เมื่อมีของดีอยู่ในตัวก็ไม่ต้องกลัวเรื่องตลาด เพราะผู้ประกอบการรายนี้ได้รับโอกาสนำสินค้าไปวางจำหน่ายที่ตลาดของผดุงกรุงเกษมข้างทำเนียบรัฐบาล โดยการเชื้อเชิญจากธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SME Development Bank ทำให้ ผลิตภัณฑ์น้ำปลาร้าพาสเจอไรซ์ของไทยสามารถส่งออกไปไกลทั่วโลก กับแบรนด์ที่ชื่อว่า “ปลายจวัก”
นางสาวเนตรดาว ขันดวง กรรมการผู้จัดการ บริษัท เนทีฟ ฟู้ด จำกัด เล่าถึงการเริ่มต้นธุรกิจนี้ว่า เธอเกิดและเติบโตมาในครอบครัวที่ยึดอาชีพการทำนา และเมื่อหน้าน้ำหลากจะมีปลาน้ำจืดจำนวนมาก จึงนำสารพันปลาน้ำจืดมาถนอมอาหารด้วยการทำเป็นปลาร้า หรือตากแห้ง โดยมารดาได้สูตรการหมักปลาร้าจากบรรพบุรุษ และมารดาก็นำมาทำขาย ส่วนเธอต่อยอดเป็นปลาร้าพาสเจอร์ไรซ์ พร้อมนำนวัตกรรมมาช่วยร่นเวลาในการหมักจาก 1 ปีเหลือเพียง 8 เดือน
“เรามองว่านับวันมีผู้คนบริโภคปลาร้าเพิ่มมากขึ้นทำให้ขั้นตอนการผลิตก็ต้องเน้นไปที่มาตรฐานและคุณภาพ ซึ่งจะทำให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืนจึงคิดทำน้ำปลาร้าพาสเจอร์ไรซ์ที่เน้นความสะอาดปลอดภัยไร้สารตกค้าง ขณะที่ราคาก็ไม่สูงเกินไปนักเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคในปัจจุบัน แต่อุปสรรคสำคัญคือขั้นตอนการหมักต้องใช้เวลาถึง 1 ปี ดังนั้นคุณเนตรดาวจึงได้ปรึกษากับนักวิชาการ “รศ.ชื่นจิต ประกิตชัยวัฒนา” ภาควิชาเทคโนโลยีการอาหาร คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมทำวิจัยในเรื่องการลดเวลาหมักปลาร้าให้สั้นลงล่าสุดเหลือเพียง 8 เดือน จนประสบความสำเร็จ”
สำหรับการเปิดตลาดครั้งแรกของน้ำปลาร้าพาสเจอร์ไรซ์ปลายจวัก ได้รับโอกาสจากธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือ SME Development Bank นำสินค้าไปวางจำหน่ายที่คลองผดุงกรุงเกษม ก็ได้รับการตอบรับดีจากทั้งผู้บริโภคและผู้ที่สนใจนำสินค้าไปจำหน่ายต่อเนื่อง จากมั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัยรวมถึงกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานไม่ว่าจะเป็น อย., HACCP, GMP และฮาลาล รวมถึงปราศจากวัตถุกันเสียอีกด้วย ซึ่งมาตรฐานเหล่านี้ไม่เพียงได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคคนไทยเท่านั้นแต่ตลาดส่งออกยังเปิดกว้างให้คนไทยในต่างแดนได้ซื้อไปบริโภคและนำไปทำตลาดต่อ ทำให้เธอมั่นใจในรสชาติของน้ำปลาร้าสไตล์ภาคกลาง ที่กลิ่นไม่รุนแรง เน้นความหอม รสกลมกล่อม มากยิ่งขึ้น
ส่วนสูตรของน้ำปลาร้าปลายจวัก จะแบ่งออกเป็น 2 สูตรคือ 1.สูตรสำหรับการบริโภคในประเทศ จะใช้ปลาสดน้ำจืดหลากหลายชนิด อย่าง ปลาสลิด ปลากระดี่ ปลาหมอ ปลายี่สก นำมาหมักกับเกลือ ข้าวคั่ว และรำข้าว ซึ่งปลาเหล่านี้จะใช้ทั้งตัวในการหมัก ขายในราคาขวดละ 49 บาท (ขนาด 300 มล.) และ 2.การผลิตน้ำปลาร้าพาสเจอร์ไรซ์สำหรับส่งออก จะเลือกใช้ปลาจีน หรือปลายี่สกเพียงชนิดเดียว เลาะเอาแต่เนื้อปราศจากก้างกระดูก หัว และไส้ของปลา เนื่องจากเป็นข้อกำหนดผลิตภัณฑ์อาหารสำหรับส่งออกไปต่างประเทศ ขายในราคาขวดละ 69 บาท เป็นขวดพลาสติกหนา 3 ชั้น ทนร้อนและป้องกันการกดอากาศในเครื่องบินได้
ทำให้ทุกวันนี้ปลาร้าแบรนด์ ‘ปลายจวัก’ โด่งดังไปไกลถึงต่างแดน เพราะไม่เพียงแต่เปิดตลาดในไทยแต่ยังสามารถเจาะตลาดในเอเชีย และเตรียมบุกตลาดอียู ที่มีความต้องการปลาร้าไทยในร้านอาหารไทยเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้เธอยังมีผลิตภัณฑ์แปรรูปจากปลาร้า คือ แจ่วบอง ปลาร้าสับทรงเครื่อง และน้ำปลาหวาน ที่ขายดีไม่แพ้น้ำปลาร้าเช่นกัน
สนใจติดต่อ : Line ID 0819267972
www.nativefoodthailand.com
Facebook : @plaijawak9
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEs ผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *
