คาร์โก สตาร์ทอัพแดนอิเหนา เจ้าของแอปพลิเคชันเรียกรถบรรทุกผ่านมือถือ เสนอตัวเป็นสะพานเชื่อมโยงระหว่างผู้ใช้บริการกับผู้จัดส่ง เพื่อลดต้นทุนคนกลางและเพิ่มความมั่นใจระหว่างผู้รับและผู้ให้บริการที่สามารถตกลงกันอย่างโปร่งใส โดยนอกจากหยิบยืมไอเดียมาดัดแปลงแล้ว ผู้ก่อตั้งคาร์โกยังเป็นอดีตผู้บริหารในเอเชียของอูเบอร์ แถมได้รับความสนใจและเม็ดเงินจากทราวิส คาลานิก ผู้ก่อตั้งบริษัทที่เป็นผู้บุกเบิกธุรกิจไรด์แชริ่งแห่งนี้อีกด้วย
ข่าวแจ้งว่า แม้คาลานิกอาจกำลังจดจ่ออยู่กับธุรกิจคลาวด์คิตเช่นหรือครัวกลางให้เช่า แต่ 10100 ที่เจ้าตัวก่อตั้งขึ้นเมื่อปีที่แล้วเพื่อลงทุนในเอเชียโดยเฉพาะนั้น เพิ่งเข้าร่วมการระดมทุนรอบ Seed 7.6 ล้านดอลลาร์ของคาร์โก
รายงานบางกระแสคาดว่า คาลานิกตัดสินใจลงทุนในสตาร์ทอัพรถร่วมบรรทุกแห่งนี้ตอนที่เดินทางมายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อหาลู่ทางสำหรับสตาร์ทอัพ “คลาวด์คิตเชนส์” ของตัวเองเมื่อปีที่แล้ว
คาร์โกหยิบยืมแนวคิดบางอย่างที่อยู่เบื้องหลังอูเบอร์มาปรับใช้กับรถบรรทุกและลอจิสติกส์ นั่นคือการอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าประเภทธุรกิจเรียกใช้บริการรถบรรทุกผ่านแอปบนมือถือหรือเว็บไซต์ แต่ที่ต่างจากอูเบอร์ก็คือ คาร์โกทำงานร่วมกับผู้ดำเนินการฟลีตรถบรรทุกและบริษัทลอจิสติกส์ที่เป็นบุคคลที่สาม ไม่ใช่คนขับรถบรรทุก
เป้าหมายคือเพื่อขจัดคนกลาง ซึ่งหมายถึงนายหน้าที่ติดต่อกับบริษัทลอจิสติกส์และผู้ให้บริการรถบรรทุก จึงเพิ่มความโปร่งใส นำเสนอบริการที่มีคุณภาพมากขึ้น และปรับปรุงสถานะการเงินทั้งสำหรับลูกค้าและผู้ให้บริการ นั่นหมายถึงราคาที่ถูกลงแต่ส่วนแบ่งรายได้เพิ่มขึ้น พูดง่ายๆ คาร์โกต้องการเป็นสะพานเชื่อมโยงระหว่างเจ้าของสินค้ากับผู้จัดส่ง
สตาร์ทอัพแห่งนี้ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับทั้งสองฝ่ายด้วยวิธีที่ช่วยให้ใช้ประโยชน์จากรถบรรทุกที่มีอยู่ได้มากขึ้น โดยเจ้าของสินค้าและผู้จัดส่งจะตกลงกันอย่างโปร่งใสและสบายใจเพราะรู้ว่า กำลังทำธุรกิจกับคู่ค้ามีคุณภาพ เชื่อถือได้ และผ่านการตรวจสอบมาแล้ว
กรอบโครงนี้จะเพิ่มศักยภาพในการสร้างรายได้ของคนขับรถบรรทุก และทำให้แน่ใจว่า ไม่มีรถบรรทุกคันไหนต้องวิ่งรถเปล่าอีกต่อไป
ไทเกอร์ ฟาง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร (ซีอีโอ) และผู้ร่วมก่อตั้งคาร์โกมองว่า นี่เป็นโอกาสสำคัญอย่างมาก โดยนับจากที่อูเบอร์ตกลงขายธุรกิจในเอเชียอาคเนย์ให้แกร็บและถอนตัวออกไป เขาและทีมงานพยายามวิเคราะห์ประเภทของปัญหาและหาทางแก้ไข ด้วยความหวังว่า จะช่วยลดราคาสำหรับผู้รับบริการ ขณะที่ผู้ให้บริการมีรายได้เพิ่มขึ้น และคิดว่า ตอนนี้มีบริษัทขนาดเล็กเป็นแสนแห่งที่ต้องรอรับงานจากนายหน้าหรือคนกลาง
ฟางที่สะสมประสบการณ์จากอูเบอร์ทั้งในอเมริกาและตอนที่อูเบอร์เปิดตัวทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แถมได้ไปบริหารธุรกิจในเฉิงตูที่เคยเป็นเมืองที่อูเบอร์เฟื่องฟูที่สุดในโลกในแง่ปริมาณการเดินทางในแต่ละวันนั้น เริ่มก่อตั้งคาร์โกเมื่อปลายปีที่แล้วร่วมกับโยดิ อาทิตยา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี (ซีทีโอ) หลังจากซุ่มวิจัยตลาดนานหลายเดือน จัดการดีลทางการเงินก่อนสิ้นปีและเริ่มทดสอบตลาดในปีนี้
ปัจจุบัน คาร์โกอยู่ระหว่างการทำโครงการนำร่องร่วมกับกลุ่มบริษัทบริหารจัดการการเงินขนาดใหญ่ 2-3 แห่งและบริษัทลอจิสติกส์ในเครือ ทำให้สามารถเข้าถึงรถบรรทุกหลายพันคัน
อย่างไรก็ตาม จุดเด่นของคาร์โกน่าจะมาจากความน่าเชื่อถือของทีมงาน โดยฟางบอกว่า ในบรรดาพนักงาน 50 คน มีพนักงานจำนวนมากที่ติดสอยห้อยตามกันมาจากอูเบอร์ เอเชีย
ปัจจุบัน สตาร์ทอัพแนวเดียวกับคาร์โกกำลังเติบโตในเอเชีย อาทิ สตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์น 2 แห่งในจีนตกลงผนวกกันเป็นฟูล ทรัก อัลลายแอนซ์ กรุ๊ป ที่มีมูลค่าถึง 10,000 ล้านดอลลาร์ และมีกูเกิลและซอฟต์แบงก์ เป็นส่วนหนึ่งของนักลงทุน ส่วนที่อินเดีย บล็อกบั๊กกำลังระดมทุนโดยเล็งเป้าหมายที่ 800 ล้านดอลลาร์
ฟางบอกว่า ความที่อินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 4 ของโลก และเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้คาร์โกถูกจับจ้องอย่างช่วยไม่ได้ อย่างไรก็ตาม เขาเชื่อมั่นว่า ทีมงานจะรับมือปัญหาต่างๆ ได้
ณ ตอนนี้แน่นอนว่า โฟกัสของคาร์โกคืออินโดนีเซีย ซึ่งฟางเชื่อว่า ธุรกิจลอจิสติกส์คิดเป็นสัดส่วนเกือบ 25% ของมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่ 1 ล้านล้านดอลลาร์ แต่สำหรับอนาคต ฟางต้องการขยายตัวทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และไกลออกไปในระดับโลก