xs
xsm
sm
md
lg

ก.อุตฯ ลงพื้นที่เยี่ยม 2 สถานประกอบการ ยกระดับแปรรูปเกษตรในยุค 4.0

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


กระทรวงอุตสาหกรรมลงพื้นที่เยี่ยม 2 สถานประกอบการที่จังหวัดกำแพงเพชร-ตาก หวังยกระดับให้อุตสาหกรรมแปรรูปเกษตรก้าวไกลในยุค industry 4.0 ในโครงการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมแปรรูปการเกษตรในภูมิภาค OPOAI 4.0 โดยดึงศักยภาพของวัตถุดิบในพื้นที่มาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ให้แก่ประชาชนในท้องถิ่น และสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลในเรื่อง Thailand 4.0

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการขับเคลื่อนโครงการ OPOAI กระทรวง อุตสาหกรรมลงพื้นที่เยี่ยมสถานประกอบการภาคเหนือ 2 แห่ง ประกอบด้วย 1. บริษัท โอเมกา 3.6.9 แอนด์ไลโคปีน จำกัด จังหวัดกำแพงเพชร ประเภทอุตสาหกรรมอาหาร การหีบสกัดน้ำมันจากพืชหรือเมล็ดพืช 2. บริษัท มหาบูรพาผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ประเภทอุตสาหกรรมอาหาร ต้มหน่อไม้และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร บรรจุปี๊บ กระป๋อง และถุงพลาสติก




นายพรเทพ การศัพท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม
นายพรเทพ การศัพท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า โครงการโอ-ปอย ได้จัดทีมที่ปรึกษาที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเข้าไปให้ความช่วยเหลือสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการผ่านแผนงาน 7 ด้าน ประกอบด้วย 1. แผนงานการบริการจัดการลอจิสติกส์ 2. แผนการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต 3. แผนการปรับปรุงคุณภาพและพัฒนางาน 4. แผนการลดต้นทุนพลังงาน 5. การยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์/ระบบมาตรฐานสากล 6. แผนกลยุทธ์ขับเคลื่อนการตลาด และ 7. แผนการบริหารจัดการด้านการเงิน ทีมที่ปรึกษาจะมีแผนการดำเนินงานให้ปฏิบัติจริง และติดตามผลพร้อมทั้งคำปรึกษาเป็นระยะๆ รวมระยะเวลาในการปฏิบัติงานโดยประมาณ 4-6 เดือน จึงจะเสร็จสิ้นโครงการ

ส่วนผลการดำเนินงานที่ผ่านมาในปี 2560สามารถลดต้นทุน เพิ่มรายได้ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้สถานประกอบการมูลค่าเชิงเศรษฐกิจเป็นตัวเงินได้กว่า 459 ล้านบาท ซึ่งหากเปรียบเทียบกับวงเงินงบประมาณที่ใช้ในการพัฒนา 40 ล้านบาท ให้ผลประโยชน์มากถึง 11.48 เท่าของวงเงินงบประมาณ มีผู้เข้าร่วมโครงการ 171 ราย เฉลี่ยแล้วแต่ละรายสามารถลดต้นทุนเพิ่มรายได้และสร้างมูลค่าเพิ่มได้เฉลี่ยรายละ 2.45 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 2550 จนถึงปี 2560 สามารถลดต้นทุนเพิ่มรายได้

มูลค่าเชิงเศรษฐกิจกว่า 4,914 ล้านบาทจากวงเงินงบประมาณรวมทั้งหมดที่ได้รับ 394.60 ล้านบาท ให้ผลประโยชน์มากถึง 12.45 เท่าของวงเงินงบประมาณ มีสถานประกอบการเข้าร่วมโครงการจำนวนกว่า 1,505 ราย เฉลี่ยแล้วแต่ละรายสามารถลดต้นทุนเพิ่มรายได้ และสร้างมูลค่าเพิ่มได้เฉลี่ย 3.27 ล้านบาท



สำหรับในปีงบประมาณ 2561 มีสถานประกอบการ SMEs อุตสาหกรรมแปรรูปการเกษตรที่มีทุนจดทะเบียนไม่เกิน 200 ล้านบาททั่วประเทศเข้าร่วมโครงการจำนวน 120 ราย 120 แผนงาน ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการให้คำปรึกษากับสถานประกอบการ โดยในวันนี้ได้มีการเยี่ยมชมและติดตามผลการดำเนินงานของสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ 2 แห่ง คือ บริษัท โอเมกา 3.6.9 แอนด์ไลโคปีน จำกัด และบริษัท มหาบูรพาผลิตภัณธ์อาหาร จำกัด ทั้ง 2 รายเป็นสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการในปี 2560 และเป็นโรงงานที่มีผลการปฏิบัติที่เป็นเลิศ Best Practice ทั้ง 2 โรงงาน ซึ่งเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จของโครงการได้เป็นอย่างดี ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการสามารถนำองค์ความรู้ที่ได้รับไปพัฒนาตนเองได้อย่างเป็นรูปธรรม


นายวิชัย ใจวิสุทธิ์หรรษา กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอเมกา 3.6.9 แอนด์ ไลโคปีน จำกัด
ด้าน นายวิชัย ใจวิสุทธิ์หรรษา กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอเมกา 3.6.9 แอนด์ ไลโคปีน จำกัด กล่าวว่า บริษัทดำเนินธุรกิจประเภทอุสาหกรรมอาหารเสริม ผลิตน้ำมัน โอเมกา 3.6.9 จากถั่วดาวอินคา สำหรับบริษัทเริ่มต้นธุรกิจในปี 2555 ด้วยทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท จำหน่ายผลิตภัณฑ์เองร้อยละ 90 และรับจ้างผลิตร้อยละ 10 มียอดขาย 10 ล้านบาทต่อปี (เมื่อปี 2560) โดยมีตลาดในประเทศ 97% ต่างประเทศ 3% โดยใช้วัตถุดิบจากพื้นที่ในจังหวัดกำแพงเพชร และพื้นที่ใกลคียง ด้วยความที่เป็นคนพื้นเพจังหวัดกำแพงเพชร จึงมีความประสงค์ที่จะช่วยเหลือเกษตรกรในการปลูกถั่วดาวอินคา จึงได้ไปศึกษาดูงานเกี่ยวกับการผลิตอาหารแปรรูปประเภทอาหารเสริม เมื่อศึกษามีความรู้แล้วจึงได้จัดตั้งบริษัทเพื่อผลิตอาหารเสริม ORGANOID ตั้งแต่นั้นมา เข้าร่วมโครงการโอ-ปอยในปี 2560 จำนวน 2 แผนงาน ประกอบด้วย แผนงานที่ 2 และ 6 จากการดำเนินโครงการทั้ง 2 แผนงาน สามารถลดต้นทุน เพิ่มรายได้คิดเป็นมูลค่า 5,094,080 บาท/ปี
นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มหาบูรพาผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด

ด้านนายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มหาบูรพาผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด กล่าวว่า บริษัทเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2530 ด้วยทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาท โดยโรงงานตั้งอยู่ศูนย์กลางของพื้นที่เพาะปลูกที่มีความหลากหลายของวัตถุดิบผักและผลไม้ต่างๆ ทางบริษัทฯ ได้ดำเนินการเพาะปลูกในพื้นที่ของเราเอง และทำสัญญาการเพาะปลูกกับเกษตรกรในพื้นที่เพื่อเป็นการจัดหาวัตถุดิบป้อนเข้าโรงงานได้อย่างสม่ำเสมอ ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้พัฒนาศักยภาพอย่างต่อเนื่องเพื่อยกระดับความเป็นผู้นำในการเป็นผู้ผลิตผักและผลไม้กระป๋อง โดยการจัดหาสินค้าที่มีคุณภาพสูงสุดให้แก่ลูกค้า โดยบริษัทฯ ได้รับมาตรฐาน BRC, เกรดเอ GMP และ HACCP บริษัทฯ เป็นผู้ผลิตผักผลไม้กระป๋องที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้ซื้อทั่วโลกมาเป็นเวลานานกว่า 20 ปี

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้เข้าร่วมโครงการใน 2 แผนงาน ประกอบด้วย แผนงานที่ 1 และ 3 จากการดำเนินโครงการทั้ง 2 แผนงานสามารถลดต้นทุน เพิ่มรายได้คิดเป็นมูลค่า 8,891,244 บาท/ปี

* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *



กำลังโหลดความคิดเห็น