำเสนอเงื่อนไขที่แตกต่างจากคู่แข่งได้ล่ะก็ การเจรจาต่อรองทางการค้าของคุณจะกระตุ้นให้อีกฝ่ายสนใจจนอยากทำธุรกิจร่วมกับคุณแน่นอน
7. อย่าเพิ่งย่อท้อตั้งแต่ครั้งแรกในการเจรจา หากการเจรจาของคุณในครั้งนี้ดูท่าว่าจะล้มเหลว ไม่สำเร็จเหมือนที่หวังไว้ บอกเลยว่ามันเป็นเรื่องที่ธรรมดามาก แทนที่คุณจะคาดคั้นอีกฝ่ายพยายามยัดเยียดข้อเสนอจนเกินพอดี ให้คุณลองถอยหลังออกมาก่อนหนึ่งก้าว ซึ่งการถอยหลังนี้ไม่ใช่การถอดใจยอมแพ้ แต่เป็นการกลับไปวางแผนข้อเสนอใหม่เพื่อจะกลับมาเจรจากันอีกครั้ง เพราะการทำการค้านั้นไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถจบการเจรจาได้ในเวลาสั้นๆ แต่ต้องอาศัยระยะเวลาการเจรจาต่อรองกันในระยะยาว

นอกจากนี้ สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ได้มีการจัดอบรมเกี่ยวกับความรู้พื้นฐานในการทำธุรกิจการค้าระหว่างประเทศไว้มากมาย เพื่อเป็นการเสริมสร้างความรู้ ทักษะ เทคนิคต่างๆ ให้แก่ผู้ประกอบการสามารถนำไปปรับใช้ตามความเหมาะสมตลอดปี 2562 เช่น โครงการสัมมนาความรู้เบื้องต้นในการประกอบธุรกิจส่งออก โครงการสัมมนาเทคนิคเจรจาการค้าระหว่างประเทศสู่ความสำเร็จ และโครงการสัมมนาการคำนวณต้นทุนและการตั้งราคาสินค้าส่งออก เป็นต้น เพื่อเป็นการปูพื้นฐานความรู้ให้แก่ผู้ประกอบการในการทำการค้าการส่งออกอีกด้วย


ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ : https://nea.ditp.go.th/activity/10548
รายละเอียดเพิ่มเติม : nea.ditp.go.th
โทร. 0-2726-4500
Facebook : สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่

* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *


กำลังโหลดความคิดเห็น