พิซซา อาหารยอดนิยมที่อยู่กับคนไทยมาข้านาน และมีการปรับรูปแบบของพิซซาให้เข้ากับวัฒนธรรมการกิน และรสชาติที่คนไทยชื่นชอบ วันนี้เราถึงกับอึ้ง เมื่อนำเมนูพิซซามาปรับเป็น พิซซาหน้าส้มตำ ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นได้ แต่วันนี้เกิดขึ้นแล้ว
สำหรับเจ้าของไอเดีย พิซซาหน้าส้มตำ ชื่อว่า “นายเฉลิมพร ร่มโพธิ์ทอง” เจ้าของร้านฮักจี่ พิซซ่า อำเภอศรีวิไล จังหวัดบึงกาฬ โดยเปิดร้านพิซซาแห่งนี้มากว่า 10 ปี ซึ่งสูตรพิซซาที่ได้มาจากเดิมเขาได้เป็นสมาชิกของโครงการเยาวชนสัมพันธ์ ทำให้ได้มีโอกาสเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น และโฮมสเตย์ที่ไปพักอยู่ด้วยเขาเป็นเชฟ และความบังเอิญที่เขามีความเชี่ยวชาญทางด้านการทำพิซซาในแบบญี่ปุ่น ทำให้เรามีโอกาสเรียนรู้การทำพิซซาในแบบญี่ปุ่นจากที่นั่น แม้ว่าเพียงระยะเวลาสั้น แต่เราก็ได้อะไรมากมายจากเชฟญี่ปุ่นคนนี้
หลังจากกลับมาเมืองไทยก็ได้มาเรียนเพิ่มเติม ซึ่งโดยส่วนตัวมีพื้นฐานการทำพิซซาอยู่แล้ว พอมีความรู้มากพอก็เลยเปิดร้านพิซซาที่บ้านเกิด และร้านพิซซาของเราได้เข้าร่วมผลิตภัณฑ์โอทอปด้วย และเมื่อปี 2559 นายกรัฐมนตรี “ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ต้องการให้โอทอปที่เข้าร่วมโครงการนำนวัตกรรมใหม่มาใช้พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละจังหวัด ซึ่งตอนนั้นนึกไปถึงชื่อ “บึงกาฬ” มาจาก "บึงสีดำ" ก็เลยพัฒนาพิซซาสีดำขึ้นมาจากข้าวไรซ์เบอร์รี ประกอบกับช่วงนั้นข้าวไรซ์เบอร์รีเป็นข้าวที่มีการปลูกกันมากในจังหวัดบึงกาฬ
สีดำที่ได้มาจากข้าวไรซ์เบอร์รีได้จากผิวของข้าวชั้นนอก เนื่องจากเนื้อข้าวข้างในไม่ดำ ซึ่งโชคดีที่ได้โรงสีที่สามารถสีข้าวโดยได้ผิวข้าวไรซ์เบอร์รีที่เป็นสีดำออกมาได้ และนำมาเป็นส่วนผสมในแป้งพิซซา จนเป็นที่มาของแป้งพิซซาดำ ซึ่งได้ขึ้นทะเบียนเป็นสินค้าโอทอปของจังหวัดบึงกาฬ โดยวางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำในจังหวัดบึงกาฬและใกล้เคียง
สำหรับที่มาของพิซซา "หน้าส้มตำ" เกิดขึ้นมาจากที่จังหวัดบึงกาฬอาหารจานเด็ดคือส้มตำ เราก็เลยนำส้มตำมาลองเป็นหน้าพิซซา และเป็นความลงตัวโดยไปด้วยกันได้กับแป้งพิซซา โดยได้ลองส้มตำหลายแบบ แต่เลือกตำไทยลงตัวสุด เพราะถ้าเป็นส้มตำแบบอื่นๆ กลิ่นจะแรงเกินไป นอกจากนี้ ยังมีพิซซาหน้าลาบเห็ด พิซซาหน้าข้าวเม่า ราดช็อกโกแลต และพิซซาหน้าต้มยำ ทั้งหมดเป็นเมนูไทยที่เลือกนำมาเป็นหน้าพิซซาเพื่อสร้างเอกลักษณ์ที่แตกต่าง ในฐานะที่เราเป็นหนึ่งในโอทอปของจังหวัดบึงกาฬ
อย่างไรก็ตาม การทำหน้าส้มตำ หรือหน้าลาบเห็ด มีขั้นตอนการทำที่ยุ่งยากกว่าการทำพิซซาหน้าทั่วไป เพราะต้องตำส้มตำทีละครก และนำมาวางบนแป้งพิซซาที่โรยชีสไว้ก่อนจะนำไปอบ ดังนั้น หน้าส้มตำ และหน้าลาบเห็ด และหน้าไทยอย่างต้มยำ จะทำเฉพาะเวลาออกงานอีเวนต์เพราะเป็นจุดขายที่เรียกลูกค้าได้ และเป็นอย่างนั้นจริง เพราะทุกครั้งที่เราออกงานลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะสั่งพิซซาหน้าส้มตำ เนื่องจากเห็นว่าแปลกใหม่ อยากลอง โดยออกร้านแต่ละครั้งจะมีลูกค้าสั่งพิซซาหน้าส้มตำไม่น้อยกว่า 100-200 ถาด
ทั้งนี้ ราคาคิดเหมือนกับพิซซาหน้าทั่วไป คือราคาเริ่มต้นที่ถาดเล็ก 60 บาท ถาดกลาง 100-120 บาท และถาดใหญ่ 150-200 บาท คุณเฉลิมพล บอกว่า รายได้หลักมาจากการขายแป้งพิซซา และการออกร้านในงานอีเวนต์ต่างๆ เนื่องจากเราเป็นผลิตภัณฑ์โอทอปของจังหวัด ทำให้เราได้ออกร้านบ่อยครั้ง
ในส่วนการขยายสาขา ตั้งใจว่าจะขยายเอง แต่มีคนสนใจต้องการซื้อแฟรนไชส์อยู่บ้าง หลังจากได้เป็นผลิตภัณฑ์โอทอปของจังหวัดมีหน่วยงานต่างๆ เข้ามาให้ความรู้ รวมถึงความรู้เรื่องของการขยายสาขาในรูปแบบของแฟรนไชส์ ตอนนี้อยู่ในระหว่างการศึกษาดูความเป็นไปได้ก่อนที่จะตัดสินใจขายแฟรนไชส์ แต่ที่เราตั้งใจคือ อยากจะขยายตลาดแป้งพิซซาดำมากกว่า เพราะเป็นตลาดที่ยั่งยืนกว่า
เนื่องจากหน้าพิซซาทุกคนน่าจะมีสูตรของตัวเอง แต่แป้งพิซซาดำที่ทำจากข้าวไรซ์เบอร์รีเหมือนเป็นโลโก้ของ “ฮักจี่” ที่เราเชื่อว่ายังไม่มีใครทำเหมือนกับเราตอนนี้ และเป็นแป้งพิซซาเพื่อสุขภาพ เพราะคุณประโยชน์ของข้าวไรซ์เบอร์รีที่นำมาใช้ช่วยส่งให้เราได้ขายพิซซาที่ดีต่อสุขภาพให้แก่คนไทยด้วย ที่สำคัญช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวไรซ์เบอร์รีได้มีช่องทางการจัดจำหน่ายข้าว แก้ปัญหาราคาข้าวที่ตกต่ำได้ในอนาคต
สนใจโทร. 08-8622-9071
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *