เพราะความอร่อยจริง แถมยังมีอายุอยู่ได้นาน หากเก็บรักษาดีๆ ทั้งที่ไม่ใส่วัตถุกันเสีย ทำให้ ข้าวต้มมัดเนินขุมทอง ของ บุลภร บุญสุวรรณ์ เป็นที่กล่าวขวัญในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เธอไม่เพียงสืบทอดสูตรขนมไทยแสนอร่อยของคุณยาย แต่ยังสร้างสรรค์ไส้ใหม่ๆ ให้กับข้าวต้มมัด เอาใจผู้บริโภคยุคนี้ที่ต้องการทางเลือกใหม่ๆ ที่หลากหลาย
บุลภรเล่าว่า จุดกำเนิดของกิจการความอร่อยมิได้เริ่มต้นด้วยของหวานอย่างขนมไทย หากแต่เป็นร้านข้าวแกงและขนมจีนของครอบครัว ที่ตั้งขายอยู่หน้าอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา มาตั้งแต่สมัยรุ่นคุณยาย ต่อมาได้ขยายหน้าร้านมาที่ถนนทางเข้าสนามบินหาดใหญ่ (ถนนสนามบิน-หาดใหญ่) ชื่อว่า ร้านเรือนขุมทองการ์เด้น รองรับลูกค้านักเดินทางที่แวะมารับประทานอาหารจำนวนมาก เธอสังเกตว่าลูกค้าทานคาวแล้ว ควรมีของหวานตบท้ายมื้อด้วย ทายาทรุ่นที่ 3 จึงคิดรื้อฟื้นสูตรขนมไทยโบราณของคุณยายมาทำเงินในสมัยนี้อีกที
"เดิมเราทำขนมจาก แต่ทำไปสักระยะ ใบจากเริ่มหายาก เลยหันมาทำข้าวต้มมัดแทน ความโดดเด่นของข้าวต้มมัดเนินขุมทองอยู่ที่ 'ความอร่อย' ด้วยวัตถุดิบที่เลือกใช้ ส่วนผสมที่ลงตัวพอดี ความใส่ใจในกระบวนการผลิตอย่างละเอียดทุกขั้นตอน ข้าวเหนียวที่ไม่แฉะ ความสุกของกะทิ ความสะอาดของใบตอง การใช้ไฟแรงและนึ่งยาว นี่เป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ข้าวต้มมัดของเราอร่อย และมีอายุอยู่ได้นานกว่าข้าวต้มมัดทั่วไป แน่นอนว่าต้นทุนย่อมสูงตามไปด้วย แต่เราอาศัยการขายปริมาณมากๆ แทน"
ความอร่อยอย่างเดียวอาจดึงดูดใจลูกค้าไม่มากเพียงพอ ต้องรู้จักสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ด้วย จึงจะช่วยเพิ่มรายได้มหาศาล ด้วยเข้าใจความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว นอกจากข้าวต้มมัดไส้กล้วย บุลภรยังได้ลองผิดลองถูก พัฒนาข้าวต้มมัดเนินขุมทองด้วยไอเดียใหม่ๆ เช่น ใช้ทั้งข้าวเหนียวขาว และข้าวเหนียวดำในการผลิต ขณะที่ตัวไส้นั้นได้รับการพัฒนาให้มีหลากหลายไส้ ทั้งแบบคาว ได้แก่ ไส้กุ้งมะพร้าว ไส้ไก่เห็ดหอม ไส้คั่วกลิ้งไก่ และแบบหวาน ได้แก่ ไส้เผือก ไส้ถั่วกวนไข่เค็ม ไส้ถั่วกวนใบเตย รวมทั้งไส้ผลไม้ตามฤดูกาล ได้แก่ ไส้ทุเรียน เป็นต้น
"คนเราชอบอะไรไม่เหมือนกัน เราจึงพยายามพัฒนาข้าวต้มมัดให้ตอบโจทย์ทุกคนที่เข้ามาที่ร้าน เช่น คนชอบกินหวาน ก็ลองไส้ถั่วกวนใบเตย คนชอบกินคาวก็ไส้ไก่เห็ดหอม คนที่ออกแนวเฮลธ์ตี้หน่อย ก็ลองข้าวต้มมัดธัญพืชที่ใส่ถั่ว ข้าวโพด งา แทนไส้ต่างๆ แต่เอาเข้าจริงไส้ที่ขายดีที่สุด กลับเป็นไส้กล้วยที่เป็นออริจินัล ส่วนคนที่ไม่ชอบไส้กล้วย ก็สามารถลองของใหม่อย่างไส้มันม่วง ที่กำลังได้รับการตอบรับที่ดี และที่กำลังจ่อคิวออกมาเพิ่มคือ ไส้เขียวหวาน"
ที่เด็ดดวงกว่านั้น บุลภรยังเป็นเอสเอ็มอีที่ให้ความสำคัญกับนวัตกรรมในการผลิต ถึงจะไม่ได้ร่ำเรียนมาทางด้านนี้โดยตรง แต่เพราะอยากจะให้สินค้าที่มีกะทิเป็นส่วนผสม ไม่เสียง่าย และมีอายุยาวนานขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการขาย เธอจึงวิ่งเข้าหาหน่วยงานต่างๆ เพื่อขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ ที่สุดแล้วก็ได้ร่วมวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์กับทางมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จนได้บทสรุปการยืดอายุข้าวต้มมัดเนินขุมทองด้วยกรรมวิธีแช่แข็ง ที่สามารถเก็บรักษาข้าวต้มมัดได้นาน 3 เดือน โดยไม่ต้องใส่วัตถุกันเสีย
"เราจะทำไส้ขนมแช่ฟรีซไว้ตลอด เวลาจะเอาออกมาใช้ ก็ละลายให้มันนิ่ม เรานึ่งข้าวต้มมัดใหม่ทุกวันด้วยตู้นึ่งที่ทางมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ออกแบบให้เป็นพิเศษ วันละ 2 รอบ ได้ขนมกว่า 1,000 มัด ทำให้ลูกค้าสามารถซื้อข้าวต้มมัดเป็นของฝากติดไม้ติดมือไปได้ เวลาจะกินก็เพียงเข้าไมโครเวฟอุ่นร้อน ขนมก็จะอร่อยเหมือนเดิมทุกอย่าง เท่ากับสินค้าของเราไม่มีเสีย แถมยังง่ายต่อการขยายตลาด คือเราบอกอาจารย์ที่ช่วยพัฒนาเลยว่า เราจะพยายามใช้นวัตกรรมให้เกิดประโยชน์มากที่สุด และสามารถขายทำรายได้ได้จริง"
หลังจากใส่นวัตกรรมลงในข้าวต้มมัดเนินขุมทองเป็นที่เรียบร้อย บุลภรก็เริ่มคิดขยายตลาด แทนที่จะจำกัดการขายอยู่เฉพาะแค่ร้านอาหาร รอให้ลูกค้าแวะเข้ามาเท่านั้น เธอตัดสินใจขอสินเชื่อกับธนาคาร โดยมี บสย. ค้ำประกันให้ในโครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS5 (ปรับปรุงใหม่) ก่อนนำเงินกู้ที่ได้มาขยายหน้าร้านวางจำหน่ายสินค้าที่สนามบินหาดใหญ่ เจาะกลุ่มนักเดินทางที่มองหาของฝากจากสงขลา รวมทั้งร้านกาแฟแบรนด์ต่างๆ ที่ตั้งอยู่ภายในปั๊มน้ำมัน รวมถึงร้านธรรมชาติ (ดอยคำ) ในจังหวัดสงขลา
"ตอนแรกเราพูดแซวกันเล่นๆ ว่าอยากจะเห็นคนกินกาแฟกับข้าวต้มมัดบ้าง ทำไมต้องกินกาแฟกับขนมเค้กหรือแซนด์วิชอย่างเดียว แล้ววันนี้มันก็เป็นจริง เราวิ่งไปส่งข้าวต้มมัดเพื่อขายฝากตามร้านกาแฟ ปัจจุบันเราเซ็นสัญญาเตรียมเข้าไปตั้งคีออสก์ขายข้าวต้มมัดเนินขุมทองในท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ต ห้างเซ็นทรัลเฟสติวัล หาดใหญ่ เราขอเป็นแบรนด์เล็กๆ ที่ขอเติบโตอิงไปกับห้างสรรพสินค้าแบรนด์ดัง พอคนรู้จักมากขึ้น ก็จะหาโอกาสเข้าไปขายที่กรุงเทพฯ ให้ได้ รวมทั้งรุกตลาดคอฟฟี่เบรกไปด้วย ซึ่งเวลานี้เราเริ่มวางนามบัตรแนะนำตัวเองตามโรงแรมต่างๆ แล้ว
ต้องขอบคุณ บสย. ที่ให้โอกาสเรา เหมือนเป็นผู้มีพระคุณของเราเลย ที่ผ่านมาเราทำธุรกิจมาเรื่อยภายใต้ปัจจัยอันจำกัด คือมีเท่าไร ก็ทำเท่านั้น กระทั่งรัฐบาลเอางบมาลง และพยายามผลักดันให้ผู้ประกอบการยืนให้ได้ เราเองก็อยากจะพัฒนา แต่มีหลักทรัพย์เพียงเท่านี้ การที่ บสย. เข้าใจความลำบากผู้ประกอบการ และช่วยค้ำประกันให้ ทำให้เราได้วงเงินมาเกือบ 5 ล้าน สำหรับขยายหน้าร้าน และสร้างอาคารโรงงานเพื่อขอมาตรฐาน อย. ขณะเดียวกันก็เตรียมแตกไลน์สินค้าใหม่คือ ข้าวต้มใบกะพ้อที่นึ่งด้วยหม้อรีทอร์ท นี่เป็นโอกาสที่จะทำให้ลูกค้าได้กินขนมไทยชนิดนี้ตลอดทั้งปี ไม่จำเป็นต้องรองานบุญเดือน 10 อีกต่อไป เราหวังว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าเหมือนเช่นเคย" เจ้าของกิจการข้าวต้มมัดเนินขุมทองกล่าว
ติดต่อ : ข้าวต้มมัดเนินขุมทอง โทร.080 545 0122 หมู่บ้านเนินขุมทองการ์เด้น ถนนสนามบิน-หาดใหญ่ ตำบลควนลัง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เฟสบุ๊ค https://th-th.facebook.com/Noenkhumthong/
บทความโดย : บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) (Link : www.tcg.or.th)
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *
SMEs manager