คำว่า “ชาร์โคล” สำหรับคนไทยน้อยคนนักที่ไม่เคยได้ยินเพราะที่ผ่านมาถูกนำไปใช้กับอาหารและเครื่องสำอางจนเป็นที่ยอมรับแต่ใครจะรู้ว่าบริษัท ชาร์โคลโฮม จำกัด เป็นผู้ผลิตรายแรกในประเทศไทย ที่นำถ่านไม้ไผ่มาใส่นวัตกรรมและแปรรูปเป็นผงชาร์โคล ที่วันนี้ไปอยู่ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางชั้นนำของไทยแถมยังส่งออกไปต่างประเทศอีกด้วย
เป็นอีกหนึ่งผู้ประกอบการ “คุณชวนพิศ อินทรสูรย์” ผู้บริหาร บริษัท ชาร์โคลโฮม จำกัด ที่เจอวิกฤตเศรษฐกิจปี 40 แต่กลับมองเห็นโอกาสในการทำธุรกิจถ่านไม้ไผ่จนสามารถพลิกวิกฤติเป็นโอกาสได้มากว่า 20 ปี ซึ่งเธอบอกว่าเป็น Born to be ในเรื่องถ่านไม้ไผ่ไปแล้ว
โอกาสนี้ถือเป็นการจับคู่ธุรกิจได้อย่างลงตัวของผู้ประกอบการจากประเทศญี่ปุ่นที่ต้องการหาผลิตภัณฑ์ของไทย ซึ่งในขณะนั้นถ่านไม้ไผ่กำลังเป็นที่นิยมของชาวญี่ปุ่น จากคุณสมบัติช่วยดูดซับสารพิษสารเคมีได้เป็นอย่างดี โดยนิยมนำไปเป็นส่วนประกอบในอาหารเครื่องสำอางและใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม
เธอใช้เวลาศึกษาและเรียนรู้ประมาณ 5 ปี จึงออกมาเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อจำหน่ายและส่งออกได้แต่ในเมื่อเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับคนไทยหน่วยงานรัฐ จึงไม่สามารถออกใบรับรองให้ได้ทำให้โอกาสเปิดตลาดส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่นต้องหยุดชะงัก ดังนั้นเธอจึงรุกทำตลาดในไทยอย่างจริงจัง โดยได้รับความช่วยเหลือและแนะนำจากนักวิชาการ จนได้ใบรับรองมาตรฐานระดับสากล
ปัจจุบันผงถ่านชาร์โคล และผลิตภัณฑ์ที่มาจากถ่านไม้ไผ่ภายใต้แบรนด์ Bunton ได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันตั้งแต่ศรีษะจดปลายเท้า อาทิสบู่ แชมพู ครีมมาร์คหน้า โลชั่น ขณะที่วัตถุดิบอย่างผงถ่านชาร์โคลก็ผลิตส่งให้กับโรงงานผลิตเครื่องสำอางชั้นนำของไทยหลากหลายแบรนด์ ซึ่งลูกค้ามั่นใจในเรื่องมาตรฐานและความปลอดภัยได้เพราะมีใบรับรองมาตรฐานการันตีสินค้าทุกล็อต
ขณะที่ตลาดต่างประเทศได้ส่งออกไปยังอินโดนีเซีย ไต้หวัน บังคลาเทศ อินเดีย และดูไบซึ่งส่วนใหญ่นำไปใช้ในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องสำอาง
ส่วนขั้นตอนการผลิตผงถ่านชาร์โคลนั้นถือว่าค่อนข้างยุ่งยาก เพราะต้องทำเตาที่ทนความร้อนได้ 1,000 องศาเซลเซียสขึ้นไป ซึ่งใช้ต้นทุนค่อนข้างสูง หลังจากได้ถ่านไม้ไผ่มาแล้วก็ต้องนำไปบดและอบในเครื่องจักรที่ทำจากสแตนเลสในห้องปิดเพื่อรักษาความสะอาด และปลอดภัย ก่อนถึงมือผู้บริโภค และกว่าจะได้ผงชาร์โคลเพื่อจำหน่ายประมาณ 50 กก. ต้องใช้ไม้ไผ่ถึง 1 ตันเมื่อนำไปเผาเป็นถ่านไม้ไผ่จะเหลือ 100 กก. และเมื่อนำไปแปรรูปเป็นผงถ่านจะเหลือเพียง 50 กก. เท่านั้น ทำให้ราคาจำหน่ายค่อนข้างสูง แต่ก็ถือว่าเป็นสัดส่วนที่อย่างเพียงพอต่อความต้องการของตลาด เพราะหากนำไปใส่ในอาหารจะใช้ประมาณ 3% ส่วนเครื่องสำอางจะใช้ 0.5- 1% เท่านั้น ซึ่งถือเป็นปริมาณที่ไม่มากจึงไม่ค่อยกระทบต้นทุนผู้ผลิตมากนักรวมถึงเมื่อนำไปใส่ในอาหารก็จะไม่ทำให้รสชาติเปลี่ยนแปลง
การเดินทางของผงถ่านไม้ไผ่ตลอด 20 ปีใช่ว่าจะราบเรียบเพราะเธอต้องผ่านอุปสรรคมามากมายกว่าจะมีวันนี้และทำให้เป็นที่รู้จักของคนไทยซึ่งเธอได้รับโอกาสดีๆ จาก “ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทยหรือ SME Development Bank” ที่นอกจากได้รับเงินทุนสินเชื่อแล้ว ยังได้คำแนะนำด้านการตลาด พร้อมเปิดวิสัยทัศน์ในเรื่องผลิตภัณฑ์ที่สามารถเติบโตได้ไกลกว่าในประเทศ แถมยังสามารถต่อยอดให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการปลูกไผ่ ซึ่งเป็นวัตถุดิบตั้งต้นของผงถ่านชาร์โคลที่ปัจจุบันเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก
ติดต่อ : www.charcoalhome.comID Line : @charcoalhomeFB : charcoalhome.thโทร : 081-929-3481, 02-944-0708-9
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEs ผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *