ผู้ที่หอบฝันมาจากเมืองนอก สานฝันตัวเองสำเร็จสร้าง “ไร่ภูแสงทอง” ผักสดอินทรีย์ วิถีอีสาน ไร่ออร์แกนิคมาตรฐานตามแบบฉบับ Organic Thailand ส่งขาย ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต อนาคตหวังเปิดฟาร์มเชิงท่องเที่ยว และให้ความรู้
คุณภานุพงศ์ เร่งรัดกิจ หรือคุณนุ เจ้าของไร่ภูแสงทอง จังหวัดชัยภูมิ เล่าว่า ก่อนหน้าที่จะมาทำไร่ภูแสงทอง ได้มีโอกาสไปเรียนเกี่ยวกับการเกษตร ที่ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา โดยมีคุณอาที่ทำงานอยู่ในซูเปอร์มาร์เก็ต แผนกของสด เมื่อ 10 ปีที่แล้ว คุณอาได้เล่าให้ฟังว่า กระแสรักสุขภาพกำลังมาแรง ผู้คนเริ่มตระหนักถึงอาหารที่ปลอดสาร และปลอดภัยต่อสุขภาพ และร่างกาย ตนจึงเริ่มสนใจ บวกกับตนเองมีความฝันที่อยากจะมีไร่เป็นของตัวเองอยู่แล้ว จึงตัดสินใจกลับมาทำตามความฝันของตัวเองอยู่ที่บ้านเกิด
หลังจากที่กลับมาที่ประเทศไทย จังหวัดชัยภูมิแล้ว เห็นที่ดินเปล่าของที่บ้านไม่ได้ใช้งาน จึงขอที่ดินตรงนั้นมาทำนา ปลูกข้าวอินทรีย์ เมื่อทำมาสักพักประสบปัญหา เพราะที่ดินตรงที่ได้มาเป็นที่เนินสูง ไม่เหมาะกับการทำนา หากช่วงที่ไม่มีน้ำก็จะทำให้น้ำไม่เพียงพอกับการปลูกข้าว จึงเริ่มไปศึกษาศาสตร์พระราชา โดยนำแนวคิดในการแบ่งที่ดินเป็นสัดส่วน เพื่อใช้ทำเกษตร หลังจากศึกษามาแล้วก็มาปรับใช้กับฟาร์มของตนเอง
ผลิตภัณฑ์ภายใน “ไร่ภูแสงทอง” ทั้งหมด ลูกค้าสามารถไว้วางใจได้ว่าจะได้สินค้าที่ดี และมีคุณภาพ และทำตามมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ตั้งแต่เริ่มต้นปลูกไม้ผล และนาข้าว และเมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา เริ่มปลูกผัก โดยผักที่ได้นำออกไปขายในหลายช่องทาง เช่น ออกบูทตามงานต่างๆ ทำให้เป็นที่รู้จักกันมากขึ้น แต่ด้วยความที่ คุณนุ ถนัดทางด้านเกษตรมากกว่าทางด้านธุรกิจ จึงไม่รู้วิธีในการขายมากนัก
ทั้งนี้ คุณนุ จึงใช้ความรู้ที่ทำการเกษตร ไปขอใบรับรองว่า “ไร่ภูแสงทอง” เพื่อเป็นการันตี ว่าผลิตภัณฑ์จากไร่ของเราเป็นเกษตรอินทรีย์จริง ไม่ได้แอบอ้างลอยๆ เหมือนกับรายอื่นๆ สร้างความไว้วางใจให้กับลูกค้าอีกทางหนึ่ง และจากใบรับรองที่ได้ ทำให้สามารถขยายตลาดเข้าไปในซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นน้ำ อย่าง ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต ให้ความสนใจและได้รับการติดต่อไปวางจำหน่าย ที่ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต ในจังหวัดขอนแก่น ส่วนช่องทางการขายอื่นๆ มีวางจำหน่ายประจำที่ “ไร่ภูแสงทอง” ที่ลูกค้าสามารถเข้าไปซื้อได้ทุกวัน
หลังจากที่ไร่ภูแสงทอง เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น ทำให้มีลูกค้าแวะเวียนมาหาซื้อผลผลิตการเกษตร และมาศึกษาดูงานที่หน้าฟาร์มมากขึ้น ก็เลยเปิดเป็นร้านกาแฟ เพื่อให้ลูกค้าได้เข้ามาพักผ่อน เมื่อเปิดมาสักพักก็มีลูกค้าถามหาอาหาร จึงเป็นร้านอาหารอยู่หน้าฟาร์ม โดยอาหารภายในร้านก็จะใช้ผักในฟาร์มมาปรุงเพื่อให้ลูกค้าได้รับประทานอาหารที่มาจาก ผักอินทรีย์ เมนูอาหารอีสานสไตล์ฟิวชั่น เมนูที่ลูกค้าชื่นชอบก็จะเป็นสลัด ที่มีหม่ำเป็นส่วนประกอบ
ในอนาคตวางแผน จะเปิดตลาดสีเขียวในพื้นที่ฟาร์ม โดยให้กลุ่มที่ปลูกผักอินทรีย์ในอำเภอมาตั้งร้านขาย รองรับลูกค้าที่ต้องการผักอินทรีย์ ได้มาเลือกซื้อ พร้อมกันนี้ มีแผนที่จะขยาย ร้านอาหารเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับลูกค้าที่เพิ่มขึ้นในอนาคต และยังมีแผนที่จะเปิดฟาร์มเชิงท่องเที่ยว เพื่อให้นักท่องเที่ยวมาศึกษาวิธีการปลูกแบบอินทรีย์
และตอนนี้กำลังยื่นขอสินเชื่อ วงเงิน 1 ล้านบาทจาก ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือ SME Development Bank ผ่านบริการของ “ทีมหน่วยรถม้าเติมทุน ส่งเสริมSMEsไทย ฉับไวไปถึงถิ่น” ที่ลงพื้นที่ไปตรวจเยี่ยมกิจการ เพื่อมาต่อยอดในการวางแผนเพิ่มการท่องเที่ยวเชิงเกษตร เพิ่มพื้นที่การผลิต เนื่องจากเป็นลูกค้าเก่าตั้งแต่ยังเป็นผู้ประกอบการหน้าใหม่ ได้วงเงิน 2 แสนบาท ใช้เป็นเงินหมุนเวียน และซื้อเครื่องจักรมาใช้ใน “ไร่ภูแสงทอง” จึงอยากขอยื่นสินเชื่อเพิ่ม ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการเตรียมเอกสาร
สนใจติดต่อ . 08-4601-5923เฟซบุ๊ก : ไร่ภูแสงทอง
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *