ท็อปส์ เดินหน้าประกาศลุย CSV เต็มตัว อัปเลเวล “ท็อปส์เพื่อเกษตรกรไทย ร่วมใจประชารัฐ” สู่ “ท็อปส์ทำ นำชุมชนยั่งยืน” โฟกัส คุณภาพสินค้า หลังเข้าไปสนับสนุนและช่วยเหลือชุมชนทั่วไทยกว่า 500 ชุมชน จำนวน 10,000 ครัวเรือน ประเดิมคัดคุณภาพ ทุเรียนชะนีเกาะช้าง พร้อมใจคัดเกรดทุเรียนส่งท็อปส์
นางสาวเมทินี พิศุทธิ์สินธพ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ผู้บริหารฟู้ดสโตร์ “เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์” และ “ท็อปส์” กล่าวว่า เมื่อปี 2559 ที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดตัวโครงการ “ท็อปส์เพื่อเกษตรกรไทย ร่วมใจประชารัฐ” ดำเนินการภายใต้นโยบายการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน หรือ Sustainable Development ซึ่งเป็นการประกาศตัวว่าเป็นฟู้ดสโตร์รายแรกและรายเดียวในไทย ที่นำกลยุทธ์การสร้างคุณค่าร่วม หรือ Creating Shared Value มาใช้ในการดำเนินธุรกิจ
ทั้งนี้ ได้ยึดหลักการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงการสร้างงาน สร้างอาชีพ ยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้กับเกษตรกร ด้วยการเข้าไปรับซื้อตรง สินค้าเกษตร สินค้าแปรรูป โอทอป และ SME จากทั่วประเทศ มาจำหน่าย และได้ถ่ายทอด องค์ความรู้ด้านการผลิตและการตลาดทั้งระบบให้กับเกษตรกร อาทิเช่น การเลือกพันธุ์ผักที่ตลาดต้องการ, วางแผนการปลูก, การคัดเกรดสินค้า, การตัดแต่งผักและผลไม้เพื่อขนส่ง, การแพ็กสินค้า, การกระจายสินค้า (Logistic), การแปรรูปสินค้า และ การออกแบบตราสินค้า เป็นต้น
ในปี 2560 บริษัทประสบความสำเร็จ สามารถช่วยเหลือและสนับสนุนเกษตรกร ชุมชน สหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน รวมกว่า 500 ชุมชน 10,000 ครัวเรือนทั่วประเทศ โดยมีชุมชนและกิจกรรมไฮไลต์ อาทิเช่น มะขามหวาน จาก วิสาหกิจชุมชนกลุ่มส่งเสริมอาชีพแปรรูปมะขามหวานบ้านโนนเสาธง จ.เพชรบูรณ์, หมี่กรอบพรหมสร จากวิสาหกิจชุมชน มะขามทอง จ.กาญจนบุรี, ผักเมืองหนาว อาทิ บรอกโคลี่, กะหล่ำปลี จากกลุ่มสหกรณ์ผลิตผักน้ำดุกใต้จำกัด จ.เพชรบูรณ์, ข้าวสังข์หยด จาก วิสาหกิจชุมชนบ้านเขากลาง ต.ปันแต อ.ควนขนุน จ.พัทลุง, ส้มสีทองน่าน จาก วิสาหกิจชุมชนเกษตรกรผู้ปลูกส้มเขียวหวานสีทอง จ.น่าน เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ในปี 2561 บริษัทได้ประกาศนโยบายลุย CSV เต็มสูบ พร้อมเปลี่ยนชื่อโครงการเป็น “ท็อปส์ทำ นำชุมชนยั่งยืน” ภายใต้สโลแกน “สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน” เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของเซ็นทรัล กรุ๊ป ที่เพิ่งเปิดตัวโครงการ “เซ็นทรัล ทำ” ไปก่อนหน้านี้
“โครงการ “ท็อปส์ทำ นำชุมชนยั่งยืน” เป็นการตอกย้ำแนวทางการดำเนินงานของบริษัท ที่พุ่งเป้าไปที่การยกระดับและพัฒนาชุมชนทั้งในแง่คุณภาพ ให้เป็นที่ยอมรับทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ พร้อมเดินหน้าหาชุมชนใหม่ๆ ที่มีศักยภาพ มีความพร้อม มีความตั้งใจอันดีที่ต้องการสร้างชุมชนบ้านเกิดให้เข้มแข็ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าในกลุ่ม อาหารปลอดสาร อาหารปลอดภัย เกษตรอินทรีย์ หรือออร์แกนิก และสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ จีไอ (GI) ซึ่งเป็นไปตามกระแสความต้องการของตลาดโลก รวมถึงการผลักดันให้มีการนำนวัตกรรมมาใช้ เพื่อยืดอายุสินค้า โดยคัดเลือกสินค้าจากชุมชนที่มีจุดยืนร่วมกันในการคัดเกรดสินค้าที่ดีที่สุดในฤดูกาลให้กับผู้บริโภคได้ลิ้มลอง ล่าสุด ท็อปส์ ได้ลงนามสัญญาข้อตกลงซื้อขายผลไม้ล่วงหน้าระหว่างสหกรณ์ส่งเสริมภาคธุรกิจการเกษตรจังหวัดตราด จำกัด เพื่อรับซื้อผลไม้เมืองร้อน ได้แก่ ทุเรียนชะนีเกาะช้าง ทุเรียนหมอนทอง เงาะ มังคุด และลองกอง ในราคาที่เกษตรกรพึงพอใจ” นางสาวเมทินี กล่าว
ด้านนายธนภัทร จาวินัจ ผู้จัดการสหกรณ์ส่งเสริมภาคธุรกิจการเกษตรจังหวัดตราด จำกัด กล่าวเสริมว่า จากปัญหาที่เกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนชะนีเกาะช้าง ประสบในปี 2560 ได้แก่ ทุเรียนล้นตลาด และเกษตรกรตัดผลทุเรียนอ่อน เนื่องจากได้น้ำหนักเยอะ ราคาขายสูง แต่ไม่มีคุณภาพ ทำให้ทั้งตลาดในและต่างประเทศไม่รับซื้อ จึงได้ประสานงานไปยัง ท็อปส์ ด้วยความช่วยเหลือจากกรมการค้าภายใน ท็อปส์ ได้ส่งเจ้าหน้าที่มาให้ความรู้ ให้เกษตรกรตัดทุเรียนเมื่อแก่จัด ดูเรื่องความปลอดภัย วางแผนระบบการขนส่ง เพื่อให้ทุเรียนสุกพร้อมรับประทานเมื่อขนส่งถึงสาขา และจัดการเรื่องการจ่ายเงินให้กับเกษตรกรภายใน 7 วัน ทำให้เกษตรกรมีความมั่นใจในการค้าขายร่วมกับท็อปส์ และตั้งใจจะผลิตทุเรียนคุณภาพให้ส่งจำหน่ายในท็อปส์
โดยในปี 2560 สหกรณ์ฯ ได้ส่งผลไม้ให้ ท็อปส์ รวมประมาณ 300 ตัน เฉพาะทุเรียนชะนีเกาะช้างและทุเรียนหมอนทอง ยอดส่งรวมประมาณ 150 ตัน และตั้งเป้าเพิ่มเป็น 1,000 ตัน ในปี 2561 คาดว่า จะเป็นทุเรียนกว่า 500 ตัน ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีกว่าทุเรียนที่ปลูกบนเกาะช้าง จะมีมีรสชาติโดดเด่นเฉพาะตัวและมีสารอาหารอย่างไอโอดี ต่างจากทุเรียนทั่วไป เนื่องจากสภาภูมิประเทศเป็นเกาะภูเขาไฟเก่า ติดทะเล รสชาติอร่อยเป็นที่ต้องการของตลาด ขายได้ราคาดี จนตอนนี้เกษตรกรจำนวนมากหันมาปลูกกัน
นอกจากนี้ ทาง ท็อปส์ เตรียมเปิดตัวโครงการ “ท็อปส์ทำ นำชุมชนยั่งยืน” ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่าง วันที่ 28 มีนาคม - 3 เมษายน 2561 ภายในงานจะมีการออกร้านจำหน่ายผัก ผลไม้ สินค้าออร์แกนิก สินค้าจีไอ สินค้าแปรรูป โอทอป เอสเอ็มอี อาหารพร้อมรับประทานเมนูขึ้นชื่อจากภาคต่างๆ กว่า 100 รายการ จาก 60 ชุมชนที่ ท็อปส์ เข้าไปสนับสนุน โดยมีเกษตรกรมาออกร้านจำหน่ายด้วยตัวเอง พร้อมกิจกรรมสาธิตเมนูเด็ดจากทั่วทุกภาค ณ ลานกิจกรรมชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา บางนา
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *