xs
xsm
sm
md
lg

“หมูหม้อเทพ” ธุรกิจอดีตลูกจ้างฝ่ามรสุมเจ๊ง สู่หมูนุ่มไม่สะเทือนเหงือก เหล็กดัดฟันไม่ขยับ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เป็นธรรมดาของพนักงานประจำที่เมื่อมีวันหยุดเสาร์-อาทิตย์หรือวันนักขัตฤกษ์ก็มักจะนำเงินเก็บไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ แต่เมื่อถึงจุดอิ่มตัวก็เกิดแนวคิดต้องการจะนำเงินที่ไปเที่ยวนำมาต่อยอดและเอากำไรเพื่อไปท่องเที่ยวแทน จึงเกิดเป็นธุรกิจเล็กๆ ที่ความตั้งใจไม่เล็ก เพราะสามารถขยายสาขาแฟรนไชส์กับ “หมูหม้อเทพ” ภายใต้สโลแกนที่ว่า 'นุ่มไม่สะเทือนเหงือก เหล็กดัดฟันไม่ขยับ'




อภิชาติ สถิตเกษมสานต์ อดีตพนักงานประจำด้านไอทีของสำนักข่าวรอยเตอร์ที่ปัจจุบันผันตัวมาเป็นเจ้าของธุรกิจขายหมูทอดที่ชื่อว่า “หมูหม้อเทพ” มีประมาณ 10 สาขา แถมยังขยายสาขาในระบบแฟรนไชส์ให้กับผู้สนใจลงทุนอีกด้วย

แต่ธุรกิจนี้ก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบมาตั้งแต่ต้น เพราะเขาเผชิญกับความล้มเหลวถึงขนาดใช้คำว่า 'เจ๊ง' มาแล้ว ในขณะที่ยอมทิ้งเงินเดือนสูงมาทำธุรกิจที่ช่วงแรกสินค้าขายไม่ได้เลยต้องปิดสาขา ซึ่งเขายอมรับว่าเคยคิดที่จะกลับไปเป็นพนักงานประจำอีกครั้งแต่ขอเลือกเดินบนเส้นทางธุรกิจที่เขารู้สึกว่ายังสู้ไม่ถึงที่สุด และสุดท้ายธุรกิจหมูหม้อเทพจึงเกิดขึ้น







โดยที่มาของธุรกิจนี้เกิดจากความชอบของนายอภิชาตที่ชอบรับประทานหมูและไก่ทอดมาก รับประทานบ่อย จนคอลเรสเตอรอลพุ่งกระฉูด แพทย์สั่งงดโดยเด็ดขาด ทำให้เขาต้องมาศึกษาว่าจะทำอย่างไรให้สามารถรับประทานของชอบได้เหมือนเดิม แต่ไม่ทำร้ายสุขภาพ จนมาค้นพบว่าหากทอดด้วยน้ำมันมะพร้าว ก็จะช่วยลดคอลเลสเตอรอลได้ ซึ่งในช่วงแรกเขาเลือกทำไก่ทอดก่อน แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะมีหลายขั้นตอนค่อนข้างยุ่งยาก จึงเลือกทำหมูทอดซึ่งเป็นสูตรของคุณแม่ที่ทำอร่อยอยู่แล้ว เพียงมาปรับสูตรและทำมาตรฐานชั่งตวงวัดวัตถุดิบ เพื่อรสชาติที่เหมือนกันทุกกระทะ








“สูตรหมูทอดคุณแม่ได้บอกวัตถุดิบที่ใส่ทั้งหมดให้กับเราแต่ไม่ได้บอกถึงปริมาณที่ใส่อาศัยประสบการณ์ล้วนล้วนแต่ด้วยความที่เราทำงานด้านไอทีก็นำเทคโนโลยีมาปรับใช้ เช่น การใช้เครื่องวัดอุณหภูมิของน้ำมันก่อนทอด โดยต้องทอดในน้ำมันที่ไม่สูงเกิน 130 องศาเซลเซียส เพราะหากสูงกว่านั้นจะทำให้โครงสร้างของน้ำมันมะพร้าวสูญเสียไป รวมถึงอ่านงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันมะพร้าวทั้งหมด พร้อไปเเรียนด้านการทำอาหารเพิ่มเติม ทำให้รู้ว่าการทำธุรกิจด้านอาหารจะทำให้ได้ดีนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย”








ทำเลแรกที่เขาเลือกคือตลาดนัดซึ่งขายได้ประมาณ 5-6 เดือนก็มีลูกค้าประจำแต่ถือว่าราคาขายค่อนข้างสูงโดยขายในราคาขีดละ 45 บาท ได้กำไรตกวันละพันกว่าบาทซึ่งถือว่าเป็นที่น่าพอใจ ทำให้เขาฮึกเหิมที่จะขยายสาขาไปจับตลาดบนบ้าง โดยเลือกทำเลในสถานีบริการน้ำมันย่านลาดกระบังใกล้กับโรงเรียนเอกชนชื่อดัง แต่ด้วยจังหวะเวลาที่เปิดขายและฤดูกาลไม่เอื้ออำนวย เป็นช่วงปิดเทอมและเป็นฤดูฝนพอดี ทำให้ยอดขายแย่มาก ขายได้เพียงหลักร้อยบาทเท่านั้นต่อวัน ทำให้ร้านหมูหม้อเทพ สาขา 2 'เจ๊ง' ไม่เป็นท่าภายในระยะเวลาไม่ถึงเดือน




เขายอมรับว่าเกิดอาการท้อและอยากจะกลับไปเป็นพนักงานประจำแบบเดิม แต่สุดท้าย ก็ขอเลือกเส้นทางการเป็นเจ้าของธุรกิจเพราะยังรู้สึกว่าทำไม่เต็มที่ เขาจึงตัดสินใจลงเรียนหลักสูตรผู้ประกอบการแฟรนไชส์ของกระทรวงพาณิชย์ จนได้ใบประกาศนียบัตรมาครอบครอง แต่ความรู้ที่ได้นั้นกลับเป็นประโยชน์มาก เพราะนำมาปรับใช้ได้จริงขยายสาขาแบบค่อยเป็นค่อยไป เลือกทำเลได้แม่นยำขึ้น พร้อมจัดตั้งศูนย์เทรนนิ่งสำหรับพนักงานและแฟรนไชซีที่ต้องการเข้ามาเริ่มต้นธุรกิจด้วยกัน









สำหรับจุดเด่นของหมูหม้อเทพ อยู่ที่ความนุ่มของเนื้อหมู โดยเลือกใช้หมูสันใน และสันนอก มาหมักผสมกันทำให้ได้หมูทอดชนิดที่เป็นเนื้อล้วนและติดมัน ให้ลูกค้าเลือกรับประทานตามชอบใจ ขณะที่เนื้อหมูเลือกเกรดเอมาใช้ จากโรงงานผลิตที่ได้มาตรฐาน GMP ทอดด้วยน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ จนกลายเป็นที่มาของสโลแกนที่ว่า 'นุ่มไม่สะเทือนเหงือก เหล็กดัดฟันไม่ขยับ ทอดด้วยน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์'





ส่วนทำเลที่เหมาะสม เขาค้นพบว่าต้องเป็นแหล่งที่ผู้คนซื้อกลับบ้าน หรือ Take Away ในย่านออฟฟิศ และชุมชน ซึ่งตลอดระยะเวลา 3 ปี แบรนด์ “หมูหม้อเทพ” เป็นที่รู้จักมากขึ้น ไม่เฉพาะลูกค้าทั่วไป แต่ในกลุ่มลูกค้าองค์กร ก็ให้การตอบรับดี ทำให้ขณะนี้สัดส่วนลูกค้าองค์กรมีประมาณ 40% ส่วนใหญ่เป็นหน่วยงานเอกชนชั้นนำของไทย ที่นิยมสั่งไปเลี้ยงพนักงาน จัดการประชุม สัมมนา






กลยุทธ์การบอกต่อต่อปาก และการขยายคุณภาพอย่างแท้จริง ถือเป็นการทำการตลาดที่ใช้ได้ผลดีกับธุรกิจ “หมูหม้อเทพ” เพราะที่ผ่านมา นายอภิชาต บอกว่า ไม่ได้ทำาการประชาสัมพันธ์มากนักให้สินค้าขายได้ด้วยตัวเอง พร้อมขยายสาขาในรูปแบบแฟรนไชส์ ที่หมูหมักตามสูตรโดยเฉพาะ นานถึง 2 วัน และจะถูกส่งตรงจากครัวกลางในแบบแช่แข็ง ส่วนเรื่องการทอดจะฝึกคนจากศูนย์เทรนด์นิ่งที่มาจากส่วนกลางเช่นกัน เพื่อคุณภาพและมาตรฐานเดียวกันทุกสาขา โดยใช้ 'น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์' ที่ดีต่อสุขภาพทอดทุกระทะ เปลี่ยนน้ำมันบ่อยเพราะเน้นในเรื่องสุขภาพของลูกค้าเป็นสำคัญ และจุดเด่นที่สร้างความจดจำแบรนด์หมูหม้อเทพ คือ 'ข้าวเหนียวสีม่วง' จากน้ำอัญชัญแท้ปลอดสารเคมี ทำให้มัดใจลูกค้าทั้งคนทั่วไปที่รักสุขภาพและบรรดาหมอ พยาบาล ที่เป็นลูกค้าประจำ ซึ่งราคาหมูทอดอยู่ที่ขีดละ 45 บาท ส่วนหมูพร้อมข้าวเหนียวชุดละ 35 และ 50 บาท และข้าวเหนียวอัญชัญ ห่อละ 10 บาท



สำหรับการลงทุนแฟรนไชส์ใช้เงินทุนเริ่มต้นประมาณ 80,000-100,000 บาท ขึ้นอยู่กับทำเล จะได้รับอุปกรณ์พร้อมเปิดร้านหมูหม้อเทพได้ทันที ส่วนวัตถุดิบจะได้ราคาส่ง ที่ส่วนใหญ่จะสั่งไปจำหน่ายไม่ต่ำกว่า 200 กก./วัน ซึ่งตั้งเป้าจะขยายสาขาในปีนี้ให้ครบ 15 สาขา กระจายทั่วกรุงเทพและปริมณฑล และในอีก 2 ปีข้างหน้า จะขยายให้ถึง 40 สาขา เพื่อกระจายความอร่อยที่มีพร้อมกับสุขภาพดีให้กับคนกรุง





***สนใจติดต่อ 081-8545867, Facebook : moomorthep และ Line ID : @moomorthep***





* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *







กำลังโหลดความคิดเห็น