Wink White กิจการเสริมอาหารและสกินแคร์ ที่รู้จักกันดีในโลกออนไลน์ ด้วยมูลค่ายอดขายหลักหลายร้อยล้านบาท จากตัวแทนจำหน่ายหลักหมื่นคน ด้วยฝีมือการบริหารงานของ ผู้หญิงเก่ง ในวัยเพียง 25 ปี คนนี้
นางสาวขวัญชนก ทวนวิจิตร (น้องแป้ง) ประธานบริษัท วิงค์ไวท์ พานาเซีย จำกัด สำหรับชื่อน้องแป้ง เป็นที่รู้จักกันมากขึ้น ด้วยความสามารถของเธอ ในการเป็นนักขายประสบความสำเร็จในวัยเพียง 20 ปีต้นๆ กับการสร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์ความงาม Wink White จนเป็นที่รู้จักทั้งในประเทศและต่างประเทศ มีเครือข่ายตัวแทนขายทั่วประเทศ กว่า 10,000 คน มียอดขายในปี ล่าสุด 2561 จำนวน 500 ล้านบาท ส่งออกไปขายกว่า 10 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ไต้หวัน ไนจีเรีย ฟิลลิปปินส์ พม่า กัมพูชา และลาว สัดส่วนการส่งออกปัจจุบันอยู่ที่ 10% ของยอดขาย
ประวัติ ของสาวคนนี้ เป็นที่สนใจอย่างมากในช่วง ที่ผานมา เพราะเธอเริ่มต้นชีวิตธุรกิจ จากการไม่มีอะไรเลย ประสบความสำเร็จภายในระยะเวลา 1 ปี กับยอดขาย หลักร้อยล้าน
"ขวัญชนก" เล่าว่า ครอบครัวเป็นคนต่างจังหวัด อาชีพทำนา จังหวัดลพบุรี ซึ่งชีวิตลำบากมาตั้งแต่เด็ก เพราะพ่อ แม่แยกทางกัน ฐานะทางบ้านไม่ดีนัก ตนเองอยู่กับแม่ น้องชาย และ คุณยาย เมื่อ พ่อ กับ แม่ แยกทางกัน แม่หันมาค้าขายในตลาดนัด ซึ่งรายได้ไม่ได้มากอะไร ตอนนั้นก็ต้องช่วยเหลือแม่ ทำงานทุกอย่าง ตั้งแต่เด็ก ก็ต้องออกไปเลี้ยงวัว กลับมาช่วยแม่ขายข้าวแกง จนวันหนึ่ง ยายเกิดป่วย ทำให้แม่ต้องมาดูแลยาย ไม่ได้ออกไปขายของ วันนั้น ครอบครัวของเราไม่มีรายได้ และก็เป็นช่วงที่เรียนจบชั้นมัธยม ต้องไปเรียนต่อ มหาวิทยาลัย ซึ่งต้องใช้เงินเยอะขึ้น ตอนนั้นก็ไม่รู้จะทำอย่างไร พอดีรัฐบาล เขามีโครงการเงินกู้เพื่อการศึกษา กยศ.ตัดสินใจกู้เงินก้อนนี้ ได้เงินมาตอนนั้น เดือนละ 2,000 บาท แบ่งเงิน 1,600 บาท เพื่อซื้อสบู่มาขาย
ขณะนั้น การขายของทางอินเตอร์เน็ตยังไม่บูม เธอจึงเริ่มต้นจากการขายให้กับเพื่อน ในมหาวิทยาลัยก่อน ซึ่งถือว่า เริ่มต้นได้ดี ระดับหนึ่ง ยอดขายต่อเดือนอยู่ที่หลักร้อยก้อน ในราคาก้อนละ 50 บาท แต่ปัญหา คือ พอปิดเทอม ขายไม่ได้ แต่รายจ่ายในครอบครัวก็ยังคงจ่ายเหมือนเดิม จุดพลิกผันทำให้เธอต้องหาวิธีการขายใหม่ พอดีช่วงนั้น อินเตอร์เน็ตเริ่มบูม ประกอบกับเธอเรียนด้านคอมพิวเตอร์ธุรกิจ ก็เลยลองนำสบู่ขายผ่านอินสตาร์แกรม ที่เลือกขายผ่านอินสตาแกรม เพราะเห็นคนอื่นขายได้ ปรากฎว่า ได้ผล วันแรกเธอบอกว่า ดีใจมาก จากการขายสบู่ได้ 2 ก้อน หลังจากนั้น ยอดขายเดือนหนึ่งประมาณหลักร้อยก้อน
"ขวัญชนก" บอกว่า ตอนนั้นรายได้ก็ยังไม่พอกับ ค่าใช้จ่ายภายในครอบครัว และยังมีค่าเทอมของตัวเอง และค่าใช้จ่ายของน้องที่ต้องเรียนหนังสือ ประกอบกับอยากช่วยแม่ มีชีวิตทีดีขึ้น ไม่ต้องลำบาก ก็เลยคิดหาวิธี ว่าทำอย่างไร จึงจะขายได้มากขึ้น และเห็นว่า ส่วนใหญ่คนที่ประสบความสำเร็จขายได้มากๆ ก็ต้องมีตัวแทนช่วยขาย ก็เริ่มมองหาวิธีหาตัวแทนมาช่วยขาย ซึ่งขณะนั้น ก็ยังไม่มีแบรนด์ของตัวเอง แต่เริ่มมีการขายผ่านตัวแทน การมีตัวแทนช่วยเพิ่มยอดขายแบบก้าวกระโดด จากเดือนละหลักร้อยก้อน เพิ่มเป็นหลักพันก้อน และหลายพันก้อน ต่อเดือน ซึ่งตอนนั้นทำไปด้วย เรียนไปด้วย ขายแบบนี้จนเรียนจบมหาวิทยาลัย ประมาณ 3 ปี มีเงินเก็บ ประมาณ 7 แสนบาท
ทั้งนี้ หลังจากเรียนจบ เพื่อนก็ไปทำงานประจำกัน เป็นพนักงานธนาคารบ้าง รับราชการบ้าง ซึ่งตอนนั้น คิดว่า ถ้าไปทำงานประจำ รายได้ก็คงจะไม่พอกับค่าใช้จ่ายของครอบครัว เพราะตอนขายของมีรายได้หลักหลายหมื่นบาท อยู่แล้ว ก็เลยตัดสินใจ เราคงจะไปทางนี้ โดยนำเงินที่มีอยู่ทั้งหมด ไปสั่งทำอาหารเสริม ภายใต้แบรนด์ของตัวเอง ชื่อว่า Wink White ด้วยเงินทุน 7 แสนบาท
"ตอนนั้น คิดว่า ถ้าขายไม่ได้ เงินที่เก็บมาทั้งหมด ก็คงจะลำบากแน่ แต่ครั้งนี้ โชคดีทีสินค้าขายดีมาก ขนาดได้ตัวแทนซึ่งเป็นคู่ค้าในประเทศอินโดนีเซีย เห็นว่าสินค้าของเรา ผ่านตัวแทนจำหน่ายของเราอีกหนึ่ง สุดท้ายก็ได้เจรจาการค้ากัน และ สินค้าของเราก็ได้เข้าไปทำตลาดในประเทศอินโดนีเซีย ปรากฎว่า ขายดีมาก แม้แต่ดารานักแสดงที่มีชื่อเสียงของอินโดนีเซีย ยังติดต่อมา เพื่อจะเป็นตัวแทนขาย และการที่ได้นักแสดงที่มีชื่อเสียงของอินโดนีเซียมาช่วยเป็นพรีเซนเตอร์ สินค้ายิ่งขายดีขึ้นไปอีก การทำธุรกิจกับอินโดนีเซียประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ขายอาหารเสริมได้มากกว่า 1 ล้านกล่อง มี รายได้มากถึง 400 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ เริ่มทำแบรนด์Wink White เพียง 1-2 ปี เท่านั้น ด้วยอายุตอนนั้น 25 ปี"
ปัจจุบันผ่านมา 7 ปี กับแบรนด์Wink White
ครั้งนี้ ถือว่า เป็นความท้าทายอีกครั้ง เพราะการแข่งขันในธุรกิจ ผู้ค้าอาหารเสริม และความงามทางออนไลน์ มีสูงมาก ซึ่ง “ขวัญชนก” ได้พูดถึงแผนการรับมือ ไว้หลายประเด็นน่าสนใจ ประเด็นแรก เนื่องจากสินค้าออนไลน์ เหมือนเป็นเทรนด์ เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ก็ต้องปรับตัวให้ทัน โดยการออกสินค้าใหม่ เทรนด์ปีหน้า เป็นเรื่องของเมคอัพ และเป็นการแตกไลน์เป็นผลิตภัณฑ์เมคอัพเป็นครั้งแรก
ในส่วนของแผนการตลาด ใช้กลยุทธ์ ราคา มัดใจผู้บริโภค และ มัดใจตัวแทนจำหน่ายด้วยการจัดโปรโมทชั่น ให้หนักกว่าเดิม เช่น ซื้อ กี่กล่อง จะได้ทอง อาจจะต้องจัดโปรให้หนักขึ้น มีทั้งแจกทอง หรือ แจกแพคเกจท่องเที่ยวต่างประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งที่ตัวแทนชื่นชอบ ซึ่งของWink White ขยายระยะเวลาการสั่งซื้อ เพราะตัวแทนบางคนอาจจะงบน้อย ค่อยสะสม ไม่ต้องซื้อครั้งเดียว เป็นต้น
ทั้งนี้ ยังได้จัดคอร์สอบรม โดยการนำผู้เชียวชาญ ที่มีความรู้ด้านการตลาดออนไลน์ มาอบรมให้กับตัวแทนจำหน่าย รับมือกับโลกออนไลน์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ต้องเติมความรู้ให้กับตัวแทนจำหน่ายอยู่เรื่อยๆ และรองรับตัวแทนใหม่ ที่อาจจะไม่รู้เทคนิคการขายออนไลน์ในยุคนี้
ส่วนแผนการลงงบโฆษณา ก็ยังคงเป็นเรื่องสำคัญ โดยในแต่ละปี วางงบโฆษณาไว้ปีละ 100 ล้านบาท ผ่านสื่อหลัก คือ ทางออนไลน์ เพราะเห็นผลชัดเจน ส่วนพรีเซนเตอร์ก็ยังคงให้ความสำคัญ แต่ปีหน้า ยังไม่ได้เลือกว่าใครจะมาเป็นพรีเซนเตอร์ ส่วนโฆษณาทีวี อาจจะลดน้อยลง เพราะไม่ค่อยเห็นผลมากนัก แต่มีไว้เพื่อ สร้างความเชื่อมั่นและแรงกระตุ้นให้กับตัวแทนจำหน่าย
สำหรับช่องทางการจัดจำหน่าย ปีหน้า มีแห่งการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน เพราะหันมารุกตลาดออฟไลน์ โดยเน้นการออกบูทมากขึ้น สัดส่วนการทำตลาดออฟไลน์เพิ่มเป็น 30% และลูกค้าหลัก ยังเป็นลูกค้าในกรุงเทพฯ 60% ที่เหลือเป็นภาคอีสาน ภาคตะวันออก และภาคใต้ ด้านตลาดส่งออก มีแผนบุกมากขึ้น และเพิ่มสัดส่วนการส่งออก ให้เป็น 20% เพราะหลังจากเสียตลาดอินโดนีเซีย ไปจากการที่มีคู่แข่งผู้ผลิตในประเทศของเขาที่เพิ่มมากขึ้น และโดนกีดกัน ทางการค้าจากรัฐบาลประเทศคู่ค้า ทำให้ต้องหันมามองตลาดในประเทศอื่นๆ มากขึ้น
“ขวัญชนก” บอกว่า มั่นใจว่า ปีหน้ายอดขายของเราจะเพิ่มขึ้นถึง 1,000 ล้านบาท เพราะทำตลาดเชิงรุกมากขึ้น บวกกับ มีแผนตั้งโรงงานผลิตเอง ขณะนี้ โรงงานเริ่มดำเนินการไปแล้ว ใช้เงินไปกว่า 40 ล้านบาท โดยเริ่มไลน์การผลิต เพียงบางชนิดเท่านั้น ปัจจุบัน มีสินค้าทั้งหมด 7 ไอเท็ม แบ่งเป็นสกินเคร์ 3 ชนิด และอาหารเสริม 4 ตัว
ติดตามเรื่องราวของสาวคนนี้ FB: WINK WHITE THAILAND
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEs ผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *