ซาวบาทคอฟฟี่..กาแฟสดที่รสชาติและราคาโดนใจมหาชนใช้กาแฟสดอาราบิก้าแท้จากดอยสูงของภาคเหนือแก้วละ 20 บาท..ซาวบาทคอฟฟี่กินเสร็จ ไปทำงานซะเกิดปรากฎการณ์คนทำงานบนตึกสูงเข้าแถวยาวเหยียดเพื่อรอกินกาแฟซาวบาทราคาถูกและดี ว่าแต่ทำไมเขาขายได้แก้วละ 20 บาทมาหาคำตอบจากผู้ประกอบการรายนี้กัน
นายสิทธิกร สุระบินทร์ ผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัด บางกอก คอนซูเมอร์ โพรดักส์ เล่าว่า จากประสบการณ์ที่คลุกคลีในแวดวงการโรงคั่วกาแฟมา 10 กว่าปี รวมถึงครอบครัวยังดำเนินธุรกิจนี้มาก่อน ทำให้เห็นวงจรธุรกิจของกาแฟ ตั้งแต่การปลูก การคั่ว และขายส่ง ให้กับนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่ง ทำให้ลูกค้าติดใจในรสชาติกาแฟ โดยเฉพาะการคั่วที่เหมาะสม ให้รสชาตินุ่ม กลิ่นหอม ชวนให้ลิ้มลอง ซึ่งเขาเรียกกันเป็นคำเฉพาะในโรงคั่วว่า “หอมสวรรค์”
“เดิมธุรกิจหลักครอบครัว คือ ขายส่งเมล็ดกาแฟคั่วให้กับนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ และถือเป็นผู้อยู่เบื้องหลังกาแฟตามโรงอาหารของโรงงานขนาดใหญ่เกือบทั้งหมด โดยดำเนินธุรกิจนี้มากว่า 10 ปี ก็ได้รับเสียงสะท้อนจากพนักงานว่าเมื่อต้องย้ายโรงงาน หรือไปทำงาานที่ใหม่ ก็ไม่ได้ลิ้มรสชาติกาแฟแบบนี้อีก ทำให้เราเห็นโอกาสในการลงทุนเปิดร้านกาแฟ ราคาถูกอย่างจริงจัง หลังเคยคิดและศึกษาในเรื่องความเป็นไปได้ทางธุรกิจมาประมาณ 5 ปี สุดท้ายก็มาลงตัวที่ 'ซาวบาทคอฟฟี่' จ่ายแค่แก้วละ 20 บาททุกเมนู”
ถือเป็นกาแฟมหาชน อย่างแท้จริงตอบโจทย์ในเรื่องราคาและคุณภาพของลูกค้าได้ตรงจุด โดยมีธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SME Development Bank ให้การช่วยเหลือด้านเงินทุนสินเชื่อมาก่อน และเมื่อจะเปิดร้าน ก็ได้รับคำแนะนำมากมายจากทางธนาคารฯ จนกลายมาเป็น “ซาวบาท คอฟฟี่” ที่ลูกค้าออฟฟิศ ยอมต่อคิว เพื่อแลกกับกาแฟสด รสละมุนลิ้น แถมกลิ่นยังชวนให้ลิ้มลอง
“ในช่วงแรกเรามีการทดลองตลาดก่อน เช่น ไปออกงานตลาดประชารัฐ ที่สำนักงานใหญ่ของ SME D Bank สำนักงานใหญ่ก็ได้รับการตอบรับดี ทำให้ผมเชื่อมั่นในธุรกิจมากขึ้น ว่ายังมีโอกาสเติบโตได้ และยังเชื่อว่าหากยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก็จะเป็นการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟในภาคเหนือ ให้มีรายได้เพิ่มขึ้นด้วย กลายเป็นทางรอดที่ยั่งยืนให้เกษตรกรอย่างแท้จริง”
เรียกว่าเป็นโมเดลธุรกิจที่น่าสนใจจากราคาและคุณภาพที่ขายได้แน่นอน จึงไม่แปลกใจที่จะมีผู้คนสนใจลงทุน ดังนั้นเขาจึงแตกไลน์ธุรกิจในรูปแบบของแฟรนไชส์ เงินทุนเริ่มต้นที่ 250,000 บาท จะได้รับอุปกรณ์ครบครันพร้อมเปิดร้านได้ทันที เช่น เครื่องชงกาแฟ 2 หัว บ้านน็อคดาวน์ 1 หลังพร้อมระเบียง ขนาด 2.5x2.5 เมตร (ยังไม่รวมค่าขนส่ง) โดยเบื้องต้นจะเน้นพื้นที่ในภาคเหนือตอนบนและภาคกลางก่อน เนื่องจากมีทีมงานดูแลได้ทั่วถึง ส่วนภาคใต้จะเป็นพื้นที่ลำดับถัดไป
ปัจจุบันโรงคั่วกาแฟของครอบครัว มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 5 ตัน/เดือน หรือประมาณวันละ 200 กก. ซึ่งยังไม่ค่อยเพียงพอกับความต้องการของลูกค้า จากการเปิดร้านมาได้เพียง 6 เดือน แต่ก็ได้รับการตอบรับดี ลูกค้ากล้าเปิดใจลองซื้อชิม และจากนั้นก็กลายเป็นลูกค้าประจำ ทำให้เห็นปรากฏการณ์กาแฟต่อแถวยาวเหยียดเป็นประจำโดยเฉพาะย่านออฟฟิศ
ดังนั้นแผนธุรกิจในอนาคต เขาเตรียมขยายโรงคั่วกาแฟ และขยายสาขาแบบค่อยเป็นค่อยไป เบื้องต้นจะขยายเพียง 5 สาขา เพื่อศึกษาปัญหาและแก้ไขอย่างต่อเนื่อง รองรับการขยายสาขาในจำนวนที่มากขึ้นในอนาคต เน้นทำเลตามอาคารสำนักงาน และแหล่งท่องเที่ยว อย่าง เชียงใหม่ โดยจะต้องเพิ่มภาษาต่างๆ เข้าไปด้วย เพื่อเจาะลูกค้าต่างชาติให้ครอบคลุมมากที่สุด และยังเป็นประชาสัมพันธ์คุณภาพกาแฟไทยได้อีกทางหนึ่ง
ทุกวันนี้เรียกว่า “ซาวบาทคอฟฟี่” เติบโตได้ด้วยกลยุทธ์การบอกปากต่อปาก จากคุณภาพและบริการ ท่ามกลางการแข่งขันสูง แต่เขากลับบอกว่าทุกวันนี้ไม่ได้แข่งกับใครแต่แข่งกับตัวเอง เพราะต้องการสื่อความเป็นไทยด้วยกาแฟจากภาคเหนือ บรรจงปรุงแต่งกาแฟสดให้รสชาตินุ่มละมุนลิ้น แถมขายได้ในราคา 20 บาท
ติดต่อ 08-3707-0703, 08-8252-1492 หรือที่ Line ID : house_decafe