หลายคนคุ้นเคยกับการชอปปิ้งให้สิทธิประโยชน์หลากหลายรูปแบบ จากระดับเบสิกแค่ป้าย “ลดราคา” “On Sale...%” หรือพวก “ซื้อ 1 แถม 1” ก็ทำให้ตาลุกวาวอยากเดินเข้าร้านหรือควักกระเป๋าจ่ายออกแล้ว แต่โปรโมชันดังกล่าวก็ถูกจัดขึ้นแค่เฉพาะบางเวลาเท่านั้น จึงได้มีโปรโมชันสะสมแต้ม ที่จะทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้เร็วขึ้นในทุกช่วงเวลา เพราะทุกครั้งที่จ่ายไปจะค่อยๆ สะสมแต้มเป็นมูลค่าเทียบเท่าเงินจริง เหมือนได้รับเงินคืนเพื่อนำไปซื้อของต่อ
พอเข้าสู่ยุคชอปปิ้งออนไลน์ที่มีการแข่งขันสูง หลายเจ้าต่างงัดกลยุทธ์มาดึงใจลูกค้ามากขึ้น ด้วยเหตุนี้เอง Dealcha.com เว็บไซต์ Cashback ที่แรกในไทยที่นำรูปแบบคล้ายคลึงกับสิทธิประโยชน์การรับเงินคืนของบัตรเครดิตมาใช้ ผู้ใช้ หรือนักชอป จะได้รับเงินคืนเข้าบัญชีธนาคารที่ลงทะเบียนไว้ ซึ่งแตกต่างจากระบบบัตรเครดิตหรือการสะสมพอยต์ตรงที่ลูกค้าสามารถไถ่ถอนยอดเงินออกเป็นเงินสดเข้าบัญชีไปใช้ซื้อสินค้าแบบออฟไลน์ได้ด้วย
ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับ เว็บไซต์เงินคืน (Cashback Website) อันนี้ ว่ามีจุดขายอย่างไรบ้าง เริ่มจาก ลูกค้าจะได้รับเงินคืนทุกครั้งที่ชอป และเว็บไซต์ลักษณะนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ในโลกการซื้อขายออนไลน์ เพราะช่องทางการค้าประเภทนี้ประสบความสำเร็จอย่างมากในตลาดยุโรปและอเมริกามากว่า 20 ปีแล้ว ที่สำคัญคือ กำลังเติบโตตามการขยายตัวของ E-commerce โดยมาพร้อมกับการทำการตลาดบนอินเทอร์เน็ตรูปแบบใหม่ ที่อาศัยตัวแทนโฆษณาโปรโมตสินค้าหรือบริการให้บนเว็บไซต์หรือโซเชียลมีเดียต่างๆ
ทั้งนี้ ตัวแทนโฆษณาดังกล่าวจะได้รับผลตอบแทนในรูปแบบค่าคอมมิชชันจากเจ้าของสินค้าหรือบริการนั้นๆ หรือที่เรียกว่า การตลาดแบบ Affiliate และทาง Cashback Website จะแบ่งค่าคอมมิชชันส่วนหนึ่งให้สมาชิกหรือลูกค้าในรูปแบบเงินคืน จึงเป็นแรงจูงใจให้เกิดเว็บไซต์ Dealcha! เพื่อทำตลาดในประเทศไทย โดยนักคิดและดีเวลอบเปอร์ไทยตั้งแต่ปี 2015
นายมีพร ไชยูปถัมภ์ CEO และ Co-founder บริษัท ดีลช่า จำกัด เปิดเผยว่า ทีมก่อตั้งมองเห็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่เพื่อที่จะเริ่มเว็บไซต์คืนเงินที่นี่ เนื่องจากตลาด E-commerce ในไทยกำลังเติบโตไปได้ดี เว็บไซต์ Cashback ของ Dealcha! จึงมีเป้าหมายหวังช่วยให้ลูกค้าประหยัดเงินทุกครั้งที่พวกเขาชอปออนไลน์ ซึ่งกลุ่มเป้าหมายก็คือนักชอปออนไลน์ที่ชอปกันอยู่ทุกวันนี้
ทั้งนี้ แพลตฟอร์มการคืนเงินถูกพัฒนาจากพนักงานภายในของดีลช่าเอง ซึ่ง Dealcha.com จะคอยช่วยให้ผู้ใช้งานหรือลูกค้าชอปปิ้งออนไลน์ได้ง่ายขึ้นจากเงินคืนที่จะได้รับ โดยผู้ใช้จะได้รับเงินคืนเป็นเปอร์เซ็นต์เมื่อซื้อสินค้าในเว็บไซต์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อด้วยบัตรเครดิต เก็บเงินปลายทาง หรือเคาน์เตอร์เซอร์วิส ยิ่งไปกว่านั้นลูกค้าสามารถใช้ร่วมกับโปรโมชันต่างๆ กับทางเว็บไซต์นั้นๆ ได้อีกด้วย เช่น การใช้โค้ดส่วนลด เป็นต้น และหลังจากที่มีการซื้อสินค้าหรือบริการจริง ลูกค้าจะได้รับเงินคืนไปที่บัญชีธนาคารของลูกค้า ซึ่งเงินที่ลูกค้าได้รับนั้นมาจากค่าคอมมิชชันที่ทาง Dealcha! ได้รับมาจากเว็บไซต์ร้านค้าต่างๆ หรือพันธมิตรทางการค้า อย่าง Expedia, Booking.com, Nike, Konvy, Central เป็นต้น นั่นเอง
สำหรับขั้นตอนการชอปกับ Dealcha! เริ่มต้นจากการเป็นสมัครสมาชิก กรอกอีเมลและตั้งรหัสผ่าน พร้อมใส่โค้ดคูปองพิเศษ (ถ้ามี) จากนั้นเลือกร้านค้าออนไลน์ได้ตามใจ โดยครอบคลุมทั้งหมวดการชอปสินค้า การจองที่พัก การจองเที่ยวบิน ประกันการเดินทาง ประกันรถยนต์ และบริการอื่นๆ ซึ่งแต่ละร้านค้าก็จะให้เงินคืนแตกต่างกันไป และเพื่อให้มั่นใจว่าการสั่งซื้อที่จะได้เงินคืนแน่นอน ลูกค้าสามารถเช็ก Shopping Trip ของตัวเองได้ ซึ่งหลังจากสั่งซื้อเสร็จแล้วก็เข้าไปเช็ก Cashback ในระบบ Dealcha! ได้เลย โดยจะมีการอัปเดตยอดเงินคืนในระบบภายใน 7 วัน นักชอปสามารถทำเรื่องไถ่ถอนได้เมื่อสะสมยอดครบ 250 บาทขึ้นไป
“ในขณะที่สื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ คอยให้ความรู้กับกลุ่มที่ไม่ใช่นักชอปออนไลน์ (Non shopper) เกี่ยวกับการเติบโตของตลาด E-commerce ทาง Dealcha! ก็มีบทความที่จะช่วยโปรโมตเว็บไซต์ E-commerce เว็บไซต์ท่องเที่ยว และเว็บไซต์สินค้าใหม่ๆ ด้วยเช่นกัน เรามีความเชื่อมั่นว่าจะสร้าง “ชุมชน” ที่ให้ความรู้แก่ผู้บริโภคคนไทยเกี่ยวกับข้อดีของชอปปิ้งออนไลน์ผ่านช่องทางการตลาด และการสื่อสารระหว่างผู้ใช้งาน และพยายามอย่างมากเพื่อทำให้ลูกค้ามั่นใจว่าพวกเขาจะได้ซื้อสินค้าและบริการที่ดีที่สุด นอกจากนี้ Dealcha! พร้อมวางแผนที่จะขยายธุรกิจไปในอาเซียน เข้าครอบครองตลาดไปพร้อมกับ E-commerce ที่กำลังเติบโตในแต่ละประเทศ"
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEs ผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *
