เมื่อต้องสานต่อธุรกิจของครอบครัวในเจเนอเรชันที่ 3 สำหรับการค้าขายกระเทียมไทย ด้วยการรับซื้อจากเกษตรกร ทำให้มองเห็นอนาคตที่พืชผลผลิตทางการเกษตรชนิดนี้อาจจะหายไปจากตลาดเพราะถูกตลาดจีนตีราคา ดังนั้นการเพิ่มมูลค่าจึงเป็นสิ่งจำเป็น ซึ่งผู้ประกอบการรายนี้เลือกแปรรูปเป็น “กระเทียมดำ” เอาใจคนรักสุขภาพสามารถกินเล่นได้
นายนพดา อธิกากัมพู ประธานกรรมการผู้จัดการ บริษัท นพดาโปรดักส์ จำกัด เผยที่มาถึงแนวคิดในการเพิ่มมูลค่าให้กระเทียมไทยว่า หากย้อนไปเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว คนไทยมีการบริโภคทั้งกระเทียมไทยและจีนคละกันไป แต่มาพักหลังคนไทยบริโภคกระเทียมจีนเป็นส่วนใหญ่ จากราคาที่ถูกกว่าและมีการนำเข้ามาเป็นจำนวนมาก ทำให้ครอบครัวผู้คร่ำหวอดในธุรกิจกระเทียมมานานเห็นอนาคตเกษตรกรผู้ปลูกกระเทียมอาจจะล่มสลายในไม่ช้า เขาจึงเกิดไอเดียเพิ่มค่ากระเทียมไทยให้เป็นที่นิยมและมีการบริโภคมากขึ้น สุดท้ายลงตัวที่ “กระเทียมดำ” เปี่ยมคุณประโยชน์สามารถกินเล่นได้ หรือนำไปประกอบอาหารก็ไม่ทำให้เสียรสชาติ
“การที่ธุรกิจของครอบครัวอยู่ในแวดวงการค้ากระเทียมมาหลายสิบปี ทำให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในธุรกิจดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเข้ามาแทรกแซงราคาของกระเทียมจีน ที่นอกจากราคาถูกกว่าของไทยแล้ว ยังเป็นที่นิยมของผู้บริโภคจากขนาดที่ใหญ่กว่า ได้เนื้อกระเทียมที่มากกว่า ดังนั้นผมคิดว่าหากตลาดกระเทียมในบ้านเรายังเป็นอย่างนี้ คาดว่าอีกไม่นานเกษตรกรผู้ปลูกกระเทียมจะล้มหายตายจากไปเรื่อยๆ”
เขาจึงคิดเพิ่มมูลค่ากระเทียมไทย แต่จะแปรรูปเป็นกระเทียมดอง หรือกระเทียมเจียวนั้น เขามองว่าธรรมดาเกินไป น่าจะมีหนทางที่ทำให้กระเทียมไทยมีมูลค่ามากกว่านี้ และต้องทำให้เกษตรกรอยู่รอดอย่างยั่งยืนด้วย กระทั่งได้เดินทางไปประเทศจีน มีเพื่อนชาวจีนชวนไปปีนเขา ซึ่งเขามีโรคประจำตัวคือความดัน ทำให้เลือดกำเดาไหลระหว่างปีนเขา เพื่อนก็ให้รับประทานกระเทียม อาการก็ดีขึ้น ทำให้เขาสนใจในสรรพคุณของกระเทียมยิ่งขึ้น จึงลองศึกษาโนว์ฮาวในการผลิตกระเทียมดำ โดยมีเพื่อนชาวจีนเป็นที่ปรึกษา โดยเฉพาะตู้อบ และบ่มกระเทียม
จากนั้นเขาตัดสินใจนำเข้าเครื่องอบกระเทียมดำ พร้อมนำมาพัฒนาให้เหมาะสมกับกระเทียมสายพันธุ์ไทยที่มีขนาดเล็กกว่า โดยได้รับการสนับสนุนจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในเรื่ององค์ความรู้ สู่กระเทียมดำภายใต้แบรนด์ “B-Garlic” ซึ่งถือเป็นผู้ประกอบการรายแรกของไทยที่ใช้เทคโนโลยีมาผลิตกระเทียมดำ ซึ่งคนทั่วไปจะใช้วิธีง่ายๆ ในการทำกระเทียมดำ คือเอากระเทียมสดมาห่อผ้าใส่ลงไปในหม้อแล้วปิดฝาไว้ประมาณ 20 วัน โดยห้ามเปิดฝาเด็ดขาดเพราะจะทำให้มีรสเปรี้ยว ก็จะได้กระเทียมดำ
แต่สำหรับ B-Garlic เลือกนำเทคโนโลยีมาใช้ในกระบวนการผลิต ทำให้ได้รสชาติที่ดีกว่า มีมาตรฐาน และเลือกใช้แต่กระเทียมโทนมาทำเป็นกระเทียมดำ จากนั้นนำเข้าสู่ตลาดก็ได้รับการตอบรับดีจากทั้งหน่วยงานราชการ ข้าราชการระดับสูงในจังหวัดลำพูน และจังหวัดอื่นๆ ทางภาคเหนือ โดยยกระดับกระเทียมดำ B-Garlic เป็นของดีประจำจังหวัดลำพูน ต่อมาขยายไปตามร้านขายของฝากต่างๆ ประมาณ 100 แห่ง และเตรียมนำไปวางจำหน่ายที่ท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ต
ขณะที่กำลังการผลิตอยู่ที่ 1,500 กก./เดือน ซึ่งจำนวนดังกล่าวถูกบังคับด้วยเครื่องจักร ในเร็วๆ นี้จะมีการเพิ่มเครื่องจักรรองรับปริมาณความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มมากขึ้นทั้งในไทยและต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น และประเทศในแถบตะวันออกกลาง โดยจะเป็นเครื่องจักรขนาดใหญ่ขึ้น สามารถผลิตได้ 10 ตัน/เดือน
สำหรับสรรพคุณของกระเทียมดำในแง่ทางการแพทย์ มีดังนี้ 1. ช่วยควบคุมระดับความดันเลือด 2. ลดความหนืดของเลือดในผู้ป่วยเบาหวาน 3. ลดน้ำตาลในเลือด 4. ลดไขมันและคอเลสเตอรอล 5. ช่วยบำรุงตับ ตับอ่อน ไต ให้อยู่ในภาวะสมดุล 6. มีประสิทธิภาพในการช่วยควบคุมและลดขนาดของเนื้องอกไม่ให้มีการเจริญเติบโต 7. สาร SAC ในกระเทียมดำมีฤทธิ์ในการต่อต้านเซลล์มะเร็ง 8. มีสารบำรุงสมอง (GABA) 9. มี Antioxidant ในปริมาณสูง 10. ช่วยในเรื่องภูมิแพ้ 11. ช่วยขับสารพิษที่เข้าสู่อวัยวะต่างๆ ของร่างกาย 12. ช่วยในเรื่องระบบขับถ่าย 13. ช่วยให้เลือดหมุนเวียนดีขึ้น 14. แก้อาการแฮงก์ และขับพิษสุราที่เป็นอันตรายต่อตับ โดยการรับประทานจะรับประทานในช่วงเช้า ขณะที่ท้องว่าง (ครั้งเดียว) กินครั้งละ 3-4 หัว เพื่อบำรุงร่างกายและขับพิษทั่วไป หรือกินครั้งละ 6-8 หัวเพื่อลดความดัน เบาหวาน คอเลสเตอรอลและไขมัน
ขณะที่รสชาติของกระเทียมดำจะมีรสหวาน รับประทานง่าย สามารถนำไปประกอบอาหารหรือเป็นของกินเล่นได้ โดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายเนื่องจากกระเทียมดำผลิตจากธรรมชาติ ไม่มีสารเคมีใดๆ ในกระบวนการผลิต
เรียกได้ว่า B-Garlic เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของผู้ประกอบการที่สามารถยกระดับผลผลิตทางการเกษตรออกมาได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในเรื่องของราคาที่จากเดิมกระเทียมไทยขายประมาณกิโลกรัมละ 50 บาท แต่เขากลับทำให้มูลค่าเพิ่มสูงถึง 300% โดยราคากระเทียมดำที่กะเทาะเปลือกแล้ว ขนาด 60 กรัม อยู่ที่ 90 บาท 20 กรัม 50 บาท ส่วนกระเทียมดำที่ยังมีเปลือกอยู่ ขนาดใหญ่ 500 กรัม 650 บาท ขนาด 250 กรัม 350 บาท และ 100 กรัม 150 บาท จากราคาขายดังกล่าวทำให้เกษตรมีรายได้เพิ่มขึ้น และมีตลาดที่แน่นอน
อนาคตเขาเตรียมแปรรูปกระเทียมดำเป็นขนมขบเคี้ยว อัดเม็ดคล้ายนมอัดเม็ด สำหรับอม และขยายตลาดสู่อุตสาหกรรมอาหาร เช่น ที่ประเทศญี่ปุ่นมีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกลิ่นกระเทียมดำ น้ำมันเจียวทำจากกระเทียมดำ และในเส้นก็มีกระเทียมดำผสมอยู่ด้วย
***สนใจติดต่อ 09-7920-9976 หรือที่ Facebook: Black Garlic กระเทียมดำเพื่อสุขภาพ นวัตกรรมเพื่อยกระดับกระเทียมไทย***
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *