xs
xsm
sm
md
lg

“ครามสกล” ผ้าย้อมครามแดนปลาแดก ดังไกลสร้างชื่อในแดนปลาดิบ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

คุณสกุณา สาระนันท์  เจ้าของ ผ้าย้อมคราม แบรนด์ ครามสกล
ครามสกล (Kramsakon) ชื่อนี้ รู้จักกันดีในแวดวงของผ้าย้อมคราม จังหวัดสกลนคร ด้วย คุณภาพที่โดดเด่น อันเป็นเอกลักษณ์ของผ้าย้อมครามสกลนคร ทำให้ผลิตภัณฑ์จากครามสกล เป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในประเทศ และต่างประเทศ

ที่มาของครามสกล เกิดขึ้นมาจากเมื่อ 10ปี (2556) ก่อนหน้านี้ “คุณสกุณา สาระนันท์” เข้าไปร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าย้อมครามร่วมกับชุมชนในจังหวัดสกลนคร ภายใต้การสนับสนุนของ หน่วยงานภาครัฐ หลังจากนั้น “คุณสกุณา” ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของผ้าย้อมคราม ซึ่งเป็นสินค้าทางวัฒนธรรม เป็นของที่มีคุณค่า ทำให้เกิดแนวคิดอยากแปลง วัฒนธรรมนี้ให้เป็นสินค้า ยกระดับงานในชุมชนออกสู่สากล เพื่อสร้างงานสร้างรายได้เข้าสู่ชุมชน หากผู้คนในชุมชน สามารถแปลงวัฒนธรรมให้เป็นเงิน หล่อเลี้ยงผู้คนในชุมชนได้ วัฒนธรรมนั้นก็จะคงอยู่คู่ชุมชนนั้นได้อย่างยั่งยืน



หลายคนคงจะมีคำถามว่า ทำไมต้องเป็น ครามของจังหวัดสกลนคร ทั้งที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีการปลูกคราม และทำผ้าย้อมครามกันหลายจังหวัดคุณสกุณา” บอก เหตุผลว่า จังหวัดสกลนคร ในวันนี้ เป็นจังหวัดที่มีศักยภาพในการผลิตผ้าย้อมครามทั้งในคุณภาพและปริมาณ จังหวัดสกลนครมีไลน์ผลิตชุมชนที่ใหญ่มาก การปลูกครามและการย้อมและทอผ้าครามมีกระจายอยู่เต็มพื้นที่ทั่วสกลนคร กรรมวิธีการผลิตเป็นภูมิปัญญาที่ถ่ายทอดกันมาหลายชั่วอายุคน

เริ่มตั้งแต่การเก็บเกี่ยวครามที่ถูกต้องจะต้องทำอย่างไร จึงจะได้น้ำครามที่มีคุณภาพ นอกเหนือจากการมีวัตถุดิบที่ดีแล้ว กรรมวิธีการก่อหม้อย้อมครามซึ่งเป็นสูตรเฉพาะเป็นภูมิปัญญาที่ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น การย้อมที่นี่เป็นการย้อมเย็น ไม่ใช้เคมีไม่ใช้ความร้อน วัสดุที่ใช้ล้วนเป็นของที่หาได้ในท้องถิ่น แต่ละชุมชนก็จะมีสูตรในการย้อมที่แตกต่างกันไป แม้แต่ชนิดของไม้ที่ใช้ในการทำขี้เถ้าเพื่อใส่ในการปรุงหม้อก็ล้วนแต่มีผลต่อสีย้อมที่ได้ แต่ละสูตรก็ให้คุณภาพของน้ำย้อมที่แตกต่างกันไป



อย่างไรก็ตาม ทางครามสกลได้เปิดเป็นแหล่งเรียนรู้ เวิร์กชอปการทำผ้าย้อมคราม ซึ่งเปิดสอนทุกวัน โดยผู้สนใจจะต้องแจ้งล่วงหน้าเพียง 1 วัน ก็จะได้ร่วมเรียนรู้ไปกับเรา ไม่ว่าจะเป็น การมัด หรือ ย้อม ทุกคนจะได้ออกแบบและทำด้วยตัวเอง ทำให้แต่ละชิ้นงานออกมาไม่เหมือนกัน ทุกคนก็จะได้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นหนึ่งเดียว ซึ่งเป็นฝีมือของตนเองกลับไปด้วย ผ้าที่ใช้ย้อมส่วนใหญ่ก็จะเป็นผ้าที่มาจากธรรมชาติ เช่นฝ้าย ลินิน กันชง รวมถึงไหม ก็สามารถนำมาย้อมครามได้ดี

การย้อมครามเป็นการบรรจุเม็ดสีครามเข้าสู่ภายในเส้นใย ดังนั้นเส้นใยที่นำมาย้อมจะต้องเป็นเส้นใยที่มีรูพรุนเล็กๆเพื่อให้เม็ดสีครามแทรกเข้าไปได้ อีกทั้งส่วนผสมจากน้ำต้มใบไม้ชนิดต่างๆจะทำให้สีครามติดเส้นใยได้ดีขึ้น หลังจากขบวนการย้อมสิ้นสุดลง ผ้าที่ได้จะสีไม่ตก สีติดทนนาน ผ้าที่ย้อมด้วยครามธรรมชาติจะมีคุณสมบัติป้องกันแสงยูวี ยับยั้งแบคทีเรีย ทำให้ผู้สวมใส่รู้สึกสบายผิว และลดการเกิดกลิ่นอับชื้นได้ดี



คุณสกุณา เล่าว่า สำหรับการย้อมคราม ภายใต้แบรนด์ ครามสกล (Kramsakon) ถือกำเนิดมาได้ประมาณ 6 ปี ผลิตภัณฑ์ของเราไม่โดดเด่นเรื่องของดีไซน์ แต่เน้นคุณภาพของวัตถุดิบที่ดี การออกแบบเหมาะสม ในแบบที่ควรจะเป็น เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่เข้าใจแก่นแท้ ความเป็นครามตามธรรมชาติ ซึ่งในอดีตไม่ได้มีมากนักในกลุ่มลูกค้าคนไทย แต่เมื่อเวลาผ่านไปเรื่องราวของ การย้อมครามได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ และเกิดการกระตุ้นให้คนไทยหันมาสนใจเรื่องของสิ่งแวดล้อม เป็นแรงส่งที่ทำให้ ผ้าย้อมครามได้รับอานิสงส์

จนทุกวันนี้ จากผู้ประกอบการเพียงไม่กี่ราย ที่ทำผ้าย้อมคราม ปัจจุบัน มีผู้ประกอบการหันมาทำผ้าย้อมครามเฉพาะใน จังหวัดสกลนคร นับเป็นร้อยราย ผู้ประกอบการที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้สินค้าที่เกิดจากผ้าย้อมคราม มีความหลากหลายมากขึ้น ถือว่า เป็นนิมิตรหมายที่ดี เพราะถ้ามีผู้ประกอบการมาทำเยอะขึ้น ความต้องการครามก็เยอะขึ้น เกษตรกรชาวบ้าน มีแหล่งจำหน่ายครามมากขึ้น



การตื่นตัวเรื่องผ้าย้อมครามเกิดขึ้นในช่วงปี พ.ศ.2557 แต่ขยายตัวมากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ผ้าย้อมครามได้รับการตอบรับจากตลาดทั้งในและต่างประเทศ ความนิยมเกิดจากหลายๆปัจจัย ครามมีเรื่องราวทางวัฒนธรรมที่น่าสนใจ เป็นสินค้ากลุ่มรักษ์สิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ โทนสีน้ำเงินคราม เป็นโทนสีที่เข้าถึงง่าย อยู่ในเทรนด์ของแฟชั่นมาตลอดไม่เคยตกยุคสมัย อยู่ในความนิยมมาโดยตลอด”

วันนี้ผลิตภัณฑ์ของครามสกลก็นำไปวางขายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และตามโรงแรมต่างๆที่รับของเราไปวางจำหน่าย ทั้งนี้ส่วนการเข้าไปทำตลาดญี่ปุ่น เกิดจากการที่เราได้มีโอกาสทำตลาดร่วมกับหน่วยงานภาครัฐไปออกบูธทั้งในและต่างประเทศ ทำให้มีคนรู้จักครามสกลมากขึ้นและนั่นก็เป็นที่มาของลูกค้าญี่ปุ่น คนญี่ปุ่นมีความเข้าใจและเห็นคุณค่าของสินค้าจากธรรมชาติเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว โดยเฉพาะสีน้ำเงินจากพืชซึ่งเขาจะรู้จักในนาม อินดิโก้ นับเป็นสิ่งที่คนญี่ปุ่นคุ้นเคยมาก่อน



กว่าจะมาเป็นครามสกล ในวันนี้ “คุณสกุณา” บอกว่า ใช้เวลาในการทุ่มเทมากกว่า 10 ปี ในการพัฒนาผ้าย้อมคราม ร่วมกับชุมชน เพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์จาก ภูมิปัญญาชาวบ้านสู่มาตรฐานสากล โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะเป็นอีกช่องทางในการนำผลิตภัณฑ์ผ้าย้อมครามธรรมชาติมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องแต่งกาย ของตกแต่งบ้าน และผลิตภัณฑ์อื่นๆ เพื่อให้เข้าถึงความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน



ตอนแรกตั้งใจว่าจะหยิบผ้าครามสกลขึ้นมาทำการตลาด ทำให้คนรู้จักสินค้าพื้นเมืองของจังหวัดสกลนครเท่านั้น แต่เมื่อลองศึกษาตลาดไป พบว่าตลาดผ้าย้อมครามยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสนใจสินค้าจากธรรมชาติมากขึ้น ดังนั้นจึงเริ่มนำผ้าย้อมครามมาแปรรูปเป็นสินค้าต่าง ๆ สร้างความหลากหลาย ซึ่งก็ได้รับผลตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคและนักท่องเที่ยวที่มาจังหวัดสกลนคร มาจนถึงทุกวันนี้ และความตั้งใจต่อไป คือ ทำอย่างไร ให้ผ้าย้อมครามสกลนคร เป็นที่รู้จักในเวทีระดับโลกต่อไป



ปัจจุบัน ในกระบวนการผลิต ของครามสกล ไม่ได้เพียงแค่ภูมิปัญญาชาวบ้าน ที่ยังคงอนุรักษ์เอาไว้ แต่เขายังได้นำกระบวนการผลิต ด้านนวัตกรรม เข้ามาช่วย เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ที่ออกมามีความโดดเด่น และคุณภาพที่ดีขึ้น รองรับการขยายตลาดไปต่างประเทศในอนาคตอันใกล้นี้ พร้อมกันนี้ ทางครามสกล ยังได้รับการสนับสนุนด้านสินเชื่อ จากธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว. หรือ SME Development Bank) ในวงเงิน 2 ล้านบาท โดยใช้สินเชื่อ เพื่อSME บัญชีเดียว 1 ล้านบาท และสินเชื่อเพื่อการท่องเที่ยว วงเงิน 1 ล้านบาท

สนใจ โทร. 08-0582-6655 fb:ครามสกล Kramsakon
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEs ผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *


กำลังโหลดความคิดเห็น