xs
xsm
sm
md
lg

CMMU ชี้ ผลวิจัยตลาดผู้สูงอายุพบ “ไลน์” สื่อทรงอิทธิพล ชี้รุ่นใหญ่ ใช้กูเกิ้ลค้นหา 93%

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล เผยข้อมูลผลการวิจัยการทำการตลาดกับกลุ่มผู้สูงอายุ พบว่า สื่อที่ผู้สูงอายุมีการใช้งานมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1. Line 50.2% 2. โทรทัศน์ 24% และ 3. Facebook 16% ส่วนสื่อที่ผู้สูงอายุใช้เพื่อเข้าถึงโฆษณาน้อยที่สุด ได้แก่ หนังสือพิมพ์ ยูทูป และเว็บไซต์ อีกทั้งยังค้นพบว่า ผู้สูงอายุ 93% รู้จักและรู้วิธีการใช้งาน Search Engine เพื่อการสืบค้นข้อมูล โดยได้จัดงาน "สื่อสารโดนใจ รุ่นใหญ่วัยสีเงิน" (Silver Age Content Marketing) ณ วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล

ดร.บุญยิ่ง คงอาชาภัทร หัวหน้าสาขาการตลาด วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า จากที่ประเทศไทยกำลังก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบในปี 2568 ทำให้กระแสต่างๆ หันมาสนใจเทรนด์การดูแลสุขภาพและความเป็นอยู่ของผู้สูงอายุมากยิ่งขึ้น โดยประเทศไทยมีประชากรทั้งหมด 64.5 ล้านคน เป็นผู้สูงอายุมีอายุ 60 ปีขึ้นไปจำนวน 9.4 ล้านคน คิดเป็น 14.5% ของประชากร โดยเพิ่มมาปีละประมาณ 5 แสนคน และคาดว่าภายในปี 2568 ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ ซึ่งจะมีประชากรผู้สูงอายุประมาณ 14.4 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้นเกิน 20% ของประชากรทั้งหมด

สาขาการตลาด วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ทำกาาวิจัยการตลาดกับกลุ่มผู้สูงวัยอายุ 55-70 ปี จำนวน 604 คน พบว่าสื่อที่มีการใช้งานมากที่สุด 3 อันดับแรกในกลุ่มผู้สูงอายุ ได้แก่

1. Line จำนวน 50% เนื่องจากใช้งานง่ายในการติดต่อสื่อสาร โดยเมื่อเราเจาะลึกถึง Insight พบว่า เมื่อผู้สูงอายุอ่านเนื้อหาที่ชื่นชอบจะใช้การส่งสติกเกอร์แทนการพิมพ์ข้อความตอบโต้ เนื่องจากไม่ถนัดในการพิมพ์ทีละตัวอักษร

2. โทรทัศน์ จำนวน 24% สื่อโทรทัศน์เป็นสื่อดั้งเดิมที่ยังมีอิทธิพลต่อผู้สูงอายุ โดยผู้สูงอายุคิดเป็น 61% เปิดโทรทัศน์ทิ้งไว้โดยไม่มีการเปลี่ยนช่องและเปิดไว้เพื่อเป็นเพื่อนคลายเหงา

3. Facebook จำนวน 16% โดยผู้สูงอายุมองว่า Facebook ใช้งานยากกว่า Line เวลาจะแชร์ข้อมูลให้ผู้อื่นต่อก็ไม่แน่ใจว่าจะกดปุ่มใดต่อ ต้องกดหลายครั้ง ต้องพึ่งพาคนอื่นให้ช่วยสอนการใช้หลายครั้ง ทำให้ผู้สูงอายุไม่อยากที่จะใช้ Facebook มากนัก เนื่องจากไม่อยากเป็นภาระต่อผู้อื่น
ดร.บุญยิ่ง คงอาชาภัทร หัวหน้าสาขาการตลาด วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล
ดร.บุญยิ่ง เปิดเผยเพิ่มเติมถึงผลการวิจัยการเข้าถึงการรับสื่อในรูปแบบของการโฆษณา พบว่า อันดับ 1 เป็นสื่อโทรทัศน์มีจำนวน 52% ด้วยพฤติกรรมของผู้สูงอายุที่เปิดโทรทัศน์ทิ้งไว้ ดูไปเรื่อยๆ ไม่เปลี่ยนช่อง ทำให้โอกาสที่จะได้รับข้อมูลทางการตลาดโดยการฟังหรือการมองเห็นภาพนั้นมีมากกว่าสื่อในช่องทางอื่นๆ โดยการโฆษณาบนโทรทัศน์มักมีทั้งภาพและเสียงไปพร้อมกัน ทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกตื่นเต้นและจูงใจ ตามมาด้วย

อันดับ 2 Line จำนวน 19% โดยผู้สูงอายุมีการใช้ Line เพื่อการสื่อสารหรือการโต้ตอบกับผู้อื่น เมื่อเพื่อนหรือคนรู้จักส่งเนื้อหาที่เป็นภาพ ข้อความ บทความ หรือคลิปวิดีโอมาให้ ผู้สูงอายุจะเลือกเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับตัวเอง หรือเป็นเรื่องราวที่ตัวเองสนใจเท่านั้น และผู้สูงอายุจะชอบใช้สติกเกอร์ฟรี เมื่อกดแอด Line แล้วผู้สูงอายุบล็อกไลน์ ไม่เป็น เมื่อมีโฆษณาผ่านช่องทางนี้ ทำให้ผู้สูงอายุจำเป็นต้องรับข้อมูลทางการตลาดผ่านสื่อ Line ไปโดยปริยาย

ส่วนอันดับ 3 Facebook 18% ผู้สูงอายุมีการรับสื่อทางการตลาดหรือโฆษณาจาก Facebook รองจากโทรทัศน์และ Line เนื่อวจากมีการใช้งานที่ยุ่งยากมากกว่าเมื่อเทียบกับสื่ออื่น แต่เหตุผลที่มีผู้สูงอายุมักชื่นชอบช่องทางนี้เนื่องจากมีเนื้อหาหลากหลายที่น่าสนใจ แต่ผู้สูงอายุมักไม่ทราบว่าเนื้อหาที่ตนเองสนใจนั้นเป็นการสื่อสารการตลาดหรือโฆษณาในรูปแบบหนึ่งซึ่งการโฆษณาของ Facebook สามารถเลือกกลุ่มเป้าหมาย ได้ ทำให้เวลาผู้สูงสูงอายุเข้า Facebook ก็จะเห็นโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับตนเอง ในส่วนของช่วงเวลาที่ผู้สูงอายุใช้งานสามารถแบ่งได้ตามช่วงเวลาดังนี้ ช่วงเช้า ผู้สูงอายุจะมีการใช้งาน Line ในอัตราที่สูงมากเพื่อเช็คข้อมูลข่าวสารและติดต่อสื่อสาร ช่วงกลางวัน ผู้สูงอายุมักจะใช้ Facebook เพื่ออัพเดทสังคม ติดต่อสื่อสารและดูเพจต่างๆ และในช่วงเย็น ผู้สูงอายุจะใช้เวลาอยู่กับโทรทัศน์เพื่อดูข่าว รายการ และละคร การใช้งาน Search Engine หรือ เครื่องมือในการค้นหาข้อมูล


โดยรูปแบบโฆษณาที่เข้าถึงคนวัยสีเงินได้มากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่ 1 โฆษณาทีวี 2.วิดีโอคลิป 3. รูปภาพ 4. บทความ 5. Infographic นอกจากนี้ด้านประเภทเนื้อหาที่โดนใจกลุ้มผู้บริโภค Silver Age พบว่า 4 ประเภทเนื้อหาที่โดนใจกลุ่มคนวัยสีเงินมากที่สุดตามลำดับ ได้แก่ เนื้อหาประเภท สาระประโยชน์ จำนวน 61% ที่ใช้ประโยชน์ เช่น การออกกำลังกายสำหรับผู้สูงอายุ อาหารการกิน และข้อมูลที่ยกระดับคุณภาพชีวิตต่างๆ ตามมาด้วยเนื้อหาประเภท บันเทิง จำนวน 22% เช่น ละคร รายการโทรทัศน์ที่มีเนื้อหาสนุกสนานและมีความหลากหลาย รวมถึงคลิปที่มีเนื้อหาตลกคลายเครียด

อันดับสาม เนื้อหาประเภท เตือนภัยและข้อควรระวัง 9% เนื้อหาที่เน้นด้านความห่วงใย การเตือนภัย และข้อควรระวังต่างๆ และสุดท้ายเนื้อประเภท สร้างแรงบันดาลใจ 8% ที่มีเนื้อหาช่วยสร้างแรงบันดาลใจในการดำเนินชีวิต

อย่างไรก็ตามในด้านการสื่อที่ผู้สูงอายุเข้าถึงการรับโฆษณาได้น้อยที่สุด ได้แก่ หนังสือพิมพ์ ถือเป็นสื่อที่มีผู้สูงอายุไม่สนใจอ่านหน้าโฆษณา เนื่องจากตัวอักษรมีขนาดเล็ก อ่านยาก และไม่น่าสนใจ ตามมาด้วย ยูทูป ที่ผู้สูงอายุเกิดความรู้สึกขัดอารมณ์เมื่อมีโฆษณาขึ้นมาคั่นรายการที่ตนกำลังรับชมอยู่และสุดท้ายได้แก่ เว็บไซต์ เนื่องจากไม่กล้ากดเข้าไปดูเพราะกลัวอุปกรณ์จะติดไวรัส สำหรับประเด็นเรื่องการแชร์ข้อมูลในสื่อสังคมออนไลน์ ทีมวิจัยยังพบว่า ผู้สูงอายุมีแนวโน้มที่จะแบ่งปันข้อมูลให้คนสนิทรวมถึงเพื่อนๆ ถึง 65% ผ่านช่องทาง Line การพูดคุยบอกต่อกับเพื่อนฝูง และช่องทาง Facebook นอกจากนี้ประเด็นที่สืบค้นข้อมูล ที่ผู้สูงอายุรู้จักมากที่สุด ได้แก่ Google ดร.บุญยิ่ง กล่าวปิดท้าย


กำลังโหลดความคิดเห็น