ยุคนี้ใครสามารถลดต้นทุนด้านการขนส่งได้เรียกว่ามีชัยไปกว่าครึ่ง เพราะนั่นหมายถึงกำไรที่จะได้รับ จากโจทย์นี้เองทำให้อดีตพ่อค้าออนไลน์ในยุค 10 ปีที่แล้วหันมาจับธุรกิจด้านลอจิสติกส์ด้วยการจับมือกับบริษัทยักษ์ใหญ่ให้บริการขนส่งสินค้าในราคาถูกกว่าผู้ประกอบการดำเนินเรื่องเอง แถมโชว์จุดขายด้านบริการแบบครบวงจรเป็นที่ปรึกษาด้านการขนส่งไปในตัวกับ “SME Shipping”
นายธวิทย์ เรืองรองปัญญา กรรมการผู้จัดการบริษัท เอสเอ็มอีชิปปิ้ง จำกัด เผยถึงแนวคิดในการดำเนินธุรกิจว่า เกิดจากประสบการณ์ตรงของตนเองที่เคยเป็นพ่อค้าในโลกอีคอมเมิร์ซมาก่อนต้องประสบปัญหาในเรื่องต้นทุนค่าขนส่งที่ค่อนข้างสูงทำให้ได้กำไรไม่คุ้มค่าเหนื่อยจึงคิดที่จะลดต้นทุนในส่วนนี้ลง แต่เมื่อได้เข้าไปพูดคุยกับบริษัทใหญ่อย่างดีเอชแอล (DHL) แล้วกลับเห็นลู่ทางใหม่ทางธุรกิจ คือ การให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศด้วยต้นทุนที่ถูกกว่าผู้ประกอบการดำเนินการขนส่งด้วยตัวเอง จึงกลายเป็นที่มาของการก่อตั้งบริษัทเอสเอ็มอีชิปปิ้งขึ้นเมื่อราว 10 ปีที่แล้ว
ต้องบอกว่าธุรกิจนี้เป็นการมองวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของผู้ประกอบการที่หันมาจับธุรกิจด้านลอจิสติกส์เมื่อครั้งที่การค้าขายในโลกออนไลน์ยังไม่เติบโตอย่างทุกวันนี้ ทำให้เขากลายเป็นผู้ประกอบการรายแรกที่สามารถจับมือกับบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการขนส่งอย่างดีเอชแอลได้เป็นผลสำเร็จ รวมถึง Fedex และ TNT ที่เข้ามาร่วมเป็นพันธมิตร
สำหรับการให้บริการหลักของเอสเอ็มอีชิปปิ้งจะเน้นลูกค้าในกลุ่มเอสเอ็มอีแบบครบวงจรในเรื่องการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทั้งบริการขนส่งทางเครื่องบินรถยนต์และเรือ พร้อมบริการรับสินค้าถึงบ้าน หรือ door to door ไม่มีจำนวนขั้นต่ำ และยังสามารถจัดส่งได้รวดเร็วในราคาถูกลงกว่าเดิมประมาณ 30% โดยสินค้าแต่ละชิ้นจะต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 300 กิโลกรัม ซึ่งที่ผ่านมาผู้ประกอบการเอสเอ็มอีส่วนใหญ่จะจัดส่งสินค้าแต่ละชิ้นไม่เกิน 20 กิโลกรัมสูงถึง 70% ทำให้ปัจจุบันลูกค้ากลุ่มเอสเอ็มอีมีประมาณ 600 ราย และเลือกใช้บริการจัดส่งสินค้าทางเครื่องบินกว่า 90%
เป็นเวลากว่า 10 ปีที่เอสเอ็มอีชิปปิ้งได้ครองตลาดมายาวนาน เน้นให้บริการลูกค้าเอสเอ็มอีที่แม้ไม่ได้มีการประชาสัมพันธ์มากนัก แต่ก็เป็นที่รู้จักในกลุ่มของลูกค้าผู้ประกอบการและธุรกิจขนาดกลางไปจนถึงขนาดเล็ก หรือแม้กระทั่งกลุ่มสตาร์ทอัพที่เริ่มต้นขายสินค้าออนไลน์ และมีการส่งสินค้าไปยังประเทศ
ทั้งนี้ นายธวิทย์เชื่อว่ามาจากจุดเด่นด้านบริการเป็นสำคัญ ที่นอกจากจะจัดส่งสินค้าให้ลูกค้าได้รวดเร็วตามเวลาที่กำหนดแล้วยังมีการให้ข้อมูลอย่างครบถ้วนในการส่งสินค้าประเภทต่างๆ ไปยังต่างประเทศเพื่อลดปัญหาเรื่องการนำเข้าและสินค้าถูกตีกลับให้เกิดน้อยที่สุด รวมถึงการให้บริการแบบครบวงจรถือเป็นการบริการเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าได้ทุกขั้นตอนโดยเฉพาะลูกค้ากลุ่มเอสเอ็มอีที่มีความรู้ด้านการส่งออกไม่มากนัก แต่เชื่อว่าหากมีระบบการขนส่งและบริษัทที่ปรึกษาด้านการส่งออกที่ดีอย่างเอสเอ็มอีชิปปิ้งก็จะทำให้ธุรกิจเติบโตไปไกลกว่าที่คิด
ส่วนประเทศที่บริษัทเอสเอ็มอีชิปปิ้งมีความถนัดในการส่งสินค้าไปยังต่างประเทศ คือ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และประเทศในแถบยุโรปและเอเชีย เช่น หากส่งสินค้าไปประเทศสิงคโปร์จะใช้เวลาเพียงหนึ่งวัน หรือสหรัฐอเมริกาก็จะไม่เกิน 5 วันทำการ เป็นต้น โดยสินค้าส่วนใหญ่ที่จัดส่งจะเป็นประเภทเครื่องสำอาง รองลงมาจะเป็นสินค้าตัวอย่าง แต่ขณะเดียวกันก็มีข้อจำกัดเรื่องสินค้าที่ทางบริษัทฯ ไม่สามารถจัดส่งได้ คือสินค้าที่ต้องควบคุมอุณหภูมิและสินค้าที่เป็นสิ่งมีชีวิตรวมถึงต้นไม้และสัตว์ทั่วไปด้วย หรือแม้กระทั่งอาวุธเทียมที่เป็นของเล่นเด็กก็ไม่สามารถจัดส่งได้เช่นกัน
สำหรับการนำเทคโนโลยีด้านดิจิทัล หรือแนวนโยบาย 4.0 เข้ามาใช้ในการพัฒนาระบบการขนส่งเพื่อเพิ่มความสะดวก รวดเร็วในการรับบริการ เพิ่มความมั่นใจที่สินค้าจัดส่งไปถึงปลายทางตรงเวลาและปลอดภัย รวมถึงการบริหารต้นทุนต่างๆ ภายใต้แนวนโยบาย Big Data SME Shipping 4.0 โดยเน้นการพัฒนาและบริการผ่านระบบ line : @shipping , Facebook : SME shipping , website : http://www.smeshipping.com และ IG : shippingservice ซึ่งลูกค้าสามารถกดคลิกเข้ารับการบริการได้ทันที มีเจ้าหน้าที่ไปรับสินค้าถึงหน้าบ้านท่าน พร้อมรับสิทธิสะสมพอยต์ ยิ่งสะสมมากยิ่งได้ส่วนลดพร้อมของสมนาคุณของแถมมากมาย
นอกจากนี้ ลูกค้าจะได้รับข่าวสารต่างๆ เกี่ยวกับระบบการขนส่ง เทคนิคการบริหารต้นทุนการขนส่ง ทำอย่างไรให้ต้นทุนต่ำ และเทคนิควิธีการด้านการส่งออก เรื่องระบบแทรกกิ้ง (Tracking) และภาษีศุลกากรนำเข้าสินค้าในแต่ละประเทศ ซึ่งตรงจุดนี้ลูกค้าสามารถใช้โปรแกรมคำนวณค่าสินค้า น้ำหนัก เวลาคำนวณเวลาการจัดส่งถึงปลายทางได้ตลอด 24 ชั่วโมงอีกด้วย ส่วนผู้เริ่มต้นธุรกิจในกลุ่มสตาร์ทอัพ ทางเอสเอ็มอีชิปปิ้งยังให้คำปรึกษาด้านต่างๆ ในทุกเรื่องเกี่ยวกับขนส่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบริหารต้นทุนการจัดส่งอย่างไรให้ต้นทุนต่ำ การส่งสินค้าที่มีความปลอดภัยสูงส่งถึงที่ปลายทางตรงเวลา เป็นต้น
ไม่เพียงเท่านี้ ช่องทางของบิ๊กดาต้า (Big Data) ทางเอสเอ็มอีชิปปิ้ง นอกจากจะเก็บข้อมูลลูกค้าในการจัดส่งแล้ว ยังมีการแบ่งกลุ่มลูกค้าแต่ละกลุ่มเพื่อการบริการที่ตรงใจ และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าให้ได้มากที่สุด เช่น กลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยระดับไมโครเอสเอ็มอี (Micro SMEs) ผู้ประกอบการระดับกลาง ผู้ประกอบการรายใหญ่ และผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ เพื่อจัดส่งข่าวสารที่เกี่ยวข้อง และเชื่อมโยงทางธุรกิจที่เป็นประโยชน์ให้แก่ลูกค้า
อนาคตเขาเตรียมขยายสาขาอีก 5 แห่งทั่วประเทศเพื่อเป็นจุดรับสินค้าได้รวดเร็วขึ้น รวมถึงในปีนี้ได้เตรียมทำแอปพลิเคชันเพื่อให้ลูกค้าติดตั้งและใช้งานได้สะดวกขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการติดตามสินค้าข้อมูล ในขณะที่ในปีนี้จะมีการนำแชตบ็อต (Chat Bot) เข้ามาใช้เพื่อให้ตอบสนองด้านการสื่อสารระหว่างลูกค้าได้รวดเร็วขึ้น โดยคาดว่าการเติบโตในปีนี้จะทะลุ 100 ล้านบาท จากเมื่อปีที่ผ่านมามีรายได้ประมาณ 80 ล้านบาท