xs
xsm
sm
md
lg

สุดล้ำเทคโนโลยีATMสู้โจร สแกนฝ่ามือปั๊บรับเงินทันใจ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวไกลและเป็นดาบสองคมให้ทั้งคุณและโทษ ผู้พัฒนานวัตกรรมจึงต้องขยันเป็นพิเศษเพื่อจับให้ได้ไล่ให้ทันเหล่ามิจฉาชีพที่ดัดแปลงวิทยาการมาหาประโยชน์ใส่ตัวแต่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น โดยเอทีเอ็มเป็นหนึ่งในช่องทางที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือหากินของโจรไฮเทคมากที่สุด

ต้นเดือนนี้เอ็นซีอาร์ คอร์เปอเรชัน ผู้จำหน่ายโซลูชันการธนาคารจากอเมริกา เผยโฉมโซลูชันเอทีเอ็มแบบบริการตัวเองซีรี่ส์ใหม่ล่าสุดในงานมันนี่ 20/20 โดยผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความสนใจอย่างมากคือ “เคลปี” หรือเทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้จัดการคำขอด้านการธนาคารเสร็จสรรพโดยไม่ต้องแตะต้องตู้เอทีเอ็มเลย

ด้วยเทคโนโลยีใหม่นี้ผู้ใช้เพียงแค่ป้อนข้อมูลการทำธุรกรรมในแอปพลิเคชันโมบายแบงกิ้ง ยื่นฝ่ามือไปที่ตู้เอทีเอ็มและรับเงินสดเท่านั้น ไม่ต้องแตะหน้าจอหรือกดปุ่มใดๆ ที่สำคัญเอทีเอ็มยังไม่จัดเก็บข้อมูลอัตลักษณ์ทางชีวภาพ (biometric) ของผู้ใช้ไว้ในระบบอีกด้วย

เอ็นซีอาร์เผยว่า เคลปีถูกออกแบบมาเพื่อให้จดจำข้อมูลไบโอเมตริกลายมือของผู้ใช้โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อตัดตอนการใช้บัตรและสมุดบัญชี และช่วยให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์การธนาคารที่ราบรื่นและสะดวกสบายจากตู้เอทีเอ็มแห่งอนาคตโดยไม่ต้องกังวลว่า จะถูกขโมยข้อมูลหรือรหัสบัตร

เดวิด เบ็กโก รองประธานและผู้จัดการทั่วไปฝ่ายผลิตภัณฑ์ใหม่ของเอ็นซีอาร์สำทับว่า ความจำเป็นของธนาคารในการนำเสนอนวัตกรรมบริการที่ต่อเนื่องไม่ว่าด้วยช่องทางใด ยังคงเป็นภารกิจสำคัญอันดับต้นๆ ในโลกยุคดิจิตอลของวันนี้

ย้อนกลับไปช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา อัลฮัมรานี ยูนิเวอร์แซล (เอยู) และแพล็ตฟอร์ม mobile-identity “โชการ์ด” ร่วมกันเปิดตัวต้นแบบเอทีเอ็มบนบล็อกเชนในซาอุดีอาระเบีย โดยนวัตกรรมตู้เอทีเอ็มนี้ใช้เครื่องสแกนข้อมูลไบโอเมตริกสแกนใบหน้าผู้ใช้ อันเป็นส่วนหนึ่งของการพิสูจน์ตัวตน 5 ขั้นตอนและได้รับการปกป้องความปลอดภัยจากแอปพลิเคชันบล็อกเชนที่ผู้ให้บริการโซลูชันเอทีเอ็มรายใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลางแห่งนี้ใช้

นอกจากการสแกนใบหน้าแล้ว การพิสูจน์ตัวตนผู้ใช้อีก 4 ขั้นตอนประกอบด้วยไอดีของโชการ์ด, คิวอาร์โค้ด เซสชันไอดี และการประทับเวลา

เช่นเดียวกับเอทีเอ็มใหม่ของเอ็นซีอาร์ ระบบนี้ช่วยให้ผู้ใช้ไม่ต้องจำรหัส PIN ของบัตรและลดความเสี่ยงในการตกเป็นเป้าหมายของมิจฉาชีพ

ในอดีตระบบ PIN เรียบง่ายแต่ทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่การถือกำเนิดของ dark web ทำให้มาตรการป้องกันการฉ้อโกงเบื้องต้นดูเก่าดูเชยทันตา
ดาร์กเว็บหรือเว็บมืดคือเว็บไซต์ที่ต้องใช้วิธีหรือเครื่องมือพิเศษในการเข้าถึงและเป็นพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมผิดกฎหมาย พูดง่ายๆ ก็คือตลาดมืดออนไลน์สำหรับซื้อขายอาวุธ ยาเสพติด อุปกรณ์แฮ็ก และบัตรเครดิต ฯลฯ

การศึกษาของเจมิไน แอดไวเซอรีพบว่า เฉพาะในเอเมริกาในปีที่ผ่านมามีบัตรเครดิตถึง 60 ล้านใบถูกขโมยข้อมูลและขายในเว็บมืด โดยการขโมยรายละเอียดบัตรเครดิตทำได้หลายวิธีตั้งแต่เจาะฐานข้อมูลของบริษัทที่ออกบัตรจนถึงอีเมลหลอกลวงหรือฟิชชิ่ง จากนั้นโจรไฮเทคจะนำข้อมูลที่ได้ไปขายในเว็บมืดในราคา 10-450 ดอลลาร์ ขึ้นอยู่กับวงเงินของบัตรใบนั้น

ขั้นตอนต่อมาคนซื้อจะเอาข้อมูลดังกล่าวไปซื้อของออนไลน์หรือทำบัตรปลอมขึ้นมาและนำไปกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็ม ซึ่งวิธีหลังนั้นตามรอยยากมาก เนื่องจากผู้ร้ายเพียงแค่กดรหัส PIN และปิดบังใบหน้าขณะกดเงินที่ตู้ที่อาจอยู่ไกลจากตำแหน่งแห่งหนของเจ้าของบัตรตัวจริงเป็นร้อยเป็นพันกิโลเมตร

แต่ด้วยระบบตรวจสอบตัวตน 5 ขั้นตอน การปลอมบัตรเพื่อกดเงินจะทำไม่ได้อีกต่อไป และช่วยให้แบงก์และผู้ให้บริการทางการเงินจับได้ไล่ทันเหล่าอาชญากรบนเว็บมืดในท้ายที่สุด

เอทีเอ็มต้นแบบของเอยูที่ยังอยู่ระหว่างการทดสอบในขณะนี้ ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในการยืนยันอัตลักษณ์ของผู้ใช้แต่ละคนโดยไม่ต้องเข้าถึงฐานข้อมูลของแบงก์ ขณะที่เทคโนโลยีของโชการ์ดออกแบบมาเพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ระหว่างขั้นตอนการพิสูจน์ตัวตน ด้วยการใช้ลายเซ็นดิจิตอลจริงที่มีการเก็บบันทึกกิจกรรมซึ่งเกิดขึ้นตามลำดับเวลาเพื่อนำมาตรวจสอบในภายหลัง การอนุญาตการทำธุรกรรม และการล็อกอินที่ไม่ใช้ชื่อผู้ใช้หรือรหัสผ่าน

โซลูชันของโชการ์ดจะช่วยแก้ปัญหาการฉ้อโกงผ่านเอทีเอ็ม และสามารถใช้งานร่วมกับเทคโนโลยีเอทีเอ็มที่มีอยู่ซึ่งส่วนใหญ่ติดตั้งกล้องไว้แล้ว ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับบริการอย่างราบรื่นสะดวกสบายที่สุด ขณะเดียวกัน การใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนยังช่วยปกป้องอัตลักษณ์ของผู้ใช้

ทาริก แอ็บดัต ซีอีโอของเอยูปิดท้ายว่า นวัตกรรมของบริษัทเป็นส่วนหนึ่งของ “วิสัยทัศน์ 2030” ในการนำซาอุดีอาระเบียเข้าสู่ยุคดิจิตอลเต็มตัว
กำลังโหลดความคิดเห็น