จาก “หมอนยางพารา” สู่ “บรา” จากธรรมชาติ ฝีมือ SMEs ขอลุยแดนมังกร (ชมคลิป)

มหัศจรรย์ของยางพาราไทยเรียกว่าไม่มี ที่สิ้นสุดจริงๆขึ้นอยู่กับว่าผู้ประกอบการจะรังสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์อะไรที่สามารถนำไปต่อยอดหรือเพิ่มมูลค่าให้กับเกษตรกรชาวสวนยางได้ ล่าสุดจากผู้ผลิตหมอนยางพารา ได้พัฒนาเป็นเสื้อชั้นในสตรี (บรา) ที่มียางพาราธรรมชาติเป็นส่วนผสมหลัก ตลาดจีนให้ความสนใจพร้อมสั่งออเดอร์กว่า 10 ล้านชิ้น ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวความสำเร็จของผลิตภัณฑ์หมอนยางพาราภายใต้แบรนด์ Parato

ต้องชื่นชมผู้ประกอบการไทยที่เห็นคุณค่าวัตถุดิบบนพื้นแผ่นดิน อย่าง ยางพารา ทำให้ “นายพิริยศาสตร์ ตระการจันทร์” ผู้บริหาร หจก.โฟ ยู เนเชอะ (ไทยแลนด์) ผู้ผลิตหมอนยางพาราแบรนด์ Parato มุ่งมั่นเพิ่มมูลค่าให้กับวัตถุดิบนี้อย่างจริงจังเรียกได้ว่าเขาเริ่มจากศูนย์ มีเพียงแค่แนวคิดและสองมือเท่านั้นทโดยไม่มีต้นยางพาราแม้แต่ต้นเดียว แต่เขาก็เดินมาไกลมาก จากเดิมเป็นผู้ผลิตข้าวเกรียบที่ชื่อว่า “ป.เกรียบกุ้ง” ต่อยอดเป็นหมอนยางพาราซึ่งหลายคนอาจมองว่าทั้งสองผลิตภัณฑ์นี้มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่กลับมีส่วนเชื่อมต่อคือการเลือกใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นมาเพิ่มมูลค่า
หมอนขิด แบรนด์ Parato

ทำให้ที่ผ่านมาหมอนยางพาราแบรนด์ Parato กลายเป็นผลิตภัณฑ์จากผู้ประกอบการเอสเอ็มอีรายแรกที่ได้มาตรฐาน มอก.2741-2559 และยังเลือกใช้การอบหมอนยางพาราในพาราโบร่าโดม ด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ซึ่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมปราศจากสารเคมีใดๆ ทำให้ได้รับการตอบรับดีจากกลุ่มลูกค้าที่รักสุขภาพทั้งชาวไทยและชาวจีน ในระยะเวลาเพียง 2-3 ปีที่ผ่านมาเท่านั้น

ข้อดีของหมอนยางพาราที่ได้รับการตอบรับดีในช่วงที่ผ่านมานั้น คือเป็นหมอนที่มาจากวัตถุดิบธรรมชาติช่วยรองรับสรีระคอและศีรษะระหว่างการนอนได้เป็นอย่างดี ปราศจากไรฝุ่น ไม่มีเชื้อรา ทำความสะอาดง่าย สามารถใส่ถังปั่นในเครื่องซักผ้าก็ไม่เสียทรง และเมื่อนำมาตากในที่ร่มรูปทรงก็จะคืนตัวดังเดิม ทำให้กลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของคนรักสุขภาพที่ยอมจ่ายให้กับหมอนยางพาราที่แม้จะมีราคาสูงกว่าหมอนทั่วไปแต่หากมองในระยะยาวแล้วถือว่าคุ้มค่า

ล่าสุดเขาได้ต่อยอดน้ำยางพาราเป็น “เสื้อชั้นใน” (บรา) สำหรับสุภาพสตรีได้สวมใส่ โดยจะออกสู่ตลาดประมาณไตรมาสที่ 3 ในปี 62 โดยขณะนี้อยู่ในช่วงของการพัฒนาและวิจัยเพื่อให้ตอบ โจทย์ลูกค้าได้มากที่สุดโดยคุณสมบัติที่โดดเด่นคือไม่เป็นแหล่งสะสมของเชื้อราและไรฝุ่นไม่ทำให้เกิดแผลกดทับขณะสวมใส่

เขาเตรียมวางแผนที่จะขยายโรงงาน หลังคาดว่าจะได้ออเดอร์ล็อตใหญ่จากประเทศจีนหลัก 10 ล้านชิ้น ซึ่งเขาได้รับโอกาสจากธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือ SME Development Bank ที่ทางธนาคารได้ช่วยประสานนำคณะคู่ค้าจากแดนมังกรมาเยี่ยมชมโรงงาน ทำให้เสื้อชั้นในสตรี ได้รับความใส่ใจสั่งนำเข้าเป็นจำนวนมาก ดังนั้นเรื่องโรงงานผลิตที่ได้มาตรฐานสำหรับการผลิตสินค้าชิ้นนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งเขาเตรียมสร้างแบรนด์ใหม่พร้อมกับรับจ้างผลิตเพื่อส่งออกไปต่างประเทศด้วย