จากมะม่วงน้ำปลาหวานธรรมดาสู่การแปรรูปเป็นมะม่วงน้ำปลาหวานฟรีซดราย ที่ได้แนวคิดมาจากการอยากลองทำในสิ่งใหม่ๆ ที่เอาวัตถุดิบที่มีอยู่เป็นประจำอย่างมะม่วงน้ำปลาหวาน เพื่อเป็นการต่อยอดผลไม้ไทยและอาหารที่ถูกปากคนไทยและต่างชาติ
นายอัมพุท แสงสมุทร์ เจ้าของธุรกิจมะม่วงน้ำปลาหวานฟรีซดราย แบรนด์ SAWASDEE JA เล่าว่า ก่อนจะมาทำธุรกิจขายมะม่วงน้ำปลาหวานฟรีซดรายนั้น เคยคิดอยากจะขายเครื่องจักรต่างๆ แต่พอลองผิดลองถูกแล้วผลตอบรับไม่ได้เป็นไปอย่างที่คาดหวัง เนื่องจากเครื่องจักรที่เอาไว้สำหรับทำอาหารแปรรูปฟรีซดรายมีขั้นตอนที่ซับซ้อน จึงทำให้เกิดความยากและลำบากต่อคนผลิต จากนั้นจึงคิดค้นหาวิธีทำธุรกิจอีกหนึ่งทางคือการขายอาหาร แต่อาหารที่จะทำต้องให้ความรู้สึกที่แปลกใหม่สำหรับคนไทยและต่างชาติ จึงได้ลองคิดค้นสูตรอาหารต่างๆ ทั้งผิดและถูกจนมาลงตัวที่มะม่วงน้ำปลาหวานที่เป็นอาหารขึ้นชื่อของไทยมาลองเป็นแบบอบแห้ง
เหตุผลที่เลือกเป็นมะม่วงน้ำปลาหวานฟรีซดราย คือ ประเทศไทยแทบจะเป็นประเทศเดียวที่นำเอาผลไม้มากินคู่กับของคาว รวมถึงอยากจะแสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมของผลไม้เครื่องจิ้มที่เป็นเอกลักษณ์ของประเทศไทย นอกจากนี้มะม่วงยังเป็นผลไม้ที่สามารถออกผลได้ทุกฤดูกาลตามสายพันธุ์ ทั้งนี้ทางร้านได้เลือกมะม่วงสายพันธุ์แก้วขมิ้นและในส่วนของน้ำตาลที่นำมาทำน้ำปลาหวานเลือกใช้น้ำตาลมะพร้าว
สำหรับรสชาติของมะม่วงน้ำปลาหวานฟรีซดรายจะมีรสชาติเปรี้ยว หวาน เค็มและเผ็ดเล็กน้อย กรอบ เหมือนขนมขบเคี้ยวทั่วไป จุดเด่น คือ กลิ่น จะมีกลิ่นในตอนที่นำใส่ปากแล้วเคี้ยว ซึ่งเหมาะแก่การกินในทุกที่และทุกเวลา เพราะจะได้กลิ่นเฉพาะตอนกินเท่านั้น จึงวางใจได้ในเรื่องกลิ่นฉุนที่ออกสู่สาธารณะ รวมถึงไม่ทำให้เลอะมือในการสัมผัส
ทั้งนี้มะม่วงน้ำปลาหวานฟรีซดรายถูกทดลองมาประมาณ 1 ปี ถูกวางจำหน่ายเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2562 ที่ผ่านมา ผ่านทางเว็บไซต์และวางจำหน่ายในงานครีเอทีฟ มาร์เก็ตต่างๆ เหตุเพราะเพิ่งจะเริ่มเปิดตัวจึงยังไม่ได้วางจำหน่ายในที่ต่างๆ มากนัก ซึ่งบรรจุภัณฑ์ที่ถูกออกแบบให้บรรจุใส่ในกล่อง โดยใน 1 กล่องมี 2 ซอง กล่องละ 120 บาท ได้มะม่วงน้ำปลาหวานฟรีซดรายประมาณ 18-20 ชิ้น น้ำหนักทั้งสิ้น 60 กรัม ไม่ใส่สารกันบูดและผงชูรสรวมถึงสามารถเก็บรักษาได้อย่างยาวนาน
นอกจากนี้กลไกการตลาดทางร้านมองว่า ธุรกิจเพิ่งจะเริ่มเปิดตัวได้ไม่นานอยากจะเปิดจำหน่ายไปอย่างช้าๆ ไม่เร่งรีบ ขายไปตามโอกาสและแบ่งเวลาในการพัฒนาสูตรต่างๆ ให้มีเพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยใน 1 เดือนจะคิดค้นสูตรขึ้นมา ภายในสองสัปดาห์จะมีผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ออกมา ส่วนด้านการขายถ้ามีงานสำหรับการจัดทำบูธหรืองานแฟร์ที่สามารถวางจำหน่ายสินค้าได้ถ้ามีโอกาสก็ได้ไป และได้มีการจดสิทธิบัตรเพื่อเป็นเครื่องการันตีว่าเป็นคนคิดค้นไอเดียนี้ขึ้นมา
ส่วนด้านลูกค้าจะมีลูกค้าสองกลุ่มคือคนไทยและต่างชาติ ถ้าเป็นคนไทยก็คือคนที่ชอบกินมะม่วงน้ำปลาหวานเป็นทุนเดิมแต่อยากพกพาไปในสถานที่ต่างๆ โดยที่ไม่ต้องลำบากและไม่กังวลเรื่องกลิ่นและการเลอะเทอะ ส่วนลูกค้าต่างประเทศจะเข้ามาชิมก่อนว่ารสชาติเป็นอย่างไร พอถูกใจก็ซื้อติดไม้ติดมือกลับประเทศไป นอกจากนี้ยังมีการโปรโมทสินค้าเพื่อให้ลูกค้ารู้จักเพิ่มมากขึ้น โดยโปรโมทผ่านช่องทางโซเชียลต่างๆ เช่น เฟซบุ๊ก ไลน์ และอินสตาแกรม
ด้านผลตอบรับถือว่าอยู่ในระดับพึงพอใจเพราะเพิ่งเริ่มต้นทำ ทางร้านได้มีการทำกูเกิ้ลฟอร์มไว้เพื่อให้ลูกค้าเข้ากรอกข้อมูลความพึงพอใจ ส่วนใหญ่ความพอใจอยู่ที่ 90% ทั้งกลิ่นและรสชาติ ส่วนความแตกต่างระหว่างแบบฟรีซดรายและแบบสดแน่นอนต้องมีความแตกต่าง แต่คุณค่าทางโภชนาการนั้นไม่ต่างกัน เพราะทางร้านซื่อสัตย์กับลูกค้าโดยการที่อบแห้งแบบฟรีซดรายด้วยอุณหภูมิ 40 องศา ซึ่งทำให้วิตามินและแคลเซียมยังคงอยู่กับตัวอาหารแปรรูป มะม่วงน้ำปลาหวานฟรีซดราย 1 ซองเทียบเท่ากับการดื่มน้ำผลไม้ 1 แก้ว
อย่างไรก็ตาม เสน่ห์ของมะม่วงน้ำปลาหวานฟรีซดรายนั้นอยู่ตรงที่บางคำจะมีรสชาติออกหวาน บางคำเปรี้ยว บางคำเผ็ดเล็กน้อย เสมือนกับการกินมะม่วงน้ำปลาหวานแบบสดๆ รวมถึงการใช้มะม่วงพันธุ์แก้วขมิ้นในช่วงเดือนมิถุนายนจะเปลี่ยนเป็นมะม่วงสายพันธุ์อื่นเพื่อให้เกิดความหลากหลาย เช่น มะม่วงน้ำดอกไม้ เพราะว่าในช่วงเดือนนั้นๆ มะม่วงน้ำดอกไม้จะมีราคาไม่แพงมาก และออกผลได้เยอะเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้การเลือกมะม่วงจะเลือกผลมะม่วงที่กึ่งสุกกึ่งดิบเพื่อให้เกิดรสชาติที่อร่อย
ติดต่อเพิ่มเติม
Facebook : SawasdeeJa' by James
Line : sawasdeejashop
โทร. 096-9431356
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *
