พอเข้าถึงฤดูร้อน ผลไม้ฤดูร้อนก็ต้องมา โดยเฉพาะ ผลไม้ที่ฟีเว่อร์ ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา อย่าง "ทุเรียน" แต่สำหรับในปีนี้ (2562) มีเรื่องราวของทุเรียนเผา ที่มีกล่าวถึงกันมา ในช่วงปีที่ผ่านมา กับ ร้านทุเรียนเผา ชื่อว่า "Thai Fruit Buffet ตลาดนัดรถไฟรัชดา"
สำหรับเจ้าของร้านทุเรียนเผา ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือ “นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์” “หนุ่มกัณ” เจ้าของร้านบะหมี่จอมพลัง บะหมี่ชามยักษ์ ร้านดัง ที่เติบโตมาคู่ตลาดนัดรถไฟ ตั้งแต่บุกเบิก หลายคนได้รู้จัก ผู้ชายคนนี้ ผ่านสื่อ มาแล้ว หลายครั้ง เพราะด้วยความเขาเป็นอีก หนึ่งคนที่เริ่มต้นธุรกิจ จากการไม่มีอะไรเลย อาศัยความคิด และตั้งใจ จนวันนี้ ไม่ว่าจะหยิบจับหรือ ทำธุรกิจอะไร ก็ดูเหมือนจะประสบความสำเร็จ ไปเสียหมด
รวมถึง การเปิดร้านทุเรียนเผาในครั้งนี้ “หนุ่มกัณ” เล่าว่า เกิดขึ้นมาจากในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เป็นช่วงที่ทุเรียน ฟีเว่อร์มาก โดยเฉพาะบุฟเฟ่ต์ทุเรียนกับนักท่องเที่ยวชาวจีน และ ตลาดนัดรถไฟ รัชดา มีนักท่องเที่ยวจีน เป็นจำนวนมาก ก็เลยเกิดไอเดีย ทำร้านบุฟเฟ่ต์ทุเรียนเกาะกระแส ทุเรียนฟีเว่อร์ในช่วงนั้น โดยเปิดร้าน Thai Fruit Buffet ขายในลักษณะบุฟเฟ่ต์ ราคาหัวละ 199 บาท แต่การทำบุฟเฟ่ต์ ไม่ใช่เรื่องง่าย มีรายละเอียดเยอะมาก และการมีทุเรียนอย่างเดียว ไม่คุ้ม ทำไปได้แค่เสมอตัว
อย่าคิดว่าแค่ขายทุเรียน ....แท้จริงไม่ได้ง่าย
อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่ “หนุ่มกัณ” คนนี้ มีความตั้งใจสูง และทุกอย่างต้องสำเร็จ ก็ไม่ยอมแพ้เดินหน้าต่อ ศึกษา เรื่องของทุเรียนอย่างจริงจัง ตอนนั้น เขาคิดหาวิธี ว่า จะทำอย่างไร จึงจะทำให้บุฟเฟ่ต์ทุเรียน อยู่รอดและมีกำไร
“ ผมหาอยู่หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการลดต้นทุน โดยลงพื้นที่ไปยังแหล่งปลูกทุเรียน เพื่อไปพูดคุยกับเจ้าของสวน หรือ ไปที่ล้ง เพื่อจะได้เรียนรู้ว่า ที่ไหนมีทุเรียนคุณภาพดี และสามารถส่งให้เราได้ในราคาถูกลง เพราะการทำตลาดนักท่องเที่ยว คิดแค่เพียงราคาถูกอย่างเดียวไม่ได้ สิ่งสำคัญ คุณภาพต้องมาเป็นอันดับต้นๆ และการที่ต้องลงไปหาแหล่งปลูกทุเรียน ในหลายพื้นที่ อีกส่วนหนึ่งเพื่อ ต้องการทุเรียนขายทั้งปี ไม่ใช่เฉพาะช่วงฤดูกาล จะได้รู้ว่า ช่วงเดือนไหน จะต้องซื้อทุเรียนได้จากที่ไหน และโชคดีที่ปัจจุบัน ประเทศไทยมีทุเรียนออกมาขายทั้งปี เนื่องจากแต่ละพื้นที่มีทุเรียนออกไม่พร้อมกัน”
ทั้งนี้ กว่า หนุ่มคนนี้จะได้ทุเรียนอย่างที่ต้องการ ต้องลองผิดลองถูก เสียหายไปมาก จนเอ่ยปากว่า จริง การทำทุเรียนไม่ใช่เรื่องง่าย อย่าคิดว่า เคยบริหารร้านบะหมี่ประสบความสำเร็จ แค่ขายทุเรียน แต่พอทำจริงยากเลยที่เดียว ต้องใส่ใจทุกขั้นตอนมากกว่า การเปิดร้านบะหมี่ หมูกระทะ เสียอีก และที่สำคัญ ผลไม้มีระยะเวลาการขาย ถ้าพลาด คือ ขาดทุนทันที และก่อนที่จะได้ทุเรียนอย่างที่ต้องการ เคยพลาด จากการดูทุเรียนไม่เป็น ได้ทุเรียนจากตลาดไท มา ปรากฎว่าทุเรียนล็อตนั้น อ่อนทั้งหมด ด้วยความที่เราไม่รู้ว่า สามารถเรียกเงินคืนจากคนขายได้ตามกฎหมาย ก็เลยไม่ได้ไปเรียกเงินคืนจากคนขาย ซึ่งเสียหาย ไปเป็น หลักร้อยกิโล และการที่เราไม่ได้ทุเรียนคุณภาพอย่างที่ต้องการ และราคาสูง เป็นเหตุผลที่ไม่สามารถทำราคาได้
หลังจากได้ทุเรียน คุณภาพ และราคาที่ทำกำไรได้แล้ว เริ่มมองหาวิธีการทำอย่างไรให้สามารถขายทุเรียน และได้กำไร สามารถอยู่ได้ เริ่มจาก การนำทุเรียนมาขายเพิ่ม นอกจากการขายแบบบุฟเฟ่ต์ โดยการขายแยกเป็นพลู พลูละ 200 -300 บาท ตามขนาด เพิ่มเข้ามา แต่ก็ยัง ได้กำไรน้อย จนต้องมาปรับอีกครั้ง หลังจากเดินทางลงพื้นที่ เพื่อไปหาทุเรียน ในแหล่งปลูก ได้พบว่า
"จริงแล้วทุเรียน ทำอะไรได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะทำอาหาร ได้ทั้งคาว และ หวาน รวมถึงเมนูทุเรียนเผา ซึ่งผมถูกใจ กับรสชาติของทุเรียนเผา ก็เลยนำเมนูทุเรียนเผา เข้ามาเสริม และปรับราคาบุฟเฟ่ต์ เป็น 299 บาท แต่ลูกค้าคนไทยมองว่า แพงไป สุดท้ายเลิกทำบุฟเฟ่ต์ หันมาขายทุเรียนเป็นกิโล ในราคากิโลกรัมละ 150 บาท โดยเผาให้ฟรี ผลตอบรับออกมาดีมาก ช่วงแรกเคยทำยอดขายสูงถึง 300 - 600 กิโลกรัมต่อวัน" กัณ กล่าว
ส่วนลักษณะ ของทุเรียนผ่านการเผา จะได้เนื้อที่นิ่มกว่าเดิม มีกลิ่นหอม กลิ่นควันที่เกิดจาการเบิร์น และถ่านที่เผา โดยมีรสชาติที่หวานมัน และถ้าทุเรียนที่สุกมาก พอนำมาเผาเนื้อจะออกหนึบ เหมือนทาร์ตไข่ ส่วนทุเรียนที่ยังไม่สุก พอเอามาเผา จากเนื้อแข็งก็จะนิ่ม ความหวานน้อย แต่จะได้ความมันเหมือน มันเผา ซึ่งคนไทยชอบ เพราะปกติ คนไทยชอบกินทุเรียน แบบกรอบนอกนุ่มในอยู่แล้ว ในขณะที่ คนจีน ชอบทุเรียนสุกเนื้อนิ่ม และนำมาเผา เนื้อนิ่มๆ ยิ่งที่ถูกใจลูกค้าคนจีนมาก
สำหรับขั้นตอนการเผาทุเรียน ร้าน Thai Fruit Buffet ใช้เทคนิคการเบิร์น ไปพร้อมกับการเผาด้วย ถ่าน บนตะแกรง เริ่มจากการเผา โดยใช้ถ่านร้อน ในเตา และนำตะแกรงวางบนเตา ก่อนจะนำทุเรียน วางบนตะแกรง เผาไปแบบนี้ ประมาณ 30 นาที หลังจากนั้น พอลูกค้าสั่งซื้อ ก็จะเบิร์นด้วยไฟ ร้อน ไปบนทุเรียน อีก 15-20 นาที รวมระยะเวลาในการเผาประมาณ 40-45 นาที ก่อนจะนำมาให้ลูกค้าได้รับประทาน การกินทุเรียนเผาให้อร่อย “หนุ่มกัณ” บอกว่า ต้องกินร้อน ๆ ขณะที่สุกใหม่ ดังนั้น ทางร้านจะไม่เผาทิ้งไว้ จะเผาใหม่ๆให้ลูกค้ากินร้อนๆ ทุกลูก
เจาะกลุ่มตลาดจีน ยอดขาย 150 กก.ต่อวัน
ในส่วนของรายได้ จากการขายทุเรียน เผา “กัณ” บอกว่า ถ้าดูจากยอดขาย เกือบ 90% เป็นลูกค้าคนจีน ทำให้รายได้ ขึ้นอยู่กับจำนวนนักท่องเที่ยว จีน แต่โชคดีที่ ตลาดนัดรถไฟรัชดา มีนักท่องเที่ยวคนจีน มาอย่างต่อเนื่อง และได้รายการต่างๆ จากประเทศจีน และฮ่องกง มารีวิว บ่อยครั้ง และ นักท่องเที่ยวจีนเอง เมื่อมากิน ก็จะนำไปโพสต์ แชร์ต่อในโลกโซเชียล ส่งผลให้ ร้านของเราเป็นที่รู้จักในกลุ่มของนักท่องเที่ยวจีน เป็นอย่างดี และเมื่อเขามาประเทศไทย ก็จะปักหมุด ว่ามากินทุเรียนเผา ที่ร้าน ของเรา ซึ่งปัจจุบันยอดขายต่อวัน อยู่ที่ประมาณ 150-300 กิโลกรัม ต่อวัน โดยทางร้านเอง มีทุเรียนให้ลูกค้าได้กินตลอดทั้งปี ถึงแม้ว่า จะไม่ได้มาช่วงฤดูกาล
สำหรับประเทศไทย ปัจจุบัน มีการปลูกทุเรียนอยู่หลายพื้นที่ แต่ละพื้นที่มีผลผลิตออกไม่พร้อมกัน เช่น เดือน ก.พ.-มี.ค.-เม.ย. – พ.ค. ทุเรียนจะมาจากแถบภาคตะวันออก จังหวัดจันทบุรี ระยอง และบางจังหวัดในภาคเหนือ และ ตั้งแต่เดือน ก.ค.- ส.ค.- ก.ย.-ต.ค. มีทุเรียนจากภาคใต้ ออกเป็นจำนวนมก หรือ หลังจากนั้น ช่วงปลายปี สามารถหาทุเรียนได้ เช่นกัน โดยได้ทุเรียน จากพื้นที่โปร่งน้ำร้อน ซึ่งทุเรียนที่ได้ราคาไม่ได้แตกต่างก้นมากนัก ทำให้สามารถยืนราคาขาย กิโลกรัมละ 150 บาท ได้ตลอดทั้งปี เช่นกัน
จากหนุ่มวัย 20 ปี ขายบะหมี่ วันนี้เจ้าของกิจการ มากมาย
“กัณ” เล่าถึง การทำธุรกิจของตนเอง ว่า ปัจจุบัน ได้แตกไลน์ ไปทำหลายอย่าง ตามจังหวะ และโอกาสจะพาไป เช่น ร้านบะหมี่จอมพลัง ที่สร้างชื่อ ให้กับตนเอง ปัจจุบัน ได้มีการปรับเปลี่ยน จากเน้นชามใหญ่ยักษ์ ใส่ของแน่น เปลี่ยนมาทำชามเล็ก แต่เน้น ใช้วัตถุดิบคุณภาพ และรสชาติ เพราะการทำอาหารสิ่งสำคัญ อยู่ที่รสชาติ ราคาบางครั้งยังไม่ใช่ตัวแปร ถ้ารสชาติอร่อย ลูกค้า จะมากินอย่างต่อเนื่อง และนอกจากบะหมี่จอมพลัง ปัจจุบัน เปิดร้านหมูกระทะ ที่ชื่อว่า “ย่างมัน” ซึ่งเปิดขายแฟรนไชส์เช่นกัน ที่มาของหมูกระทะ ย่างมัน ต่อยอดมาจาก เปิดธุรกิจห้องเย็น ส่งวัตถุดิบร้านหมูกระทะ ก็เลยเปิดร้านหมูกระทะเป็นต้นแบบ ซึ่งถ้าใครอยากได้แฟรนไชส์ หมูกระทะ จัดให้ไปเลยในราคาถูก มีเงิน 2-3 หมื่น ก็เปิดร้านหมูกระทะได้
นอกจากนี้ อีกหนึ่งกิจการ ที่เปิดในขณะนี้ และน่าจะทำรายได้มากกว่า คือ ร้านขายของฝาก ที่เจาะกลุ่มตลาดคนจีน สินค้าที่ได้รับความนิยม เช่น ทุเรียนอบ และมะม่วงอบ หรือ ครีมทาผิว แบรนด์ไทยดังในประเทศจีน ก็นำมาขายในร้าน เป็นต้น ซึ่งธุรกิจร้านของฝาก ต่อยอดมาจาก การเปิดร้านทุเรียนเผา และลูกค้าเป็นคนจีน จะมาถามหาสินค้าเหล่านี้ ก็อยากบริการลูกค้า ก็เลย เกิดร้านขายของฝาก ดังกล่าวขึ้น
“กัณ” เล่าถึงเทคนิค การค้าขายกับคนจีน ให้ฟังว่า การค้าขายกับคนจีน สิ่งสำคัญ เราควรที่จะพูด โต้ตอบกับเขาได้ จะได้รู้ความต้องการว่า ต้องการอะไร และปัจจุบันนักท่องเที่ยวจีน ไม่เหมือนในอดีต ซึ่งดูจากลูกค้าของเราส่วนใหญ่จะเป็นคนรุ่นใหม่ ซึ่งก่อนจะไปเที่ยวประเทศไหนก็จะเรียนรู้ ประเทศเหล่านั้นก่อน ทั้งวัฒนธรรม แหล่งท่องเที่ยว หรือ แม้แต่สินค้า และ เราเองก็ควรที่จะเรียนรู้เขาเช่นกัน และถ้าเราสามารถเรียนรู้ว่า เขาชอบอะไร แนะนำและโต้ตอบกับเขาได้ โอกาสที่จะขายสินค้า ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
“อย่างไรก็ตาม การทำธุรกิจปัจจุบัน แม้การแข่งขันสูง และทุกคนก็พร้อมที่จะทำตาม เราต้องหาทางออก เพื่อให้สามารถอยู่รอดได้ อย่างของผม มีคนที่เห็นว่า เราขายดี ก็ทำตาม แต่ผมมีวิธี เช่น ร้านขายของฝาก เราทำตัวเป็นผู้ค้าส่งให้กับคนที่พร้อมจะทำตามเรา ก็หาสินค้ามาขายให้กับเขา ได้ทั้งค้าปลีก และค้าส่ง หรือ ร้านหมูกระทะ คนเปิดเยอะ เราก็หันมาเป็นผู้ส่งวัตถุดิบ แทน การเปิดขายแฟรนไชส์ ที่มีซุ่มเสี่ยง ที่จะเสียมาถึงชื่อเสียงของร้านได้ แม้แต่บะหมี่จอมพลัง ตอนนี้ ผมหยุดขายแฟรนไชส์ หันมาเป็นผู้ส่งวัตถุดิบ เพราะเชื่อว่า ส่วนใหญ่ก็อยากที่จะสร้างกิจการที่เป็นชื่อของเขาเองมากว่า และเราก็ไม่ต้องกังวล ว่า จะทำให้เสียชื่อมาถึงเราได้ในอนาคต” กัณ กล่าวในที่สุด
โทร.08-0566-6672
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEs ผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *
