เอสเอ็มอี ชิปปิ้ง มาแรง ตอบโจทย์ครอบคลุมเรื่องการขนส่งไปทั่วโลก ขายความสะดวก รวดเร็ว ต้นทุนต่ำ ช่วยเพิ่มกำไร พร้อมดูแลงานเอกสาร ภาษีศุลกากรแต่ละประเทศไปแล้วกว่า 200 ประเทศทั่วโลก เร่งสยายปีกเจาะกลุ่มลูกค้าสตาร์ทอัพเต็มพิกัด หวังปลดล็อกธุรกิจเอสเอ็มอี และสตาร์ทอัพ ครอบคลุมทั้งขนส่งทางอากาศ ทางเรือ และทางบกชูยุทธศาสตร์หลัก Big data SME Shipping 4.0 ผนึกพันธมิตร DHL, FEDEX, TNT ประกาศกร้าวสู่ผู้นำตลาดขนส่งและลอจิสติกส์ไทย
นายธวิทย์ เรืองรองปัญญา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเอ็มอีชิปปิ้ง จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจด้านลอจิสติกส์และการขนส่ง เปิดเผยถึงแผนรุกตลาดท่ามการแข่งขัน ว่าได้มุ่งเน้นการบริการที่เรียกว่า SME EXPRESS รวดเร็ว ลดต้นทุน ราคาประหยัด ที่มีให้เลือกทั้ง Express Premium และ Express PLUS ตอบโจทย์เรื่องขนส่งให้ง่าย นอกจากนี้ยังมีบริการ SME Airmail ส่งสินค้าย่อยไม่เกิน 2 กิโลกรัม เพื่อผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซ โดยมีจุดเด่นเรื่องราคาถูก ปลอดภัย และขนส่งตรงเวลา
ทั้งนี้ ในส่วนของไตรมาสสุดท้ายของปีนี้จะเน้นเทคโนโลยีด้านดิจิทัล หรือแนวนโยบาย 4.0 เข้ามาใช้ในการพัฒนาระบบการขนส่ง เพื่อเพิ่มความสะดวก รวดเร็วในการรับบริการ หวังเพิ่มความมั่นใจในสินค้าที่จัดส่งไปถึงปลายทางตรงเวลาและปลอดภัย รวมถึงการบริหารต้นทุนต่ำ ภายใต้แนวนโยบาย BIG DATA SME SHIPPING 4.0 โดยได้พัฒนาและบริการผ่านระบบ LINE : @SHIPPING , FACEBOOK : SME SHIPPING, WEBSITE : HTTP://WWW.SMESHIPPING.COM และ IG : SHIPPINGSERVICE
“ลูกค้าสามารถกดคลิกเข้ารับการบริการได้ทันที มีเจ้าหน้าที่ไปรับสินค้าถึงหน้าบ้าน พร้อมรับสิทธิ์สะสมพอยต์ ยิ่งสะสมมากยิ่งได้ส่วนลดแลกรับของสมนาคุณของแถมมากมาย นอกจากนี้ยังจะได้รับข่าวสารต่างๆ เกี่ยวกับระบบการขนส่ง เทคนิคการบริหารต้นทุนการขนส่ง ทำอย่างไรให้ต้นทุนต่ำ และเทคนิควิธีการด้านการส่งออก เรื่องระบบ แทร็กกิ้ง และภาษีศุลกากรนำเข้าสินค้าในแต่ละประเทศ ซึ่งตรงจุดนี้ลูกค้าสามารถใช้โปรแกรมคำนวณค่าสินค้า น้ำหนัก เวลาคำนวณเวลาการจัดส่งถึงปลายทางได้ตลอด 24 ชั่วโมงอีกด้วย”
นายธวิทย์ยังกล่าวอีกว่า ผู้เริ่มต้นธุรกิจในกลุ่มสตาร์ทอัพ ทางเอสเอ็มอีชิปปิ้งยังให้คำปรึกษาด้านต่างๆ ในทุกเรื่องเกี่ยวกับขนส่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบริหารต้นทุนการจัดส่งอย่างไรให้ต้นทุนต่ำ สินค้าที่ความปลอดภัย ส่งถึงที่ปลายทางตรงเวลา เป็นต้น ขณะที่ในส่วนของช่องทางบิ๊กดาต้า ทางเอสเอ็มอีชิปปิ้ง นอกจากจะเก็บข้อมูลลูกค้าในการจัดส่งแล้ว ยังมีการแบ่งลูกค้าแต่ละกลุ่มเพื่อการบริการที่ตรงใจและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ตรงจัด พร้อมเชื่อมโยงทางธุรกิจที่เป็นประโยชน์รวมถึงข้อมูลข่าวสารไปให้ด้วย ซึ่งแนวทางนี้ตอบโจทย์ผู้ประกอบการยุคใหม่ ที่ส่วนใหญ่จะขายสินค้าออนไลน์ผ่านมาร์เก็ตเพลส ต่างๆ อาทิ อีเบย์ อาลีบาบา อะเมซอน หรือแม้กระทั่งเฟซบุ๊ก ไอจีต่างๆ ล้วนต้องใช้ความคล่องตัว ความรวดเร็ว
สำหรับการบริการเอสเอ็มอีชิปปิ้ง แบ่งเป็น 4 รูปแบบ คือ 1. ส่งสินค้าด่วน (SME EXPRESS) ส่งสินค้าถึงมือผู้รับ 1-2 วัน 2. ส่งแบบธรรมดา ไม่ลงทะเบียน ใช้เวลา 2-3 สัปดาห์ 3. ส่งสินค้าในปริมาณมากตั้งแต่น้ำหนัก100 กิโลกรัมขึ้นไป ส่งผ่านตู้คอนเทนเนอร์ 30-60 วัน 4. นำสินค้าเข้าจากต่างประเทศ
“เราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการขนส่งสินค้า ทั้งในไทยและต่างประเทศกว่า 200 ประเทศทั่วโลก ผ่านบริษัทขนส่งชั้นนำ เช่น DHL EXPRESS, FEDEX EXPRESS และ TNT EXPRESS ซึ่งปัจจุบันมีกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการทางธุรกิจที่ใช้ขนส่งกับเรากว่า 600 ราย และมาใช้บริการซ้ำและต่อเนื่อง เนื่องจากเรามีจุดแข็งเรื่องความสะดวก รวดเร็ว ตรวจสอบได้ ปลอดภัย และยังช่วยลดต้นทุนการส่งสินค้ากว่า 20% นอกจากนี้ยังช่วยดําเนินการด้านศุลกากร, การแพกสินค้า ภายใต้สโลแกน “มั่นใจได้ สบายกว่า กำไรเพิ่ม” และด้วยเหตุผล 4 ประการนี้ ผมจึงมั่นใจว่าเอสเอ็มอี ชิปปิ้งยังสามารถครองใจลูกค้าเดิมอยู่ ในขณะลูกค้าใหม่ก็มาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง เพราะเอสเอ็มอี ชิปปิ้ง ไม่เคยหยุดอยู่กับที่ เรายังมีการปรับกลยุทธ์ด้านการบริการอยู่ตลอดเวลา ให้ทันสมัย สอดรับกับเทรนด์ใหม่ๆ ในตลาด เพื่อตอบรับทุกความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มเป็นอย่างดีและครบวงจร” นายธวิทย์กล่าวทิ้งท้าย
