มันไส้แตก พอเอ่ยชื่อนี้ รู้สึกคุ้น เพราะที่ผ่านมา เราเคยนำเสนอ เรื่องราวของกล้วยปิ้งไส้แตก แต่ครั้งนี้ เป็นไอเดียใหม่ของ “คุณ บุญจิรา กุยอ่อน” ได้นำเมนูมันปิ้ง มาผ่าและยัดไส้ ได้ออกมาเป็น มันไส้แตก... ที่หน้าตาคล้ายกับกล้วยปิ้งไส้แตกนั่นเอง
คุณบุญจิรา เล่าว่า เธอได้เริ่มขายมันไส้แตก มาได้ประมาณ 8 เดือน ซึ่งไอเดียนี้มาจากตนเองชอบกินมันปิ้ง แต่มันปิ้งย่างที่ขายทั่วไป รสชาติ จะจืด ตอนนั้นได้คิดว่า ลองทำสูตรน้ำปรุงรส ช่วยเพิ่มรสชาติให้กับมันปิ้ง ลองหาวิธีอยู่ได้สักระยะหนึ่ง ก็ได้สูตรน้ำปรุงที่ช่วยเสริมให้มันปิ้ง ที่มีความหวานตามธรรมชาติมีรสชาติมากขึ้้น
ส่วนน้ำปรุงรสมีส่วนผสมอะไรบ้าง คุณบุญจิรา บอกว่า เธอไม่ได้ใส่อะไรที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่ด้วยความลับจึงบอกทั้งหมดไม่ได้ บอกได้แค่ว่า ใส่ กะทิ อัญชัน น้ำตาล ทุกอย่างไม่มีอะไรที่เป็นอันตราย แต่เป็นสูตรลับที่ไม่สามารถบอกได้ว่า ใส่อะไร และใส่เท่าไหร่บ้าง เธอบอกเพียงว่า ทุกคนก็สามารถหาวิธีทำน้ำปรุงรสที่ใส่ในมันปิ้งได้เหมือนกับเธอ หรืออาจจะอร่อยกว่า เพราะไม่ได้ยุ่งยากอะไร เพียงแต่ ต้องใช้วัตถุดิบที่สดใหม่ ทุกวัน
สำหรับการทำมันไส้แตก คือ การนำมัน ซึ่ง คุณบุญจิรา เลือกใช้มัน 3 ชนิด คือ มันม่วง มันแครอท และมันเหลือง เพราะมีรสชาติที่ดี ส่วนมันขาว นั้นใช้ไม่ได้ เพราะปิ้งแล้วเนื้อเหมือนไม่สุก โดยครั้งแรกที่เริ่มขายได้ไปซื้อมันจากตลาดทั่วไปมาขาย ปรากฏว่า ซื้อมา 100 กิโลใช้ได้เพียง 20-30 กิโลกรัมเท่านั้น ที่เหลือเสียเป็นแมง หลังจากนั้น เริ่มหาแหล่งขายมันใหม่ โดยได้แหล่งซื้อมันแห่งใหม่ จากจังหวัดราชบุรี เป็นมันคุณภาพเกรด เอ ไม่มีเสียเป็นแมงเลย จะมีส่วนที่เราคัดออกบ้าง เป็นมันที่หัวไม่สวย ก็นำมาทำเป็นมันเชื่อม ขายถุงละ 30 บาท ซึ่งขายหมดทุกวันเช่นกัน เรียกว่าใช้ประโยชน์ได้ทุกอย่าง ไม่มีทิ้ง เหมือนเดิมทำให้กำไรมากขึ้น ซึ่งแต่ละสัปดาห์ต้องใช้มันประมาณ 400-500 กิโลกรัม ทางผู้ขายก็จะส่งมันให้สัปดาห์ละ 1 ครั้ง
หลังจากได้มันคุณภาพดี แล้ว ตอนแรก ยังขายแบบมันปิ้ง ที่มีน้ำปรุง ยังไม่ได้ใส่ไส้ แต่พอผ่านมาระยะหนึ่ง ลองนำขนมหวาน อย่างฝอยทอง และข้าวเหนียว และมะพร้าวอ่อน และเผือกกวน มาใส่เป็นไส้ ปรากฏว่า ขายดีกว่าเดิม เพราะมันปิ้งกับไส้และน้ำปรุงของเรา มันไปด้วยกันได้ดี ปัจจุบันมีไส้ให้เลือกถึง 12 ไส้ แต่ไม่ใช่ทุกวันทำทั้ง 12 ไส้ ใช้วิธีการทำวนกันไป วันหนึ่งมี 4-5 ไส้ ที่ไม่ทำทุกไส้ เพราะต้องทำไส้ใหม่ทุกวัน และทำกันเองภายในครอบครัว กับลูกสาว เท่านั้น เป็นกิจการเล็กในครอบครัว
ส่วน ไส้ทั้ง 12 ไส้ ประกอบด้วย ไส้ฝอยทองเหลือง, ฝอยทองหยก,ข้าวเหนียว มีหลายอย่าง เช่น ข้าวเหนียวใบเตย ,แตงโม ,แคนตาลูป,อัญชัน เป็นต้น และยังไส้เผือกกวน ไส้ข้าวโพด ลูกตาล ฟักทอง และไส้มะพร้าว เป็นไส้ยอดนิยม เพราะใช้มะพร้าวน้ำหอม แต่ละวันต้องสั่งมะพร้าวน้ำหอมไม่น้อยกว่า 30 ลูก
คุณบุญจิรา เล่าให้ฟังว่า เธอและลูกสาวต้องตื่นตั้งแต่ตี 3 เพื่อเตรียมไส้ และน้ำปรุง เพราะต้องการที่จะให้ลูกค้าได้ของที่สดใหม่ทุกวัน เพราะมันไส้แตก ไม่ได้อร่อยแค่มัน และน้ำปรุง ที่ปิ้งและทำใหม่ ตัวไส้ก็ต้องทำใหม่ จึงจะไปด้วยกันได้ และอร่อยถูกใจลูกค้า ซึ่งร้านมันไส้แตกของเรา จะขายแบบชั่งน้ำหนัก เพราะมันแต่ละหัวไม่เท่ากัน ก็เลยใช้วิธีการชั่งน้ำหนัก โดยเราขายในราคากิโลกรัมละ 100 บาท (ลูกค้าไม่ต้องซื้อเป็นกิโล ซื้อเป็นขีดๆละ 10 บาทได้เช่นกัน) ซึ่งการชั่งน้ำหนักของเรา เป็นการชั่งรวมไส้ด้วย และลูกค้าสามารถเลือกไส้กี่ไส้ก็ได้ตามต้องการ
ทั้งนี้ ยอดขายแต่ละวัน คุณบุญจิรา เธอบอกว่า ขายแค่มันหมด คือ ตั้งไว้ที่ 30-40 กิโลกรัม เท่านั้น หมดเมื่อไหร่ก็เลิกขาย ซึ่งแต่ละวันขายจะหมดไม่เกินเที่ยงอย่างช้า บ่ายโมง ที่ขาย เท่านี้ เพราะเราทำเป็นอาชีพเสริม อาชีพหลักของครอบครัว คือ การติดตั้งจานดาวเทียม ดังนั้น ช่วงบ่าย ลูกสาว และลูกเขย ผู้ช่วย รวมถึงตนเอง ก็จะต้องออกไปติดจานดาวเทียม ให้ลูกค้า ก็เลยตั้งใจจะขายเพียงเท่านี้
คุณบุญจิรา ยังบอกอีกว่า เดิมเช่า หน้าร้านในตลาด ค่าเช่า เดือนละ 3,000 บาท แต่พอช่วงเหตุการณ์ ค้นหาเด็กที่หายในถ้ำหลวงนางนอน จังหวัดเชียงราย รู้สึกสงสารเด็ก ก็เลยบอกไปว่า ถ้าค้นหาเด็กเจอจะแจกมันปิ้งให้กินกันฟรี 100 กิโลกรัม ตอนนั้นทำแจกหน้าบ้าน พอแจกให้คนทั่วไปได้กิน หลายคนชื่นชอบ และบอกว่า อร่อยขนาดนี้ ไม่ต้องไปขายในตลาด ขายหน้าบ้านเนี่ยแหละ เดียวมาซื้อเอง ทุกวันนี้ ก็เลยขายหน้าบ้าน ซึ่งเป็นร้านติดจานดาวเทียม
สำหรับที่ตั้งของร้านมันไส้แตก ป้าน้อง อยู่ที่ ตำบลลำพยา อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม สนใจโทร. 08-4107-0312
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEs ผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *