“แอนต์ ไฟแนนเชียล” มดใจดีส่งเสริมเทคโนโลยีบล็อกเชน

แอนต์ ไฟแนนเชียล บริษัทบริการการเงินในเครืออาลีบาบา เปิดตัวแพล็ตฟอร์ม blockchainBaaS (Backend-as-a-Service) พร้อมโปรแกรมหุ้นส่วนบล็อกเชนที่จะช่วยให้ธุรกิจขนาดกลางและเล็กสามารถคิดค้นโซลูชันบล็อกเชนใหม่ๆ และนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์อย่างกว้างขวาง

เจียง กุ้ยเฟย รองประธานแอนต์ ไฟแนนเชียล ประกาศข่าวนี้เมื่อวันที่ 20 กันยายนในงานแอนต์ เทคโนโลยี เอ็กซ์พลอเรชัน คอนเฟอเรนซ์ (ATEC) ที่หางโจว โดยบอกว่า แพล็ตฟอร์ม BaaS และโปรแกรมหุ้นส่วนบล็อกเชนมีจุดประสงค์เพื่อเปิดโอกาสให้สาธารณชน รวมทั้งภาคธุรกิจ เข้าถึงเทคโนโลยีบล็อกเชนที่แอนต์คิดค้นขึ้นมา

เขาสำทับว่า ช่วง 2 ปีมานี้ แอนต์โฟกัสบล็อกเชนในสองด้านคือ การปรับปรุงและการเผยแพร่เทคโนโลยีนี้เพื่อส่งเสริมการใช้แอปพลิเคชันบล็อกเชนเชิงพาณิชย์

ส่วนหนึ่งของความพยายามนี้คือการทดสอบการโอนเงินระหว่างประเทศผ่านบล็อกเชนเป็นครั้งแรกของบริษัทเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยใช้กระเป๋าสตางค์อิเล็กทรอนิกส์ที่ทำงานบนบล็อกเชนเพื่อจัดการการโอนเงินข้ามพรมแดน โครงการนำร่องนี้สาธิตการโอนเงินระหว่างอาลีเพย์เอชเค หรือแอปชำระเงินทางมือถือยอดนิยมของแอนต์ “อาลีเพย์” เวอร์ชันฮ่องกง กับ “จีแคช” แอปจ่ายเงินบนมือถือของฟิลิปปินส์

แอนต์ยังเปิดตัวบริการเรียกเก็บเงินค่ารักษาพยาบาลออนไลน์บนบล็อกเชนในมณฑลเจ้อเจียง ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในจีน และร่วมกับโรงพยาบาลเซี่ยงไฮ้ หัวซานเผยโฉมใบสั่งยาระบบอิเล็กทรอนิกส์บนบล็อกเชนเป็นครั้งแรกในแดนมังกรเช่นเดียวกัน

ย้อนกลับไปเมื่อสองปีที่แล้ว แอนต์นำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ในการปรับปรุงความน่าเชื่อถือในการทำงานร่วมกับสถาบันการกุศลในจีน รวมทั้งเดินหน้าว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญในเทคโนโลยีนี้ขนานใหญ่ในปีต่อมา

นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า แอนต์มีแผนใช้โปรแกรมป้องกันความเสี่ยงเพื่อให้ความรู้ผู้ใช้เกี่ยวกับอันตรายของ “การโฆษณาชวนเชื่อ” ที่เกี่ยวข้องกับคริปโตปลอม

เจียงบอกว่า แอนต์ให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ของผู้บริโภคและความต้องการของสังคมเป็นหลักระหว่างพิจารณาเรื่องการนำโครงการบล็อกเชนมาใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์

แจ็ค หม่า ผู้ก่อตั้งอาลีบาบาซึ่งเป็นเจ้าของแอนต์ ส่งสัญญาณว่า อาลีเพย์จะกระโจนลงเล่นในวงการบล็อกเชนเต็มตัวมากขึ้น และเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แอนต์เพิ่งระดมทุนได้ 14,000 ล้านดอลลาร์สำหรับการพัฒนาเทคโนโลยีนี้

ขณะเดียวกัน ข้อมูลจากไอพีอาร์ เดลี่ที่เผยแพร่เมื่อปลายเดือนสิงหาคมระบุว่า อาลีบาบาติดอันดับผู้ขอสิทธิบัตรเกี่ยวกับบล็อกเชนมากที่สุดของโลก โดยสิทธิบัตรของอาลีบาบาที่คิดเป็น 10% ของสิทธิบัตรบล็อกเชนทั่วโลกนั้นโฟกัสที่กลไกฉันทามติ สัญญาอัจฉริยะ การประมวลผลที่วางใจได้ และการปกป้องความเป็นส่วนตัว ฯลฯ

กระนั้น ในงานเวิลด์ อาร์ทิฟิเชียล อินเทลลิเจนซ์ คอนเฟอเรนซ์ในจีนในช่วงกลางเดือนกันยายน หม่า ผู้ประกอบการขั้นเทพที่เตรียมวางมือจากอาลีบาบาในปีหน้า บอกว่า ยุคแห่งข้อมูลเป็นโอกาสสำคัญที่ผู้ผลิตจะปฏิวัติเทคโนโลยี แต่ทว่า บล็อกเชน ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Internet of Things (IoT) จะไร้ความหมายโดยสิ้นเชิงถ้าไม่สามารถส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมการผลิต และวิวัฒนาการของสังคมไปสู่ทิศทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและรวมผู้คนจากทุกกลุ่มเข้าด้วยกัน