xs
xsm
sm
md
lg

อร่อยต้องจอง! “ปุ๊ อัญชลี” ฟื้นสูตรกะหรี่ปั๊บคุณแม่ปั้นแบรนด์ 'Puff de Pooh' ออเดอร์ล้น (ชมคลิป)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นอกจาก “ปุ๊ อัญชลี” จะครองตำแหน่งร็อคเกอร์สาวของไทยแล้ว เธอยังมีความสามารถในการทำ 'กะหรี่ปั๊บ' ที่รู้จักกันในชื่อว่า Puff de Pooh สูตรเด็ดของคุณแม่ รับประทานคู่กับน้ำจิ้มอาจาดอย่างลงตัว ซึ่งทุกขั้นตอนล้วนเป็นการผลิตแบบแฮนด์เมด ทำให้ผลิตได้เพียง 20-30 ชิ้น/วันเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ต้องสั่งจองล่วงหน้า 1-2 วัน แต่ก็ถือว่าคุ้มค่ากับรสชาติกะหรี่ปั๊บที่ไม่เหมือนใครและยากที่ใครจะทำเหมือน

หลังจากที่ร้านอาหาร “ชมสวน” ในซอยสุขุมวิท 16 ท่ามกลางบรรยากาศอันร่มรื่น ที่พี่ปุ๊ อัญชลี ได้ปลุกปั้นมาเมื่อ 10 กว่าที่แล้ว ได้ปิดตัวลง เพราะรู้สึกว่าถึงจุดอิ่มตัว ซึ่งหนึ่งในเมนูที่หลายคนถามหา คือ กะหรี่ปั๊บ ก็ต้องถูกปิดตัวตามไปด้วย ทำให้หลายคนอดนึกเสียดายไม่ได้ จากรสชาติที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว รสกลมกล่อม หอมเครื่องเทศ รับประทานคู่กับน้ำจิ้มอาจาด โดยมักจะมีคนมาติดต่อขอสั่งซื้อเป็นกรณีพิเศษอยู่บ่อยครั้ง



“ตอนที่เราเปิดร้านชมสวน ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการดำเนินธุรกิจ ตอนนั้นเป็นธุรกิจที่ดารานักแสดงนิยมทำ ซึ่งพี่ก็อยากทำด้วยทั้งๆ ที่ทำอาหารไม่เป็น แต่ก็ได้เพื่อนๆ มาช่วยและจ้างเชฟมาปรุงอาหาร ซึ่งเพื่อนก็แนะนำว่าการเปิดร้านอาหาร ต้องมีเมนูที่สร้างความแตกต่าง หารับประทานที่อื่นไม่ได้ เพื่อเป็นแม่เหล็กในการดึงดูดลูกค้าเข้ามาอุดหนุน ซึ่งเราก็เลือกกะหรี่ปั๊บ ซึ่งเป็นสูตรโบราณของคุณแม่มาทำขาย สุดท้ายกลายเป็นเมนูที่ลูกค้าต้องสั่งไม่อย่างนั้นจะถือว่ามาไม่ถึงร้านชมสวน ซึ่งกิจการก็เติบโตอย่างต่อเนื่อง กระทั่งเปิดร้านได้ประมาณ 10 ปี ก็รู้สึกว่าเริ่มถึงจุดอิ่มตัว มีคู่แข่งเกิดขึ้นมากมาย จึงตัดสินใจยุติกิจการลง”

เป็นเวลากว่า 3 ปีแล้วที่ร้านชมสวนได้ปิดตัวลง แต่เมนูในตำนานอย่าง กะหรี่ปั๊บ ยังมีผู้คนถามหาอย่างต่อเนื่อง บางครั้งพี่ปุ๊ ยอมรับก็ต้องพ่ายแพ้ต่อลูกอ้อนของลูกค้า ต้องทำตามออเดอร์ให้ลูกค้าเป็นกรณีพิเศษบ้างโดยทำตามกำลังและเวลาว่างที่มี


กระทั่งมาถึงจุดเปลี่ยนที่พี่ปุ๊ ตัดสินใจเปิดครัวทำกะหรี่ปั๊บอย่างจริงจังอีกครั้ง ด้วยความกังวลของหลานสาวคนสวย ที่หวั่นใจว่ากะหรี่ปั๊บในตำนานของคุณยายจะสูญหายไปตามกาลเวลาเพราะไม่มีผู้สืบทอด

จากเหตุผลนี้เองทำให้แบรนด์ “Puff de Pooh” เกิดขึ้น ที่พี่ปุ๊ บอกว่า ได้ใส่ใจในทุกรายละเอียด และลงมือทำเองทุกขั้นตอน ซึ่งทุกอย่างต้องรื้นฟื้นใหม่ทั้งหมดเพราะร้างลาไปนาน ไม่ว่าจะเป็นการนวดแป้ง ผัดไส้ ปั้นกะหรี่ปั๊บ พร้อมฝึกผู้ช่วยในการผลิตไปพร้อมๆ กัน ซึ่งขั้นตอนการนวดแป้งถือว่ายากที่สุด ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ ต้องมีผ้าคลุมไว้ตลอดเวลา ห้ามโดนลมนานๆ โดยเด็ดขาด และถ้านวดเสร็จแล้วต้องปั้นใส่ไส้ให้หมด เพราะถ้าเหลือต้องทิ้งเท่านั้น ขณะที่การผัดไส้ก็ใช้เวลาพอสมควร ด้วยความที่พริกแกงกะหรี่ค่อนข้างข้นเหนียว กว่าจะผัดให้พริกแกงเคลือบไปที่เนื้อไก่ทั่วทั้งหมดและไม่ให้เป็นก้อนก็อาศัยความอดทนและใจเย็น ทำให้ในแต่ละวันสามารถได้เพียง20-30 ชิ้นเท่านั้น จึงต้องผลิตทุกวันทำเป็นสต็อคและแช่เย็นไว้ก่อนนำไปทอด

ส่วนวัตถุดิบหรือส่วนผสมของไส้กะหรี่ปั๊บ จะเลือกเนื้อไก่บด ต้องเป็นอกหรือสันในไก่เท่านั้น ไม่เอาหนังเด็ดขาด, น้ำตาลมะพร้าว, มันเทศ หรือมันฝรั่งต้มสุกแล้วหั่นเต๋าเล็ก, น้ำมันพืชสำหรับทอด, หอมแดงซอย และพริกแกงกระหรี่ แบบโขลก ไม่ใช้แบบสำเร็จรูป แบบผง หรือแบบก้อนเด็ดขาด เพราะจะขาดความหอม ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของ Puff de Pooh ส่วนน้ำปลาจะไม่ใช้เลย เพราะพริกแกงกระหรี่จะมีรสเค็มในตัวอยู่แล้ว

'แป้งบางกรอบ ไม่อมน้ำมันเลย' เป็นคำกล่าวที่ลูกค้าการันตี และกลายเป็นความสุขที่พี่ปุ๊ภาคภูมิใจที่เห็นคนได้ชิมแล้วชื่นชอบกะหรี่ปั๊บของพี่ปุ๊ เคล็ดลับอยู่ที่แป้งห่อ 2 ชั้น ห่อบางทำให้ทอดกรอบ และการปั้นเป็นตัวกะหรี่ปั๊บ ที่พี่ปุ๊ ไม่เน้นการจับจีบบิดเป็นเกลียวเหมือนกะหรี่ปั๊บทั่วไป แต่แค่ใช้เล็บจิกเป็นริ้วๆ เพื่อปิดแผ่นแป้งให้สนิทป้องกันไส้ด้านในไหลออกมาเท่านั้น เพราะรู้สึกว่าหากบิดเป็นเกลียวแป้งตรงส่วนนั้นจะแข็ง และเสียอรรถรสในการประทาน


อีกหนึ่งเคล็ดลับของความกรอบแบบไม่อมน้ำมัน เรียกว่าต้องอาศัยประสบการณ์ในการทอดเช่นกัน หากทอดไม่เป็นโอาสที่ไส้จะทะลักออกมามีสูงมาก พี่ปุ๊ บอกว่า ต้องทอดกะหรี่ปั๊บให้สุกเสมอกันทั้ง 2 ด้าน ถ้าด้านไหนสุกแล้วก็ใช้ทัพพีพลิกอีกด้านลงทอด แต่ถ้าชิ้นไหนทำยังไงก็ไม่ยอมพลิกตัวในน้ำมัน พี่ปุ๊ก็จะใช้ทัพพีตักชิ้นนั้นขึ้นมานอนแช่บนตะแกรง โดยนำด้านที่ยังไม่สุกลง จากนั้นจะใช้ไฟกลางๆ ค่อยๆ ทอดจนแป้งเหลืองกรอบ นำมาซับน้ำมันจนมั่นใจว่าแห้งจริงๆ ไม่อมน้ำมัน รอให้เย็น แล้วจึงบรรจุลงกล่องส่งลูกค้า

ส่วน 'อาจาด' เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ลูกค้าส่วนใหญ่ต้องตั้งคำถามว่าสามารถรับประทานคู่กับกะหรี่ปั๊บแล้วจะเข้ากันหรือ เนื่องจากเป็นสิ่งที่ไม่เคยลิ้มลองมาก่อน แต่เมื่อทุกคนได้ลองก็ต้องร้อง ว้าว! เพราะเป็นความลงตัวอย่างไม่น่าเชื่อ รสเปรี้ยวหวานของน้ำจิ้มอาจาด ตัดกับความเค็มของไส้แกงกระหรี่ได้เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นสูตรโบราณที่นับวันหารับประทานได้ยากเต็มที สนนราคาอยู่ที่ชิ้นละ 30 บาท ขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กจนเกินไป แต่ก็ทำให้เมนูอาหารทานเล่นจานนี้ กลับกลายเป็นอาหารจานหลักได้อย่างไม่น่าเชื่อ


นอกจากบทบาทของการเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการทำกะหรี่ปั๊บแล้ว พี่ปุ๊ ยังเป็นบรรณาธิการให้กับนิตยสาร Pet Hipster ถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง ข้อมูลครบถ้วนเอาใจคนรักสัตว์โดยเฉพาะ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกกับการเข้ามาดูแลงานที่เกี่ยวข้องกับสิ่งพิมพ์โดยเฉพาะ

ความสามารถรอบด้านขนาดนี้ แถมยังทำงานได้หลากหลายสาขาอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นนักร้อง เคยเปิดร้านอาหารมาก่อน ทำกะหรี่ปั๊บขาย และล่าสุดยังรั้งตำแหน่งบรรณาธิการนิตยสารสัตว์เลี้ยง Pet Hipster โดยสิ่งที่ทำทั้งหมดนี้ เมื่อถามพี่ปุ๊ว่าทำได้อย่างไร คำตอบที่ชัดเจนคลายสงสัยได้ทั้งหมด คือ 'ทุกอย่างล้วนทำจากใจ ที่ทำแล้วมีความสุข'

สามารถสั่งซื้อได้ที่ 09-3196-6661 , Line Id : puffdepooh , IG : puffdepooh หรือสามารถรับสินค้าได้ที่ร้าน Sumi สุขุมวิท16
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *




กำลังโหลดความคิดเห็น